สำหรับผม การแปล Introvert ว่าคนเก็บตัว ฟังดูแปลกๆ เหมือนจะสื่อความไม่ตรงนัก แต่ผมก็ไม่ใช่ผู้เชี่ยวชาญด้านภาษา ไม่สามารถหาคำที่ตรงกับความคิดได้เหมาะเจาะ ถ้าจะลองแปลคงได้เป็นถ้อยคำยาวๆ ว่า คนที่สามารถอยู่กับตัวเองตามลำพังได้

ผมไม่รู้แน่ชัดว่า Introvert ถูกรู้จักกว้างขวางเมื่อไหร่กันแน่ ถ้ายึดเอาตามเส้นทางการอ่าน หนังสือเล่มแรกๆ ที่พูดถึงคนกลุ่มนี้ซึ่งมีประมาณ 1 ใน 3 ของคนทั้งโลกคือ ‘พลังของคนเงียบในโลกที่ไม่เคยหยุดพูด’ หนังสือแปลตีพิมพ์โดยสำนักพิมพ์มติชน ปี 2555 หลังจากนั้น 4 ปีหรือปี 2559 ก็มี ‘สบายดีอินโทรเวิร์ท ใช้ชีวิตให้สุขสันต์กับตัวฉันที่เป็นจริง The Happy Introvert’ โดยสำนักพิมพ์มูลนิธิโกมลคีมทอง

เป็นครั้งแรกที่ผมรู้ว่าบุคลิกแต่กำเนิดของผมมีชื่อเรียกว่าอะไร

‘Actually, I’m an Introvert’ หรือ ‘ที่จริงแล้ว ฉันเป็นคนเก็บตัวนะ’ ของนัมอินซุก เป็นอีกเล่มที่เล่าชีวิต Introvert ผ่านเรื่องราวของตัวเธอเอง มีการใส่คำอธิบายทางวิทยาศาสตร์ถึงความต่างระหว่าง Extrovert กับ Introvert ว่าอยู่ที่ฮอร์โมนที่แตกต่างกันเวลามีความสุข มีแบบทดสอบให้ลองทำว่าคุณเป็น Introvert หรือไม่ (แน่นอน ระดับคะแนนผมสูงลิ่ว)

เรื่องราวชีวิตของนัมอินซุกเป็นแค่ส่วนประกอบ ผมตีความว่าเธอต้องการให้ผู้คนเข้าใจว่าคน Introvert มีลักษณะอย่างไร? อย่าเพิ่งด่วนสรุปบุคลิก Introvert ที่ออกมาในทางลบ Introvert จะรับมือกับสถานการณ์ต่างๆ ในโลกที่ค่อนไปทาง Extrovert อย่างไร?

เอาล่ะ มาทบทวนนิดหน่อยว่า Introvert มีลักษณะแบบไหน? โดยใช้ผมเป็นตัวอย่าง-ไม่ชอบเข้าสังคม ไม่ชอบงานสังสรรค์ ซ้ำยังรู้สึกเหนื่อย หมดพลังงาน และต้องกลับไปอยู่คนเดียวเพื่อชาร์จไฟ ไม่ชอบคนเยอะๆ คุย small talk ไม่เป็น ไม่ค่อยรู้วิธีโอภาปราศรัย ชอบความเงียบสงบ อยู่กับตัวเองได้โดยไม่มีปัญหามากนัก มีเพื่อนสนิท (จริงๆ) ค่อนข้างน้อย แต่คบหาแบบลึก และผมไม่มีปุ่มกดสู่โหมดเข้าสังคมแบบผู้เขียน.ส่วน Extrovert ก็จะตรงข้าม (เดี๋ยวก่อน ไม่ได้หมายความว่าคน Extrovert ต้องมีเพื่อนเยอะและคบหาแบบผิวเผินนะ)

บุคลิกเหล่านี้ทำให้ Introvert มักถูกเข้าใจผิดบ่อยๆ เช่น เป็นคนหยิ่ง ไม่มีอัธยาศัย ไม่รู้จักทำงานเป็นทีม เอื่อยเฉื่อย ฯลฯ

“ลักษณะพิเศษที่เด่นชัดมากของคนชอบเก็บตัวคือการคำนึงถึงความรู้สึกของคนอื่นมาก่อนเป็นอันดับแรก มากกว่าการคำนึงถึงความจริงตามสัญชาตญาณ แม้เป็นคนแปลกหน้าก็ยังไม่กล้าที่จะเป็นปฏิเสธอย่างไร้หัวใจ”

