Memories of Murder
*ภาพยนตร์เรื่องนี้สร้างจากเหตุการณ์จริงในปี 1986-1991*
คงไม่เป็นการเกินจริงสักเท่าไหร่นักที่จะบอกว่า หนังเรื่องนี้คืองานกำกับชั้นเลิศของ บงจุนโฮ ที่ผู้สนใจศึกษาในด้านภาพยนตร์ควรเปิดดูซ้ำแล้วซ้ำอีกอย่างพินิจพิเคราะห์เพื่อที่จะซึมซับและเข้าใจกระบวนการทำงานของหนังเรื่องนี้อย่างลึกซึ้ง ไม่เพียงเท่านั้น บทภาพยนตร์ซึ่งเห็นได้อย่างชัดเจนเลยว่า ถูกเขียนออกมาอย่างพิถีพิถัน จนสามารถสร้างจังหวะในการเกิดอารมณ์ร่วมอันสุดแสนจะบีบหัวใจไปพร้อม ๆ กับเครื่องหมายคำถามที่เกิดขึ้นภายในหัวของคนดู หรือแม้กระทั่งกับงานภาพอันแสนสวยงามที่สามารถสื่อสารกับคนดูได้อย่างลึกซึ้งถึงห้วงจิตใจของตัวละคร โดยทั้งสององค์ประกอบนี้คือสิ่งที่เข้ามาประกบความสมบูรณ์แบบของหนังให้แน่นหนามากขึ้นยิ่งกว่าเดิม
"ตำรวจเกาหลีสืบคดีแค่สองเท้า" คำพูดของหนึ่งในตัวละครหลักที่สั้นห้วนแต่มากไปด้วยใจความสำคัญในการบ่งบอกถึงความเหลวเป๋วของระบบในช่วงปี 1986 ที่ไร้ซึ่งการสนับสนุนช่วยเหลือตำรวจท้องถิ่นในการสืบคดีฆาตกรรมต่อเนื่องที่เกิดขึ้นยังพื้นที่ชนบทเล็ก ๆ ส่งผลให้จนแล้วจนรอด การพึ่งพาตัวเองอย่างทรหดอดทนและเผชิญหน้ากับความเลวร้ายเกินจินตนาการ-ที่เกิดขึ้นทั้งในทางกายภาพและจิตใจ คือสิ่งที่ตำรวจท้องถิ่นต้องประสบพบเจอในการสืบคดีนี้
หรือในจังหวะที่ทุกอย่างกำลังเข้าด้ายเข้าเข็ม บทก็ได้กระทำการแวะท่าแซะรัฐบาลเผด็จการผ่านสถานการณ์การเมืองในปีนั้นอย่างชัดถ้อยชัดคำ ในจุดนี้เองที่เราจะเห็นได้ถึงความมากในมิติของตัวบทที่ทำให้หนังเรื่องนี้ไม่ใช่แค่หนังตำรวจไล่จับฆาตกรดาดดื่นทั่วไป แต่มันคือหนังที่นำพาคนดูไปตั้งคำถามมากมายที่ไม่ใช่แค่เกี่ยวกับตัวคดี แต่ยังชวนให้ถามถึงประเด็นความรุนแรงมากมายที่เกิดขึ้น เช่น เพราะอะไรการที่ตำรวจซ้อมผู้ต้องสงสัยพร้อมจับยัดคดีใส่ถึงเป็นสิ่งที่เห็นได้อย่างเกลื่อนกราดในยุคนั้น
ในขณะเดียวกัน บรรยากาศความอึมครึมภายในหนังที่สร้างความรู้สึกอึดอัดไม่สบายตัวเห็นจะเป็นอีกสิ่งหนึ่งที่ทำให้ mood and tone ของหนังนั้นคงเส้นคงวา จนยากที่จะไม่รู้สึกตาม และเมื่อผนวกรวมเข้ากับพัฒนาการของตัวละครที่ค่อย ๆ ทวีคูณขึ้นเรื่อย ๆ อย่างแนบเนียน มันก็ทำให้คนดูรู้สึกดำดิ่งไม่แพ้ไปกว่าตัวละครเลยสักนิดเดียว
อย่างที่กล่าวไปข้างต้นว่า นี่คืองานกำกับชั้นเลิศของ บงจุนโฮ หรือถ้าหากเปรียบเทียบกับการฟังวงดนตรีบรรเลงในฮอลล์ใหญ่ บงจุนโฮ ก็คงเปรียบเสมือนคอนดักเตอร์มือฉมังที่สามารถควบคุมอารมณ์อันแปรปรวนมากมายภายในหนังได้อย่างลื่นไหลเป็นจังหวะไม่มีผิดคิว ทุกฉากถูกเร่งและชะลอจังหวะอย่างพร้อมเพรียง ทั้งในแง่ของการลำดับภาพ หรือไม่ว่าจะเป็นการถ่ายแบบลองเทค ส่วนหนึ่งต้องยกความดีความชอบให้กับเหล่านักแสดงที่เค้นฝีมือการแสดงออกมาได้อย่างหมดจดด้วยเช่นกัน
ในท้ายที่สุด การสื่อสารกับคนดูผ่านงานภาพที่ทั้งสวยงามและเป็นเอกลักษณ์ โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับการโคลสอัพไปที่ใบหน้าของตัวละครที่ชวนให้คนดูอย่างเรา ๆ รู้สึกดำดิ่งไปกับการสื่อสารผ่านสีหน้า แววตา และน้ำเสียงที่มาพร้อมกับการตั้งคำถามว่า ตกลงแล้ว สิ่งที่เราเข้าใจมาตลอดว่ามองออกนั้น มันคือเรื่องที่ถูกต้องหรือผิดพลาด
และถ้าให้กล่าวโดยสรุป ตามจุดประสงค์ของ บงจุนโฮ หนังเรื่องนี้อาจไม่ได้นำพาคนดูไปยังตอนจบในแบบที่หลาย ๆ คน (ผู้ไม่รู้เกี่ยวกับเหตุการณ์จริง) คาดคิดหวังไว้ เพราะเมื่อบวกลบกับอุปสรรคมากมายระหว่างทาง การที่หนังจะจบแบบ Happy Ending ก็แลดูจะเป็นอะไรที่ชวนให้หัวใจเฟื่องฟูไม่ใช่น้อย ๆ แต่ในทางกลับกัน จุดประสงค์หลักของหนังเรื่องนี้คือการบอกเล่าให้เห็นถึงความรุนแรงในอดีตที่พึ่งผ่านมาแค่ราว ๆ 50 ปี เพียงเท่านั้น เพราะฉะนั้นแล้ว Memories of Murder จึงเปรียบเสมือนเครื่องเตือนใจผู้คนในทุกยุคทุกสมัยเพื่อไม่ให้เกิดการเพิกเฉยที่อาจนำไปสู่การซ้ำรอยทางประวัติศาสตร์ได้
เขียนโดย: พัทธนันท์ สวนนมะลิ
เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น
Log in