ท่านผู้อ่านคิดว่าการมีแผนสำรองหรือแผนสองเป็นสิ่งที่ดีไหมครับ?
แน่นอนครับเราทุกคนล้วนถูกปลูกฝังมาให้มีแผนสำรองในชีวิตไม่ว่าจะทำอะไรก็ตาม ผมเองก็เป็นหนึ่งในนั่นเช่นกัน จนกระทั้งผมได้มีโอกาสดูคลิปๆหนึ่งทางยูทูปที่ค่อนข้างน่าสนใจเกี่ยวกับเรื่องนี้
โดยคลิปๆนี้ มาจาก บทสัมภาษณ์ของArnold Schwarzenegger ชายชาว ออสเตรีย-อเมริกัน ซึ่งเป็นนักการเมือง, นักแสดง, ผู้สร้างภาพยนตร์, นักธุรกิจ, นักเขียนอดีตนักเพาะกายมืออาชีพ และเคยดำรงตำแหน่งผู้ว่าการรัฐแคลิฟอร์เนียคนที่ 38 ของสหรัฐอเมริกา ตั้งแต่ปี พ.ศ. 2546 ถึง 2554 ซึ่งมากับหัวข้อที่น่าสนใจนั่นก็คือ I hate plan B หรือแปลเป็นไทยว่า “ฉันเกลียดแผนสอง”
Arnold ได้ให้มุมมองว่าสาเหตุที่เขาเกลียดแผนสำรองนั่นเป็นเพราะว่า การที่เรามีแผนสำรองมันเหมือนเป็นการถามกับตัวเองว่า “ แล้วถ้าแผนแรกเราไม่สำเร็จหล่ะ เราจะมีแผนสองรองรับเราใช่ไหม “ และในทุกๆครั้งที่เรากำลังนึกถึงแผนสำรอง มันเป็นการบั่นทอนความคิดความแน่วแน่ที่เราจะใส่ลงไปในแผนแรกมาไว้ที่แผนสองและแน่นอนถ้าเราไม่มีความมั่นใจในเป้าหมายของเราตั้งแต่แรก แผนเอของเราก็จะไม่มีทางประสบความสำเร็จ เขายังกล่าวต่อไปอีกว่า เราทุกคนจะเติบโตได้ดีกว่าถ้าเราไม่มีตาข่ายที่จะกันเราตกจากความล้มเหลวหรือ safety net ยกตัวอย่างง่ายๆ ทำไมนักฟุตบอลระดับโลกหลายๆคนถึงมีพื้นฐานมาจากความยากจน มันก็เป็นเพราะว่าพวกเขาไม่มีแผนสำรองในชีวิตแผนทั้งหมดที่พวกเขาสามารถจะมีได้ก็มีเพียงแต่แผนแรกแผนเดียวเท่านั่น และเมื่อพวกเขาหันหลังกลับไปมองสิ่งที่สามารถรองรับพวกเขาได้เมื่อพวกเขาล้มเหลว พวกเขากลับไม่พบอะไรเลย มันเลยเป็นสิ่งๆหนึ่งที่ช่วยให้พวกเขาเติบโตได้รวดเร็วและมั่นคงกว่านักฟุตบอลที่เกิดในกองเงินกองทอง
แล้วอะไรเป็นสิ่งที่ทำให้เรายังมั่วแต่จะคิดถึงแผนบีอยู่?
คำตอบของ Arnold ก็คือ เพราะมนุษย์เอาแต่กังวลกับความล้มเหลว เราทุกคนคิดว่าการล้มเหลวเป็นสิ่งที่ผิด มันเป็นการที่สังคมไม่ยอมรับ มันเป็นการอับอายขายหน้า ด้วยเหตุผลอื่นๆอีกมากมายจึงทำให้เราไม่พร้อมที่จะล้มเหลว และนั่นเป็นวิธีคิดที่ผิด Arnold กล่าว เราควรที่จะกล้าที่จะล้มเหลว ความล้มเหลวไม่ใช่เรื่องที่ผิด และยิ่งไปกว่านั้นมันคือจิ๊กซอว์สำคัญที่จะประสบความสำเร็จ และแน่นอนถ้าเราไม่กลัวที่จะเจ็บตอนที่เราตกลงมา เราก็ไม่จำเป็นต้องมีตาข่ายที่จะรองรับเรา และเมื่อเราไม่มีตาข่ายเหล่านั้น เราก็จะเติบโตอย่างสมบูรณ์แบบ
จากบทสมภาษณ์ของ Arnold ค่อนข้างที่จะน่าสนใจไม่น้อย ผมเลยอยากจะแบ่งปันมุมมองของผมลงไปในบทความนี้บ้างครับ
ประเด็นแรกผมจะยังคิดว่าเราทุกคนควรที่จะมีแผนสำรองในชีวิต อย่างไรก้ตามเราควรจะโฟกัสกับแผนแรกให้มากที่สุด(ฉันมีแผนสองนะแต่ฉันยังไม่คิดถึงมันหรอก อย่างไรก็ตามสิ่งที่ฉันต้องการมากที่สุดก็คือการทำแผนแรกให้สำเร็จอยู่ดี) และเมื่อเราพยายามจนสุดความสามารถแล้วแต่แผนแรกกลับไม่สำเร็จ เราถึงจะเริ่มคิดแผนสองหรือแผนสำรอง เราไม่ควรคิดถึงแผนสำรองขณะเราตั้งใจทำแผนแรกเพราะอย่างที่ Arnold กล่าวมันเป็นการบั่นทอนเวลาและความตั้งใจที่เราจะใส่เข้าไปในแผนเอมาลงในแผนบี ถึงอย่างนั้นบางทีแผนสำรองอาจจะไม่ใช่แผนสองในความคิดของผม แต่มันคือการที่เราปรับเปลี่ยนรูปแบบของแผนแรกเพ่อให้บรรลุเป้าหมายที่เหมือนกันและได้ผลลัพธ์ที่เหมือนกันมากกว่า
แต่สิ่งที่ผมคิดว่า Arnold กำลังพูดถึงคือบุคคลที่ยอมแพ้ บุคคลที่ลังเลกับแผนเอของพวกเขา บุคคลที่พร้อมที่จะหันหลังกลับไปหาตาข่ายของพวกเราได้เสมอ พวกเขาจึงเลือกที่จะทำแผนเอในขณะที่คิดถึงแผนบีไปพร้อมๆกัน มันจึงทำให้โอกาสที่พวกเขาจะประสบความสำเร็จในแผนแรกค่อนข้างที่จะน้อย
สุดท้ายนี้ ผมคิดว่าเรื่องนี้มันไม่มีคำตอบตายตัว ไม่มีอะไรผิดอะไรถูก มันขึ้นอยู่กับความคิด ทัศนคติของบุคคลนั้นๆและการเลือกวิธีการหรือ strategy ที่เหมาะสมกับตัวเองมากที่สุดเพื่อที่จะบรรลุเป้าหมายอะไรก็ตามในชีวิต
แหล่งที่มา https://youtu.be/TPmBkmJDPvQ
เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น
Log in