IKIGAI
:Value and Meaning for Living a Life
อิคิไกคุณค่าและความหมายของการมีชีวิตอยู่
วิธีหนึ่งที่จะช่วยให้ท่านผู้อื่นค้นพบว่าคุณควรทำธุรกิจอะไรดี หรือคุณเหมาะกับธุรกิจที่ทำอยู่หรือไม่ผมมีหลักคิดหนึ่งที่คนญี่ปุ่นเขาใช้ค้นหาคุณค่าและความหมายในการมีชีวิตอยู่ของตนเองหลักคิดนั้น เรียกกันว่า อิคิไก ครับ ใครที่ยังไม่รู้ว่าจะทำธุรกิจอะไรดี ลองศึกษาอิคิไกนี้อาจเป็นทางหนึ่งที่ช่วยให้คุณค้นพบคำตอบที่ใช่ก็ได้นะครับท่านใดที่ทำธุรกิจอยู่แล้ว หรือมีแผนที่จะทำธุรกิจ ก็ลองศึกษาอิคิไก ไว้เป็น
คนญี่ปุ่นมีหลักดำรงชีวิตอย่างหนึ่ง ที่เรียกว่า IKGAI (อ่านว่า อิคิไก) มาจากการผสมคำสองคำ ที่ว่า คำหนึ่งคือคำว่า “
ผมเองเริ่มได้ยินและค่อยๆ ทำความเข้าใจทำความรู้จักอิคิไกเมื่อราวห้าถึงหกปีก่อนจากอาจารย์ที่เคารพท่านหนึ่งครับซึ่งการหาอิคิไก จะผ่านการค้นหาคำตอบด้วยคำถามสี่คำถาม ผมขออธิบายเพียงย่อๆ นะครับหากต้องการศึกษาจริงจัง สามารถศึกษาต่อยอดได้เลยนะครับ ก่อนจะเกริ่นสู่คำถามทั้งสี่สิ่งที่สำคัญที่สุดก่อนฟังคำถามก็คือนิ่งสงบให้พอครับ โดยเฉพาะจิตใจที่ฟุ้งซ่าน ต้องรวมรวบสติ แล้วทำสมาธิให้นิ่งสงบแล้วคุณจะพบกับคำตอบที่ไม่คิดไม่ฝันก็เป็นได้ครับจิตใจความคิดที่ที่ล่องลอยไปอย่างไร้ทิศไร้ทาง เปรียบเสมือน น้ำที่วนไหลไปเรื่อยๆไม่หยุดนิ่ง น้ำที่ไหลนั้นก็จะสร้างตะกอนในน้ำให้ลอยขึ้นมาด้วย มองอย่างไร ก็ไม่ใสไม่ทะลุ แต่ถ้าจิตใจความคิดที่นิ่งสงบ น้ำที่ไหลวนก็จะนิ่งนิ่งมากพอที่ตะกอนทั้งหลายจะนอนก้น จนน้ำใสสะอาดมองผ่านทะลุเห็นอีกด้านได้อย่างชัดเจนเหมือนไม่มีอะไรมาวางกั้นไว้เลยครับขอให้ทำภาวะนี้ให้เกิดขึ้นเสียก่อนครับ แล้วค่อยมาอ่านคำถามหากภาชนะที่ใส่น้ำไว้เล็กแค่ไหนคุณก็จะใช้เวลาในการสร้างความสงบทางกายใจปัญญาได้เร็วหากภาชนะที่ใส่น้ำใหญ่มากขนาดไหนคุณก็จะใช้เวลาในการสร้างความสงบทางกายใจปัญญานานยิ่งขึ้นครับ ขนาดภาชนะก็เหมือนความฟุ้งซ่านไร้ทิศไร้ทางนั่นเองครับใครที่ฝึกตนเองมาดี มีสติสัมปชัญญะดี ก็ทำให้ภาชนะเล็กลงเรียกสติและความสงบได้เร็ว ใครที่ไม่เคยฝึกตนเองเลย สติก็จะหลุดจิตใจเลื่อนลอยไม่อยู่กับเนื้อกับตัว หรือไม่อยู่กับสิ่งใดได้เป็นเวลานานๆภาชนะก็จะมีขนาดใหญ่นั่นเองครับ
