กิจวัตรประจำวันทุกอย่างยังเหมือนเดิม ต่างแค่เราได้รับมอบหมายงานเป็นตารางดังนี้ คือ เช้าวันอังคารและวันพุธ เรากับกมลรับหน้าที่เล่านิทานให้เด็กเล็กฟังช่วงเช้าก่อนเริ่มเรียน เพื่อเป็นการเตรียมความพร้อม ส่วนวันพุธก็รับหน้าที่เริ่มวิชาคณิต โดยการสร้างรูปภาพจากตัวเลข 1-9 อาทิตย์ละ 3 ตัวเลข เช่น เลข 1 สามารถสร้างเป็นรูปอะไรได้บ้าง เราก็จะวาดให้เด็ก ๆ ดู เป็นพิซซ่า ร่ม หรือรูปอื่น ๆ แล้วให้เด็ก ๆ วาดเลข 1 ของตัวเอง เราเริ่มต้นวิชาคณิตด้วยกิจกรรมก่อนจะเริ่มเรียนวิชาคณิตในรูปแบบวิชาการ ส่วนวันพฤหัส เรากับกมลได้รับหน้าที่ให้เล่านิทานให้เด็ก ๆ ทั้งโรงเรียนฟังในช่วงบ่ายก่อนเริ่มเรียน ซึ่งบางอาทิตย์ก็อาจไม่ได้เล่าบ้างเนื่องจากติดวันหยุดหรือมีกิจกรรมอื่น ๆ แทรก ก็ปรับเปลี่ยนกันไปในแต่ละอาทิตย์
ช่วงนี้เรากับกมลไม่ได้เข้าไปสอนแบบที่โรงเรียนเก่าแล้ว เพราะคุณครูเก่าเริ่มกลับมาสอน ทำให้จำนวนครูอาจเยอะเกินไป เรากับกมลจึงเข้าไปช่วยแค่บางวิชาและดูแลเด็กโดยภาพรวมมากกว่า หรือบางวิชาที่เด็กต้องการครูประกบเท่านั้น
การเล่านิทานวันพฤหัสก็ยังคงเป็นเช่นเดิมคือการหยิบสิ่งของจากธรรมชาติมาประกอบการเล่าเรื่อง ซึ่งครั้งนี้เรากับกมลเลือกเรื่อง the giving tree หรือชื่อเรื่องภาษาไทยคือ ต้นไม้ผู้ให้
กิจกรรมในเดือนกรกฎาคม นอกจากทำงานที่โรงเรียนแล้ว ก็มีวันหนึ่งที่เรากับกมลได้ไปช่วยครูแตงโมทำนิทรรศการเด็กเรียนเองที่ ห้องสมุดประชาชน เชียงใหม่ ห้วยแก้ว หรือในเพจ ห้องสมุดประชาซน เจียงใหม่ เป็นนิทรรศการที่เด็กและผู้ปกครองสามารถเข้ามาทำกิจกรรมได้ โดยมีกิจกรรมที่แตกต่างกันไปในแต่ละอาทิตย์ เช่น ปั้นดิน ทำหุ่นเงา หรือมีเวิร์คชอปพูดคุยเกี่ยวกับการดูแลเด็ก
ในนิทรรศการมีการตั้งคำถามเกี่ยวกับระบบการศึกษาไทย อย่างเช่น ทำไมเราถึงไม่อยากไปโรงเรียน ไปจนถึงคำถามที่ว่าหากเราไม่พอใจกับระบบการศึกษาที่มีอยู่ การทำการศึกษาเองเป็นสิ่งที่ผิดหรือไม่ ซึ่งการตั้งคำถามและการตอบคำถาม ทุกคนสามารถเข้ามาเขียนตอบได้ทั้งเด็กและผู้ใหญ่ ซึ่งเราคิดว่านิทรรศการนี้มีความน่าสนใจอย่างมาก เพราะระบบการศึกษาไทยในปัจจุบันไม่ได้มุ่งเน้นในการพัฒนาเด็กแบบครบด้าน แต่พัฒนาเพียงแค่ด้านสติปัญญาเท่านั้น และมีรูปแบบเดียวกันคือการสอนเด็กเพื่อสอบเข้ามหาวิทยาลัย
หน้าที่ของเรากับกมลคือดูแลแขกในห้องสมุด ช่วยครูแตงโมจัดนิทรรศการ และคอยช่วยเหลือเด็กที่เข้ามาทำกิจกรรมในห้องสมุด และทำโปสเตอร์โปรโมทกิจกรรมให้กับทางห้องสมุดบ้างบางครั้ง
/
การทำกิจกรรมนอกโรงเรียนก็ถือว่าเป็นประสบการณ์ชีวิตที่หลากหลาย ได้พบปะคนในสังคมการศึกษาต่าง ๆ ได้ตระหนักถึงประเด็นการศึกษาในประเทศไทยมากขึ้น และไม่หลงลืมความสำคัญของรูปแบบการศึกษา หลังจากไปนิทรรศการเราตั้งคำถามเกี่ยวกับการศึกษามากขึ้นมาก ๆ และพยายามค้นหารูปแบบการศึกษาที่เหมาะสมกับตัวบุคคลแต่ละคนมากที่สุดว่าควรเป็นแบบใด (จริง ๆ ก็เคยลองคิดมาแล้วในวิชาการศึกษาของครูกิ๊บ เราได้สร้างโรงเรียนในรูปแบบที่เราชอบ แต่ก็ไม่รู้ว่าเหมาะกับเด็ก ๆ จริงหรือเปล่า)
เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น
Log in