อ่านย่อหน้านี้แล้ว ภายในตะโกนว่า นี่มันตัวฉันชัดๆ.สิ่งที่ผมกับผู้เขียนเหมือนกันอีกอย่างคือโรคซึมเศร้า ไม่รู้ว่ามีการวิจัยทางวิทยาศาสตร์หรือยังว่าบุคลิกแบบ Introvert กับโรคซึมเศร้าเกี่ยวข้องกันหรือเปล่า

ยอมรับกันใช่ไหมว่าโลกยุคปัจจุบันเอนเอียงไปทาง Extrovert คนที่มีบุคลิกชอบเข้าสังคม ผูกมิตรกับผู้อื่นได้ง่าย ปฏิสัมพันธ์ได้ดี ประตูโอกาสมีมากบานกว่าสาย Introvert ยิ่งถ้า connection พันล้านคือความจำเป็นของความสำเร็จ Introvert ก็อยู่ไกลกว่า Extrovert มาก

เรื่องหนึ่งที่หนังสือแนวนี้ต้องหยิบยกมาคือมนุษย์ Introvert ที่ประสบความสำเร็จ ประมาณว่าถึงคุณจะเป็น Introvert คุณก็ร่ำรวย มีชื่อเสียง หรือประสบความสำเร็จได้ ซึ่งเอาเข้าจริงผมไม่ได้ใส่ใจเท่าไหร่ว่าใครจะเป็น Introvert บนยอดเขา

ถึงกระนั้น ในโลกที่เสียง บุคลิก การเจรจาพาที การเข้าสังคม และการรู้จักผู้คนเป็นสิ่งที่ขาดไม่ได้ถ้าใครสักคนต้องการที่ยืนในสังคม ทั้ง Extrovert และ Introvert จึงต้องขวนขวายไปเข้าคอร์สอบรมให้ได้สิ่งเหล่านี้มาครอบครอง

ผมเคยมีความคิดทำนองนี้ไหม? มี แต่จนแล้วจนรอดก็ไปไม่รอด หมายถึงไม่ได้ลองเข้าคอร์สใดๆ เลย อย่างแรกคือค่าคอร์สแพงอย่างน่าใจหาย สอง-แค่คิดว่าต้องอยู่ท่ามกลางคนหมู่มากที่ไม่รู้จักผมก็รู้สึกอึดอัดและหวาดหวั่นแล้ว ดังนั้น Introvert ที่สามารถทำสิ่งเหล่านี้ได้ สำหรับผมถือว่าเก่งกาจ

สามสี่ปีก่อนมีนักเขียนเซเลบโพสต์สเตตัสว่าเป็น Introvert พร้อมคำบรรยายต่างๆ นานา จนเกิดเป็นกระแสขึ้นมาวูบวาบหนึ่ง ได้ยินว่ามีคนอยากเป็นหรือแสดงออกเป็น Introvert ผมถามตัวเองดังๆ ว่าถ้าไม่มีบุคลิก Introvert แล้วจะแสดงออกว่าเป็น Introvert ได้ยังไง

ผมจินตนาการตัวเองในฐานะ Extrovert ที่ต้องการแสดงออกเป็น Introvert อะไรที่ผมต้องทำบ้าง นั่งเงียบๆ อ่านหนังสือคนเดียวในร้านกาแฟเหรอ? ไปเฮฮากับเพื่อนให้น้อยลงเหรอ? ทำตัวให้เงียบขึ้นเหรอ? เก็บตัวอยู่ในห้องให้มากกว่าเดิมเหรอ? แต่ถ้าอยู่กับตัวเองมากขึ้น แล้วคนอื่นจะรู้ได้ยังไงว่าเป็น Introvert ล่ะ

มันสะท้อนถึงอิทธิพลของสื่อ influencer และกระแสไลฟ์สไตล์อันวูบไหวรวดเร็วที่แปลงบุคลิกประเภทหนึ่งเป็นความเท่และคูล เป็นงานศิลปะมีชีวิตที่ลึกลับน่าค้นหา ก่อนจะค่อยๆ หล่นหายไปตามเวลา

จะเป็น Extrovert Introvert หรือ Ambivert (อยู่ตรงกลางระหว่าง 2 vert แรก) เราต่างก็มีชีวิตขึ้นมาแล้ว หน้าที่คือใช้ชีวิตใช่ไหมล่ะ

ตอนนี้ผมก็พยายามหาที่ทางของตัวเองบนโลกและเป็นในสิ่งที่ผมเป็นก็พอ...ไม่มากไปกว่านั้น

คือผมเป็นคนขี้เกียจน่ะ