เพตอร์ บิคเซล เขียน
ชลิต ดรุงค์พันธุ์ แปล
Writer Thailand
-----------------------------------
/ / / /
“เรื่องเล่าผู้ใหญ่ในคราบนิทานเด็ก
ใช้คำโดดเด่น มีลูกเล่น กระชับ แยบคาย
อ่านแล้วอยากอ่านซ้ำเพื่อซึมซาบตลกร้ายที่แฝงใต้ความใสซื่อ”
/ / / /
“โต๊ะก็คือโต๊ะ” เป็นหนังสือที่สะดุดหูฉันตั้งแต่ยังไม่เห็นเล่ม มันมีคำพ้องให้นึกถึง “โต๊ะโตะจัง” ที่เคยอ่านตอนเด็ก และมีความหมายของชื่อดูเป็นปรัชญา ประมาณว่า โต๊ะก็คือโต๊ะ ชีวิตก็คือชีวิต...นี่คือสัจธรรม
ฉันเลยรู้สึกผูกพันธ์กับหนังสือเล่มนี้อย่างประหลาด คล้ายถูกเรียกและร้องให้รีบหามาอ่านและเสพความเป็นปรัชญาชีวิตที่น่าจะสะเทือนใจในวัยเด็กได้แบบโต๊ะโตะจัง
แต่หลังจากซื้อมาดองกองโต๊ะฯไว้ในตู้หนังสืออยู่นาน ฉันเพิ่งได้หยิบมาอ่านระหว่างนั่งรถ มีความขาดห้วงของการอ่านอยู่บ้างตามสภาพแวดล้อม แต่ยังจำความรู้สึกขณะอ่านได้ดี มันตื่นเต้น สนุก สดใหม่ เหมือนได้พบคนรู้จักที่มีความคล้ายคลึงกัน
เขาเริ่มแนะนำตัวกับฉันอย่างเหนียมอายแบบคนถ่อมตัว “ผมคือเรื่องเล่าสำหรับเด็ก ชื่อ โต๊ะก็คือโต๊ะ” แล้วเล่านิทานหลอกเด็กที่ไม่มีทางเป็นจริงตามตรรกะของผู้ใหญ่ให้ฉันฟัง
เช่นบอกว่าเขาไม่มีอะไรทำเลยวางแผนไปพิสูจน์ความกลมของโลก บอกว่าอเมริกาไม่มีจริง หรือบอกว่าเบื่อหน่ายชีวิตประจำวันเลยเปลี่ยนชื่อสิ่งของรอบตัวซะใหม่ ให้โต๊ะชื่อพรมแล้วกันดูตลกดี
เขาพยายามเล่นตลกแบบง่ายๆ แต่จบท้ายด้วยความร้าย ช่างเสียดสี และความเศร้า
ตลอดการสนทนาเขาคุยกับฉันด้วยภาษาง่ายๆ เล่าเรื่องแบบผู้ใหญ่หัวใจเด็ก แต่ฉันว่ามันไม่ง่ายแบบนั้นหรอก เขาคงต้องกลั่นแล้วกรองแล้วกลั่นความคิดหลายสิบชั้นเพื่อกลบความฉลาดและแยบคายของตัวเอง แสร้งทำตัวเหมือนเด็กไม่มีพิษมีภัย พูดถึงเรื่องโลกไม่มีจริง ยื่นอมยิ้มเคลือบบอระเพ็ดให้ฉัน เอียงคอเล็กน้อยพร้อมส่งยิ้มใสซื่อแล้วบอกว่า
“ไม่มีอะไร กินสิ อร่อยนะ”
แน่นอน ฉันรับอมยิ้มมากินต่อด้วยความเต็มใจ ถึงจะรู้ว่าเป็นอมยิ้มเคลือบบอระเพ็ด แต่รสชาติหวานปนขมอย่างนี้ฉันชอบอยู่แล้ว
คุณเองก็น่าจะได้ลองชิมดูบ้างนะ
(/ฉันเอียงคอโปรยยิ้มบริสุทธิ์พร้อมยื่นหนังสือเล่มนี้ให้)
เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น
Log in