แพรวรู้สึกเหมือนเธอเป็นคนใหม่ รูโหว่ในจิตใจไม่เคยหายไป แต่มีต้นอ่อนของดอกเบญจมาศเติบโตอยู่ข้างใน เช้าวันพุธกลางสัปดาห์ไม่หนักหนาเหมือนเคย เธอนั่งแก้แบบไปเรื่อยๆ พร้อมชาตราสามม้าขมๆ กับขนมไหว้พระจันทร์เป็นอาหารเช้า
พราวไม่หายไปจากความคิดของแพรวง่ายๆ แต่การมีอยู่ของพราวในห้วงความคิดไม่ได้มาพร้อมความเจ็บปวดเหมือนแต่ก่อน หากนับถึงระยะอาการของความเศร้าโศก สำหรับแพรวตอนนี้คงเป็นระยะขั้นของการยอมรับ แพรวเลิกเศร้า แต่ไม่เคยเลิกคิดถึง
แพรวนึกสงสัยว่าพราวกำลังทำอะไรอยู่ ที่ผ่านมาเธอคิดแต่ว่าทำไมพราวถึงหายไป ทำไมพราวถึงไม่ติดต่อเธอกลับมา แต่เมื่อความโศกเศร้าเริ่มจางหาย เธอก็เริ่มนึกถึงพราวแบบไม่เอาตัวเองเป็นศูนย์กลาง พราวจะทานกาแฟตอนเช้ากับใคร แล้วเธอยังกลัวห่านอยู่ไหม ตอนนี้อยู่แห่งหนใดในโลกนี้ ระหว่างที่แพรวกำลังนึกภาพพราวกับทะเลสักแห่งที่เธอจินตนาการขึ้นมา ดีเจผีในห้องก็ทำงานอีกครั้ง เพลง Cello Suite No. 1 in G Major ของ Bach ถูกปิดลงกลางคัน แล้วอินโทรของเพลง Everglow จาก Coldplay ก็ดังขึ้น
Oh, they say people come
Say people go
This particular diamond was extra special
And though you might be gone
And the world may not know
Still I see you, celestial
ตัวตนของพราวสว่างไสวในความทรงจำของแพรวยิ่งกว่าเดิมเมื่อความโศกเศร้าหายไป อยู่ดีๆ แพรวก็มีความมั่นใจแปลกๆ ว่าพราวเองก็คิดถึงเธอเหมือนกัน แพรวคิดว่าความคิดถึงถูกส่งมาหาเธอ แพรวสัมผัสได้จากข้างใน
.
แพรวเทไวน์จากชิลีปี 2017 ที่เหลือจากคราวก่อนมาดื่มในตอนบ่าย งานวันนี้ไม่ต้องใช้ความแม่นยำนัก เธอสเก็ตช์คอนเซปสำหรับโปรเจครีสอร์ตแห่งหนึ่งที่ปราณบุรี ในหมู่นักเขียนมักพูดกันว่า write drunk, edit sober แพรวคิดว่าแนวคิดนี้ก็ไม่ต่างกันกับสถาปนิก เส้นสายที่เธอวาดลงในแบบร่างมากมายในการออกแบบขั้นต้นเป็นช่วงเวลาที่เธอได้ใช้ความคิดสร้างสรรค์มากที่สุด และความถูกต้องกับความต้องการของลูกค้ายังไม่ใช่เรื่องสำคัญเท่าตอนที่แบบเริ่มเป็นรูปเป็นร่าง ไวน์ช่วยทำให้ทุกอย่างลื่นไหล
ปราณบุรีเป็นอีกสถานที่ที่แพรวกับพราวไปเที่ยวบ่อยๆ ขับรถไกลจากหัวหินเพียงนิดหน่อยพวกเธอก็ได้หาดที่สงบและวุ่นวายน้อยลงมาก พวกเธอมักจะเช่าห้องพักดีๆ ริมหาดสัก 3-4 วัน ว่ายน้ำทะเลทุกเช้าและเย็นก่อนแสงหมด หมกตัวอยู่ในห้องตอนแดดร้อนเกินกว่าจะเหยียบเม็ดทรายด้วยเท้าเปล่า อ่านหนังสือบนหาดทรายเมื่อแดดเริ่มอ่อนลง ดื่มไวน์ตอนค่ำ และนั่งคุยกันถึงเรื่องซ้ำๆ ในอดีตไปจนถึงการเมือง
ในวันนี้แพรวไม่อาจไปทำแบบนั้นได้อีกแล้ว ไม่ใช่แค่เพราะพราวไม่อยู่ แต่ปราณบุรีเองก็ถูกรัฐไทยใจหมาทำลายหาดที่เธอรักด้วยกำแพงกันคลื่นเหมือนกับหาดอีกหลายๆ ที่ทั่วประเทศ แพรวหยิบแก้วไวน์มาดื่มอึกใหญ่ ความฝาดของ tannic ในไวน์ไม่ขมขื่นเท่ากับการเกิดมาเป็นคนไทย
.