อีกเทคนิคหนึ่งที่สำคัญไม่แพ้การทำตนให้สงบนิ่งเพียงพอ ก็คือ ให้อ่านทีละคำถาม แล้วตอบทีละคำถามตอบไปให้สุดเลยนะครับ แนะนำว่าให้เขียนใส่กระดาษ พิมพ์ใส่คอมพิวเตอร์หรือเขียนใส่กระดาษ Post it
คำถามที่
คำตอบของคำถามที่หนึ่งเชิญตอบคำถามได้ตามอัธยาศัยเลยนะครับ
เป็นยังไงบ้างครับสุดสมองกันเลยมั้ยครับ ใครเขียนได้เป็นร้อยๆ คำตอบบ้างมั้ยครับมากน้อยไม่ใช่ประเด็นนะครับ เอาที่คุณชอบ คุณรัก และมีความสุขก็พอครับเพราะบางคนอาจมีสิ่งที่ชอบ สิ่งที่รัก สิ่งที่มีความสุขไม่มากเหมือนคนอื่นแต่ความสุขใจก็ท่วมท้นมากมายครับ หรือบางท่านอาจชอบ รัก และมีความสุขกับสิ่งต่างๆมากมาย เพราะมีความสนใจที่หลากหลายก็ได้เช่นกันนะครับ ผมเชื่อว่าถ้าท่านเขียนอะไรมาแล้วจากจิตวิญญาณและสัญชาตญาณ ทุกสิ่งที่ทำเขียนคงทำให้ท่านยิ้มได้มากมายครับ แต่หากท่านใดที่เขียนได้น้อย เพราะนึกไม่ออกก็ไม่เป็นไรนะครับ คนบางคนกว่าจะหาคำตอบว่าตนเองชอบอะไร รักอะไร มีความสุขกับอะไรก็ใช้เวลาเป็นปีๆ ก็มีครับ แม้มีแค่หนึ่ง สอง หรือสามคำตอบ ก็ใช้หมดครับเพราะทุกคำตอบล้วนกลั่นมาจากคุณนี่ครับ มันก็คือใช่หมดครับ สมัยตอนที่ผมทำครั้งแรกผมนั่งเขียนใส่กระดาษเอสี่แบบรีไซเคิลในช่วงบ่ายวันหนึ่งตอนทำงานครับเพราะจังหว่ะและภาวะจิตใจขณะนั้นมันเอื้ออำนวยและผลักดันให้ครับ เขียนยาวหลายแผ่นหน้าหลัง มันทะลักออกมาจากสมองครับ ก็มากมายอยู่ครับ อ้อๆ ต้องอธิบายก่อนว่าสมัยตอนที่ผมทำนั้น ผมยังไม่รู้จักอิคิไกหรอกนะครับ เพียงแต่ผมแค่นั่งถามตัวเองว่าผมชอบทำอะไร เท่านั้นเองครับ ภายหลังจึงค่อยมารู้จักอิคิไก แล้วก็
อ๊ะ
คำถามที่
คำตอบของคำถามที่สองเชิญตอบคำถามได้ตามอัธยาศัยเลยนะครับ
เข้าสู่คำถามที่สองยังพอไหวกันมั้ยครับ เป็นยังไงบ้าง พอจะนึกกันออกมั้ยครับหรือบางท่านอาจจะพรั่งพรูเขียนไม่หยุดเลยหรือเปล่าครับ มาถึงตรงนี้อยากชวนทุกท่านร่วมค้นหาและสังเกตบางประการร่วมกันสักหน่อยครับ ข้อสังเกตที่ว่าคืออยากให้ทุกท่านลองพิจารณาว่า จากคำถามทั้งสองข้อเบื้องต้น มีคำตอบใดบ้างมั้ยครับที่ท่านตอบเหมือนกัน คือมีคำตอบเดียวกัน ให้กับคำถามทั้งสองข้อเลยครับ เป็นต้นว่าผมชอบและรักการเรียนรู้ ฝึกฝน และพัฒนา ครับ นั่นคือคำตอบของข้อที่หนึ่งครับและผมก็ทำด้านการฝึกอบรม พัฒนาคน พัฒนาองค์กร พัฒนาระบบพัฒนาการทำงานและสร้างความสัมพันธ์ของคนได้ดีกว่าด้านอื่นๆ ครับนี้คือคำตอบของข้อที่สองครับ หากท่านพอมีคำตอบในแนวแบบนี้ ให้เก็บไว้เป็นข้อสังเกตก่อนนะครับเดี๋ยวผมจะอธิบายในลำดับต่อไปครับ ทั้งนี้ บางท่านอาจพบว่าอาจไม่มีคำตอบที่เหมือนกันเลย หรืออาจมีคำตอบมากกว่าหนึ่งคู่ที่เขียนเหมือนกันหรือสืบเนื่องใกล้เคียงกันก็เป็นได้ครับ ทั้งนี้ขอให้เป็นเพียงข้อสังเกตก่อนนะครับ ยังไม่ต้องคิดอะไรมากว่ามีความหมายหรือแปลความได้ว่าอย่างไร มาถึงตรงนี้ หากท่านใดอยากจะกลับไปเขียนต่อตอบคำถามในข้อที่หนึ่งและสองต่อ ก็เรียนเชิญได้เลยนะครับ อย่าลืม
คำถามที่
คำตอบของคำถามที่สามเชิญตอบคำถามได้ตามอัธยาศัยเลยนะครับ
เข้าสู่คำถามที่สามแล้วเป็นอย่างไรบ้างครับ พอนึกออกกันมั้ยครับว่าอาชีพที่ท่านเขียนมานั้นมีอาชีพอะไรบ้าง ไม่ว่าจะเป็นงานประจำ งานชั่วคราวเจ้าของกิจการ การร่วมลงทุน เจ้าเองคนเดียว หรืออาชีพใดๆ หากตอบโจทย์เรื่องการเลี้ยงชีพคุณและผู้คนรอบข้างคุณได้ทั้งในระยะสั้นและระยะยาวนั่นก็คือคำตอบที่ดีที่สุดของคุณเพื่อตอบคำถามที่สามครับ และเช่นเดิมครับมาถึงตรงนี้ อยากชวนทุกท่านร่วมค้นหาและสังเกตบางประการร่วมกันสักหน่อยครับข้อสังเกตที่ว่าคือ อยากให้ทุกท่านลองพิจารณาว่า จากคำถามทั้งสามข้อเบื้องต้นมีคำตอบใดบ้างมั้ยครับ ที่ท่านตอบเหมือนกัน คือมีคำตอบเดียวกันให้กับคำถามทั้งสามข้อเลยครับ จากตัวอย่างในข้อที่สอง ที่ผมเขียนไว้ว่าผมชอบและรักการเรียนรู้ ฝึกฝน และพัฒนา ครับ นั่นคือคำตอบของข้อที่หนึ่งครับและผมก็ทำด้านการฝึกอบรม พัฒนาคน พัฒนาองค์กร พัฒนาระบบพัฒนาการทำงานและสร้างความสัมพันธ์ของคนได้ดีกว่าด้านอื่นๆ ครับนี้คือคำตอบของข้อที่สองครับและอาชีพที่เลี้ยงชีพได้ในปัจจุบันและในอนาคตก็คืออาชีพพัฒนาธุรกิจ พัฒนาองค์กรพัฒนาคน ครับ เป็นต้น หากท่านพอมีคำตอบในแนวแบบนี้ ให้เก็บไว้เป็นข้อสังเกตไว้เช่นเดิมนะครับและแน่นอนที่ว่า บางท่านอาจพบว่า อาจไม่มีคำตอบที่เหมือนกันเลยทั้งสามข้อคำถามหรืออาจมีคำตอบที่เป็นคู่ๆ ซ้ำข้อที่หนึ่งและสองบ้าง หรือเป็นคู่ๆซ้ำข้อที่สองและสามบ้าง หรือ เป็นคู่ๆ ซ้ำข้อที่หนึ่งและสามบ้าง ก็อาจจะมีได้นะครับขอให้เป็นเพียงข้อสังเกตเช่นเดิมก่อนนะครับก่อนจะไปยังคำถามข้อที่สี่ซึ่งเป็นข้อสุดท้าย หากท่านใดอยากจะกลับไปเขียนต่อเพื่อตอบคำถามในข้อที่ผ่านมาทั้งสามข้อก็เรียนเชิญได้เลยนะครับ อย่าลืม !!
