เราใช้คุ๊กกี้บนเว็บไซต์ของเรา กรุณาอ่านและยอมรับ นโยบายความเป็นส่วนตัว เพื่อใช้บริการเว็บไซต์ ไม่ยอมรับ
What I watchedDetached Girl
The Hours/ลิขิตชีวิตเหนือกาลเวลา
  • *ไม่สปอยล์

    *มีเนื้อหาเกี่ยวกับโรคซึมเศร้าและการฆ่าตัวตาย


    "อย่าสงสารคนตายเลย แฮร์รี สงสารคนที่ยังมีชีวิตอยู่เถอะ"

    ประโยคข้างต้นไม่ได้มาจากหนังเรื่อง The Hours แต่มาจากหนังที่ทุกคนรู้จักดีคือ Harry Potter ทว่าข้อความนี้ได้เกี่ยวข้องและเชื่อมโยงกับใจความหลักของหนังเรื่อง The Hours เป็นอย่างมาก



    เป็นหนังที่เราไม่เคยได้ยินชื่อมาก่อน แต่ก็นะ หนังมันฉายเมื่อปี 2545 เราเองยังไม่สิบขวบดีด้วยซ้ำ เรื่องราวของหนัว่าด้วยเรื่องของผู้หญิงสามคน เวอร์จิเนีย วูล์ฟ (นิโคล คิดแมน), ลอรา บราวน์ (จูลีแอนน์ มัวร์) และ คลาริสซา วอห์น (เมอรีล สตรีป) ที่อยู่กันต่างช่วงต่างวัย แต่ก็มีสิ่งที่เชื่อมโยงกันอยู่


    สิ่งนั้นคือ โมงยามแห่งความสุข 


    เวอร์จิเนีย วูลฟ์


    เธอคือหญิงสาวนักเขียนผู้มีตัวตนจริงๆ ผลงานโด่งดังของเธอก็เช่น Mrs. Dalloway, To The Lighthouse, The waves ซึ่งสารภาพว่าเราไม่เคยอ่านงานเขียนของเธอมาก่อนเลย (ฮาา) และได้มารู้จักตัวตนของเธอครั้งแรกผ่านหนังเรื่องนี้ คุณเวอร์จิเนียเป็นนักเขียนที่มีชื่อเสียง แต่นั่นก็ทำให้เธอเครียดและกดดันจนกลายเป็นว่าเธอมีสภาวะซึมเศร้า (ความเป็นศิลปินกับโรคซึมเศร้าเป็นเรื่องที่อ่อนไหวจริงๆ ) สามีอันเป็นที่รักของเธอ ลีโอนาร์ด จึงได้พาเธอไปยังชนบทที่เงียบสงบ เผื่อว่าเธอจะดีขึ้นและมีสมาธิกับการเขียนงาน


    ลอรา บราวน์


    ลอราเป็นหญิงสาวในยุค 50s ซึ่งเป็นยุคแห่ง American Dream ครอบครัวเธอก็เป็นครอบครัวที่สมบูรณ์แบบตามยุคสมัย สามีทำงาน เธอเป็นแม่บ้าน มีลูกชายที่น่ารัก แต่ทว่าจริงๆ แล้วเธอกลับรู้สึกเหมือนตัวเองไม่มีความสุขเลย เหมือนเธออยู่ในที่ที่ไม่ใช่ของเธอ แถมยังมีความเป็นไบเซ็กชวลที่เธอกดกลั้นอยู่ในใจทำให้เธอซึมเศร้าถึงขนาดมีความคิดอยากฆ่าตัวตาย


    คลาริสซา วอห์น


    เป็นหญิงสาวในยุคสมัยเดียวกับช่วงภาพยนตร์ออกฉาย (ศตวรรษที่ 20) ที่มีความเปิดกว้างทางเพศมากขึ้น ริชาร์ดอดีตสามีเธอเป็นเกย์และกำลังทรมาณอยู่ด้วยโรคเอดส์ แต่เธอก็ยังคงรักและดูแลเขาไม่ไปไหน สามีเธอเป็นนักเขียนระดับมือรางวัล ทำให้เธอคิดจะจัดงานเลี้ยงฉลองความสำเร็จของสามีเธอ เธอมีลูกสาวจากสามีเก่า แถมยังมีแฟนสาวคนปัจจุบันที่อยู่ด้วยกันมากว่าสิบปี


    "ถ้าให้ฉันเลือกระหว่างริชมอนด์และความตาย ฉันคงเลือกที่จะตาย"


    สภาวะซึมเศร้า

    สำหรับคนไม่เป็นคงจะคิดไม่ออกว่าเป็นอย่างไร แต่เจ เค โรว์ลิง เคยนิยามไว้ว่าโรคซึมเศร้าไม่ใช่การที่เรารู้สึกเศร้าโศกเสียใจ แต่มันคือความว่างเปล่า มันคงจะเป็นความรู้สึกเหมือนทั้งตัวเรากลวงโบ๋ มีแค่ก้อนเนื่อข้างซ้ายที่อยากทุบให้มันหยุดเต้นเสียที ในหนังเรื่องนี้ เวอร์จิเนียเองก็รู้สึกไม่มีความสุข ไม่มีจุดมุ่งหมายในชีวิต ไม่รู้จะอยู่ไปทำไม แต่เธอก็ยังคงมีชีวิตอยู่เพื่อสามีที่รักของเธอ เธอรู้ว่าถ้าเธอตายสามีของเธอก็คงเป็นทุกข์อย่างหนัก


    raison d'etre (reason to live)