พริมส่งข้อความมาหาเธอบ่อยขึ้นตั้งแต่รู้ว่าพราวขาดการติดต่อกับเธอ แพรวรู้สึกอบอุ่นใจทุกครั้งที่ได้เห็นภาพทิวทัศน์ของนิวซีแลนด์ แน่นอนว่าภาพเหล่านี้หาได้ง่ายทั่วไปบนอินเตอร์เน็ต แต่การได้รับรูปจากผู้ถ่ายส่งตรงถึงเธอเองให้ความรู้สึกอีกแบบ เหมือนกับว่าพริมได้พาเธอไปเที่ยวผ่านมุมมองของพริม
แทนเองก็ส่งรูปสถานที่ดำน้ำหลายๆ แห่งที่เขาถ่ายเองมาให้เธอดูเป็นระยะ แพรวรู้สึกอยากวาดรูปอีกครั้ง แต่ครั้งนี้เธออาจจะวาดภาพเหล่านั้นให้ตัวเอง เธอรู้สึกว่าการมอบภาพวาดให้กับตัวเองเป็นวิธีที่จะหัดรักตัวเองได้ดีเหมือนกัน
เมื่อถึงเวลาเลิกงาน แพรวหยิบเฟรมผ้าใบมาวาง คราวนี้เธอเลือกวาดภาพทิวทัศน์ของภูเขาและทะเลที่เธอไม่เคยเห็นมาก่อน ไม่ว่าจะจากพริมหรือแทน เป็นภาพที่เธอเห็นในความฝันเมื่อคืน แพรวพยายามนึกว่าในฝันมีพราวอยู่ไหม แต่เธอนึกไม่ออก
ระหว่างที่กำลังไล่สีน้ำเงินหลายเฉดลงไปบนเฟรมผ้าใบ ดีเจผีในห้องก็เปิดเพลงต่อจากเมื่อเช้า
Like brothers in blood
Sisters who ride
And we swore on that night
We'd be friends 'til we die
But the changing of winds
And the way waters flow
Life is short as the falling of snow
And now I'm gonna miss you, I know
ถึงตรงนี้แพรวชะงักกึก เมื่อเช้าเธอคิดถึงความเป็นไปได้ต่างๆ นาๆ ที่จะเกิดขึ้นกับพราว และที่ผ่านมาเธอเอาแต่เสียใจที่พราวไม่คุยกับเธอ แต่เนื้อเพลงเมื่อครู่ทำให้แพรวฉุกคิด เธอจะทำอย่างไรหากพราวตายไปแล้ว เธอเคยคิดเล่นๆ เรื่องนี้ตอนที่เธอโกรธพราวมากๆ แต่ไม่เคยคิดจริงจังว่ามันคือหนึ่งในความเป็นไปได้
แพรวปล่อยรูปที่วาดค้างไว้แล้วนั่งค้นเบอร์โทรศัพท์ของแม่พราว เธอเคยเจอแม่พราวไม่บ่อยนัก แต่มีเบอร์โทรศัพท์อยู่ เพราะพราวชอบยืมโทรศัพท์เธอโทรหาแม่เวลามาค้างที่ห้องเธอ
“สวัสดีค่ะ นี่แพรวเองนะคะ”
“อ้าวแพรว เป็นไงบ้างลูก สบายดีมั้ย” เสียงของแม่พราวเหนื่อยล้ากว่าที่แพรวจำได้
“แพรวสบายดีค่ะแม่ ว่าแต่แม่ได้ติดต่อพราวบ้างไหมคะ”
แม่ของพราวเงียบไปอยู่หลายวินาที แต่แพรวรู้สึกเหมือนชั่วเวลานั้นยาวนานเหลือเกิน
“แม่ติดต่อพราวไม่ได้มาเกือบเดือนแล้วลูก” แม่ของพราวพูดด้วยเสียงเศร้าสร้อยจนแพรวรู้สึกได้
“แล้วหนูได้คุยกับพราวบ้างไหม”
“พราวไม่คุยกับหนูมาหลายเดือนแล้วค่ะ น่าจะเกือบๆ 5 เดือนได้แล้ว”
ทั้งคู่เงียบไป ไม่มีใครกล้าพูดอะไรต่อ แพรวได้ยินแต่เสียงหายใจของตัวเอง
“แม่ก็ไม่รู้จะติดต่อเพื่อนของพราวที่ต่างประเทศยังไงเหมือนกัน ทุนที่พราวได้ให้พราวย้ายเมืองไปเรื่อยๆ ทุกเทอม เพื่อนคนไทยของพราวที่แม่รู้จักก็ไม่ได้อยู่เมืองเดียวกับพราวแล้ว”
“หรอคะ งั้นเราทำอะไรได้บ้างคะแม่ แม่ลองติดต่อสถานทูตของเมืองที่พราวอยู่หรือยังคะ ตอนนี้หนูไม่รู้เลยว่าพราวอยู่เมืองไหน”
“จริงด้วยลูก พราวน่าจะอยู่สก็อตแลนด์นะ จากที่เราคุยกันครั้งสุดท้าย เดี๋ยวแม่จะลองโทรไป แล้วโทรหาหนูอีกทีนะ”
“ขอบคุณนะคะ”
แพรวนั่งนิ่ง จิตใจไม่มั่นคงอีกครั้ง สีอะคริลิคแห้งติดพู่กันจนพู่กันเสียใช้ต่อไม่ได้อีกแล้ว เธอต้องกดสั่งพู่กันใหม่เพื่อจะวาดภาพนี้ให้เสร็จ ภาพที่เธออยากวาดยังคงแจ่มชัดในหัว แพรวหงุดหงิดงุ่นง่านจนต้องหยิบแท็บเล็ตมาสเก็ตช์คร่าวๆ ไว้เพราะความค้างคาใจ
But when I'm cold, cold
In water rolled, salt
I know that you're always with me
And the way you will show
And you're with me wherever I go
And you give me this feeling
This everglow
แพรวรู้สึกใจไม่ดีขึ้นมา เธอพึ่งพาบุหรี่อีกแล้ว พระอาทิตย์ลับขอบฟ้า ระหว่างที่หยิบไม้ขีดไฟมาจุดบุหรี่ ไฟสว่างวาบและดับลงอย่างรวดเร็ว แพรวคิดถึงพราว ชีวิตมนุษย์เองก็คงไม่ต่างกัน
เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น
Log in