คำถามที่
คำตอบของคำถามที่สี่เชิญตอบคำถามได้ตามอัธยาศัยเลยนะครับ
สำหรับคำถามสุดท้ายนี้จะแตกต่างออกไปจากสามคำถามแรกสักหน่อยนะครับเพราะเป็นคำถามที่ไม่ได้เน้นค้นหาความต้องการดำรงชีวิตของตัวท่านเองแต่เป็นคำถามเพื่อค้นหาต้องการความช่วยเหลือของสังคมครับ ว่าแต่ท่านผู้อ่านค้นพบความต้องการของผู้คนและสังคมผ่านมุมมองของท่านในด้านไหนบ้างครับหลังจากทำครบทั้งสี่คำถามแล้ว มีคำตอบไหนบ้างมั้ยครับ ที่มีซ้ำกันในทุกคำถาม
มาถึงตรงนี้ผมก็ขออธิบายทำความเข้าใจเพิ่มเติมเกี่ยวกับเรื่องข้อสังเกตที่เกริ่นไว้ตอนต้นให้ฟังครับว่าคืออะไร คนญี่ปุ่นที่หาอิคิไกพบ ก็ด้วยการหาผ่านการตอบคำถามทั้งสี่นี้ครับเมื่อใดก็ตามที่คุณพบว่า คุณรักหรือชอบที่จะทำอะไร คุณถนัดหรือเชี่ยวชาญสิ่งใดอาชีพใดที่เลี้ยงคุณได้ และรู้ว่าสังคมต้องการสิ่งใดแล้วคุณพบว่ามีอย่างน้อยหนึ่งคำตอบที่สามารถตอบคำถามทั้งสี่นี้ได้ นั่นแหล่ะครับคือ “อิคิไก
จากหลักอิคิไกนี้เองครับท่านผู้อ่านลองนำไปประยุกต์กับชีวิตของท่านผู้อ่านดูได้นะครับว่า ทุกวันนี้ท่านที่มีธุรกิจเป็นของตนเองนั้น ท่านมีความรักความชอบในสิ่งที่ท่านทำอยู่หรือไม่ธุรกิจที่ท่านทำ ท่านมีความรู้ความสามารถความเชี่ยวชาญที่ทำให้ธุรกิจสามารถแข่งขันอย่างมีคุณธรรมเป็นธรรมได้ในปัจจุบันหรือในอนาคตได้หรือไม่ท่านสามารถเลี้ยงชีพตัวท่านและครอบครัวคนรักของท่านด้วยการประกอบอาชีพสุจริตหรือธุรกิจในปัจจุบันได้เพียงพอและพอเพียงหรือไม่ทั้งในตอนนี้หรือในวันข้างหน้าและสุดท้ายที่อยากเน้นย้ำอีกครั้งก็คืออาชีพที่ท่านประกอบอยู่นั้นหรือธุรกิจที่ท่านประกอบการอยู่นั้น เป็นสัมมาอาชีพอาชีพที่สุจริต ยุติธรรม และเป็นประโยชน์ต่อทั้งตัวท่านและผู้คนสังคมช่วยเหลือและตอบสนองความต้องการในคำถามข้อที่สี่น้อยบ้างมากบ้างแล้วหรือยัง หากท่านค้นพบว่าชีวิตท่านเป็นดังที่กล่าวมาแล้วข้างต้นก็พอเป็นหลักการพิจารณาได้ในเบื้องต้น หรือยอมรับได้พอสมควรว่า ท่านมาถูกทางแล้วท่านเลือกอาชีพที่ดีงามแล้วด้วยเพราะเป็นคุณประโยชน์แท้ต่อตัวท่านและผู้อื่นนั่นเอง ทั้งนี้หลักในการค้นหาจุดมุ่งหมายในการใช้ชีวิตหรือการประกอบการธุรกิจยังมีอีกมากมายอิคิไก เป็นหนึ่งในหลักที่ผมนำมาเล่าให้ฟังครับ ท่านใดที่สนใจอยากศึกษาเพิ่มเติมก็สามารถศึกษาเพิ่มเติมได้เลยนะครับผมได้ผลอย่างไรก็เล่าสู่กันฟังเพื่อเรียนรู้ไปด้วยกันนะครับ
เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น
Log in