    จากข้างต้น เหตุผลที่ทำให้เวอร์จิเนียมีชีวิตอยู่ต่อคือสามี สำหรับลอราเอง เหตุผลนั้นก็คงเป็นครอบครัวของเธอ เรามักได้ยินเสมอๆ เวลามีข่าวคนฆ่าตัวตายว่า "ไม่สงสารคนข้างหลังเหรอ" "ไม่คิดเหรอว่าครอบครัวจะรู้สึกยังไง" ซึ่งในหนัง มีอยู่จุดนึงที่เวอร์จิเนียเลือกที่จะกลับไปลอนดอนเพื่อเขียนงานต่อแม้จะรู้ว่าสิ่งนี้จะไม่ทำให้สภาพจิตใจเธอดีขึ้น ลีโอนาร์ด สามีเธอถึงกับพูดว่า "ถ้าผมไม่รู้จักคุณ ผมคงคิดว่าคุณเป็นคนเนรคุณ" สามีของเธอยึดเหนี่ยวโมงยามแห่งความสุขในช่วงเวลาที่ทั้งสองคนรักกันและใช้สิ่งนั้นกักขังจิตใจเธอไว้โดยไม่รูุ้ตัว ส่วนลอรา สามีเธอเองก็ยึดเหนี่ยวอยู่กับความสุขครั้งแรกที่เขาได้เจอเธอ ด้วยความรักและการเสียสละขนาดนี้ ทำให้ลอรารู้สึกว่าฉันต้องอยู่ เพื่อตอบแทนความรักและความเสียสละที่เขามีต่อฉัน


    "Some said living in a moment, but no one ever said about when the moment ended."


    หรือจะเป็นความสุขที่ยึดเหนี่ยวเราเอาไว้

    จากในเรื่อง คนที่ปกติกลับใช้ชั่วโมงแห่งความสุขนั้นเหนี่ยวรั้งชีวิตของคนที่กำลังเจอสภาวะหมดเหตุผลที่จะมีชีวิตอยู่ เช่นเดียวกันกับคลาริสซาที่ยึดติดกับภาพวันอันสวยงามระหว่างเธอกับริชาร์ด กลับเป็นริชาร์ดต่างหากที่ไม่ได้ยึดติดกับจังหวะนั้นแล้ว เขามีชีวิตอยู่เพื่อให้เธอเชื่อว่าโมงยามแห่งความสุขนั้นยังอยู่กับเธอ แต่กับเขา มันไม่มีอีกแล้ว ว่างเปล่า ก็แค่นั้น



    เราขอจบเรื่องการวิเคราะห์หนังไว้ตรงนี้ และไม่ขอพูดในด้านงานกำกับภาพหรือองค์ประกอบอื่นใด (กำกับดี นักแสดงดี พูดแค่นี้พอ) สิ่งที่เราได้เต็มๆ จากเรื่องนี้คือเรื่องเหตุผลของการมีชีวิตอยู่นี่แหละ เคยเห็นทวีตนึงราวๆ ว่าหากไม่รู้ถึงสิ่งที่ทำให้คนๆหนึ่งต้องจบชีวิตตัวเอง ให้เราทุ่มเทความสนใจให้กับสิ่งที่ทำให้เขาอยากอยู่ต่อ การยึดติดเป็นเรื่องของปัจเจกบุคคล และจะเอามาห้าม/ยัดเยียดกันไม่ได้ ถามว่าเวอร์จิเนียรักลีโอนาร์ดมั้ย ลอราไม่รักลูกๆ ของเธอหรือ หรือริชาร์ดไม่รักคลาริสซาแล้วหรือย่างไร เราว่าคำตอบคงเป็นไม่ โมงยามแห่งความรักนั้นมีอยู่จริง ความรู้สึกต่างๆ ที่เคยเกิดหรือยังเกิดอยู่มันเป็นเรื่องจริง แต่มันแค่ไม่ใช่เหตุผลที่เพียงพอที่จะทำให้คนๆ นึงอยู่ต่อได้แค่นั้น

    ประหนึ่งคำโบราณ รักใครไม่เท่ารักตัวเอง อาจฟังดูเห็นแก่ตัว แต่สำหรับคนที่ไม่เหลืออะไรไว้ให้ยึดเหนี่ยวแล้ว การเก็บมือที่คว้าสะเปะสะปะมากอดตัวเองไว้ รัดตัวเองไว้ให้แน่นๆ ดูแลตัวเองดีๆ ทำสิ่งที่มีความสุข พูดง่ายๆคือมีชีวิตอยู่เพื่อตัวเอง แค่นั้นก็คงจะเพียงพอ ไม่ต้องการเหตุผล โมงยามหรือพันธนาการใดมากมายเลยจริงๆ

    You is kind. You is smart. You is important. 

    :)


Views

เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น

Log in