เราใช้คุ๊กกี้บนเว็บไซต์ของเรา กรุณาอ่านและยอมรับ นโยบายความเป็นส่วนตัว เพื่อใช้บริการเว็บไซต์ ไม่ยอมรับ
รีวิวเว้ย (3)Chaitawat Marc Seephongsai
ปาฏิหาริย์นั้นมีจริง (พิมพ์ครั้งที่ 2) By พีระ เจริญวัฒนนุกูล
  • รีวิวเว้ย (1646) ทำไมโลกวิชาการถึงไม่เชื่อเรื่อง "ปาฏิหาริย์" ? คำถามนี้วนเวียนอยู่ในหัวเรามาพักใหญ่ ๆ เมื่อต้องหาคำตอบของคำถามว่าโลกวิชาการทั้งในไทยและสากล ต่างดูจะไม่ให้น้ำหนักกับเรื่องของปาฏิหาริย์ ที่นำพาไปสู่บทตั้งต้นหรือบทสรุปของงานศึกษาทางวิชาการบางแบบ โดยเฉพาะในโลกวิชาการทางวิทยาศาสตร์ที่เรื่องของปาฏิหาริย์ ดูจะเป็นสิ่งเหลวไหลไร้สาระ แต่ถ้าลองคิดในมุมกลับกันอย่างความเชื่อหลักของวิทยาศาสตร์ที่บอกว่า การศึกษาวิทยาศาสตร์คือการศึกษาธรรมชาติผ่านการทดลอง สังเกตและทำซ้ำเพื่อพิสูจความเที่ยงตรงของปรากฏการณ์ต่าง ๆ ก่อนนำไปสู่การเกิดขึ้นของทฤษฎีบทต่าง ๆ หากแต่ถ้าลองคิดในมุมกลับกัน อะไรทำให้นักวิทยาศาสตร์หนึ่งคน ถึงสนใจ สังเกต ค้นพบ และทดลองซ้ำกับปรากฏการณ์ต่าง ๆ จนนำไปสู่การเกิดขึ้นของทฤษฎี เราจะเรียกจุดตั้งต้นแรกสุดของเหตุการณ์ก่อนนำไปสู่การก่อเกิดทฤษฎีต่าง ๆ ว่าเกิดจาก "ปาฏิหาริย์" ได้ไหมนะ ?
    หนังสือ : ปาฏิหาริย์นั้นมีจริง: ความบังเอิญของไทยในการเอาตัวรอดจากอังกฤษหลังสงครามโลกครั้งที่ 2 (พิมพ์ครั้งที่ 2)
    โดย : พีระ เจริญวัฒนนุกูล
    จำนวน : 408 หน้า
    .
    หนังสือ "ปาฏิหาริย์นั้นมีจริง: ความบังเอิญของไทยในการเอาตัวรอดจากอังกฤษหลังสงครามโลกครั้งที่ 2" ต่อไปนี้ขอเรียกสั้น ๆ ว่า "ปาฏิหาริย์นั้นมีจริง" เริ่มต้นจากความต้องการศึกษาประเด็นเรืองของ "ความบังเอิญ" ในมุมมองของการศึกษาความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ (International Relations) ดังที่ปรากฏความประสงค์อยู่ในคำนำของหนังสือความว่า "...หนังสือตั้งต้นด้วยคำถามที่ว่าในการศึกษาสาขาวิชาความสัมพันธ์ระหว่างประเทศอินเตอร์เนชั่นแนลรีเวชั่น นั้น 'ความบังเอิญ' สามารถนำไปสู่ผลลัพธ์ใด ๆ ในกรณีศึกษาได้หรือไม่ และจะสามารถศึกษารวมทั้งพิสูจน์ถึงความสำคัญของความบังเอิญได้อย่างไร เพื่อที่จะตอบคำถามดังกล่าวหนังสือเล่มนี้จึงได้ตั้งคำถามต่อมาว่า กรณีศึกษาที่จะนำมาใช้ตอบคำถาม ดังกล่าวโดยเฉพาะในกรณีของการรอดพ้นของไทยจากการลงโทษโดยอังกฤษภายหลังสงครามโลกครั้งที่ 2 (สิงหาคม-ธันวาคม 2488) นั้น ความบังเอิญมีบทบาทสำคัญอย่างไรบ้างที่ช่วยให้ถ่ายรอดพ้นจากวิกฤติการณ์ที่ว่า..."
    .
    เช่นนั้นจะเห็นว่า "ปาฏิหาริย์นั้นมีจริง" ตั้งใจศึกษาการรอดพ้นสถานะของการสูญเสียอำนาจอธิปไตยของสยามในช่วงเวลาดังกล่าวผ่านกรอบทฤษฎีที่ว่าด้วยเรื่องของ "ปาฏิหาริย์" และ "ความบังเอิญ" ในมุมมองของการศึกษาความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ ผ่านการศึกษาเอกสารทางประวัติศาสตร์ หลักฐานชั้นต้นทั้งของไทย อังกฤษและอเมริกา ที่เกี่ยวข้อง เชื่อมโยง ส่งต่อ และสร้างให้เกิดเหตุการณ์ที่เป็นประโยชน์โพดผลต่อสยามประเทศในครานั้น
    .
    โดยเนื้อหาของ "ปาฏิหาริย์นั้นมีจริง" ฉบับพิมพ์ครั้งที่ 2 มีการปรับปรุงเนื้อหาและการใช้ภาษาให้กระชับขึ้นจากฉบับพิมพ์ครั้งก่อน และมีการเพิ่มในส่วนของคำนิยมของนักวิชาการด้านประวัติศาสตร์ที่ศึกษาค้นคว้าเรื่องราวของเสรีไทยมาเนิ่นนาน และการตั้งคำถามในมุมมองของนักวิชาการด้านความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ ที่ช่วยให้ผู้อ่านมองเห็นมุมมองของความเป็นไปได้บางประการที่สามารถและอาจเกิดขึ้นได้จากทั้งปาฏิหาริย์ ความบังเอิญ ในฐานะของการสบโอกาสอย่างประจวบเหมาะพอดีของเหตุการณ์ในแต่ละช่วงเวลา และเนื้อหาส่วนหลักของ "ปาฏิหาริย์นั้นมีจริง" ได้แบ่งออกเป็น 6 บท ที่ว่าด้วยเรื่องของทฤษฎี และการลงไปมีปฏิสัมพันธ์กับหลักฐานและเอกสารชั้นต้นต่าง ๆ เพื่อตอบคำถามของงานศึกษาชิ้นนี้ สำหรับเนื้อหาของ "ปาฏิหาริย์นั้นมีจริง" แบ่งเป็นดังนี้
    .
    ปาฏิหาริย์ของปาฏิหาริย์ โดย สรศักดิ์ งามขจรกุลกิจ
    .
    เมื่อความบังเอิญสร้างปาฏิหาริย์ โดย ศุภมิตร ปิติพัฒน์
    .
    บทที่ 1 สภาพปัญหา ปาฏิหาริย์ และวิธีคิดอันสวนทางจากข้อเท็จจริงที่เกิดขึ้น
    .
    บทที่ 2 ปัญหาของวันที่ 16 สิงหาคม พ.ศ. 2488: ท่าทีอังกฤษ อเมริกาและไทย
    .
    บทที่ 3 ยอมทุกอย่างเพื่อยุติสงคราม: เจรจาที่แคนดีครั้งที่ 1
    .
    บทที่ 4 ต่อรองและเตะถ่วง: การเจรจาที่แคนดีครั้งที่ 2
    .
    บทที่ 5 ลงนามหรือไม่: ความแตกแยกมนรัฐบาลกับการเจรจาครั้งสุดท้ายที่สิงคโปร์
    .
    บทที่ 6 ด้วยปาฏิหาริย์และความบังเอิญ
    .
    การได้กลับมาอ่าน "ปาฏิหาริย์นั้นมีจริง: ความบังเอิญของไทยในการเอาตัวรอดจากอังกฤษหลังสงครามโลกครั้งที่ 2" ทำให้เราเกิดคำถามขึ้นเล็ก ๆ ว่าแท้จริงแล้วเราอาจจะหลงลืมเรื่องของความ "ประจวบเหมาะ" ที่ในหลายครั้งมันคือโอกาสสามัญที่อาจเกิดขึ้นได้เสมอ เมื่อสบเวลาและสบโอกาส เช่นนั้นหากเราลองนำเอากรอบการมองของ "ปาฏิหาริย์นั้นมีจริง: ความบังเอิญของไทยในการเอาตัวรอดจากอังกฤษหลังสงครามโลกครั้งที่ 2" ไปใช้กับงานหรือหลักฐานทางประวัติศาสตร์ชิ้นอื่น ๆ ไม่แน่ว่าเราอาจจะพบคำตอบของเหตุการณ์ที่ต่างออกไปจากสิ่งเดิมที่เราเคยเชื่อถือ

เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น

Log in
amelia2 (@amelia2)
RETRIEVING STOLEN BITCOIN & USDT THROUGH HACKER JUDAS

After being persuaded by a friend on Instagram, I decided to invest $24,000 in a promising opportunity. Initially, everything appeared legitimate, with enticing offers and glowing testimonials that made me believe I was on the verge of financial success. However, this excitement quickly turned into despair. Their website promised help for individuals like me who had fallen victim to fraudulent platforms. Skeptical yet hopeful, I reached out to them. The initial consultation was reassuring; The process was straightforward, and their transparent communication eased my anxiety. They provided regular updates on the status of my case, which helped me feel more in control. To my astonishment, within just a week, I received confirmation that Judas was able to recover my funds. It was an exhilarating moment; after all the stress and uncertainty, I could finally see the light at the end of the tunnel. When I got my $24,000 back, I felt an immense weight lift off my shoulders. Judas not only recovered my money but also restored my faith in seeking help when in distress. If you find yourself in a similar situation, I urge you to reach out to them before it’s too late. It’s easy to feel lost and overwhelmed, but you don’t have to face it alone. With the right support, you can reclaim what’s rightfully yours and move forward with renewed confidence.
Site : https://hackerjudasrecovery.info/
Email: hackerjudas9@gmail . com
whatsapp: +18075002291