รอนแรม เล่มนี้เป็นของ สำนักพิมพ์สามัญชนนะคะ แต่งโดยนักเขียนชาวเยอรมันท่านนึงที่ชื่อว่า แฮรมัน เฮสเสอะ แปลเป็นไทยโดยคุณ แมกไม้ และลูกชายของเขา คุณฟรานซ์ พอลค่ะ เล่มนี้เป็นหนังสือความเรียงผสมกับบทกวี เป็นหนังสือบันทึกการเดินทางของผู้ชายคนหนึ่ง หนังสือไม่ได้อธิบายอะไรมากเกี่ยวกับตัวเอก ไม่ได้บอกว่าเขาคือใครภูมิหลังเป็นยังไง ทำไมถึงออกเดินทาง เปิดเรื่องมาตัวเอกก็ออกเดินทางเลยนะคะ ในเรื่อง ตัวเอกเดินทางตามแนวเทือกเขาแอลป์ส จากเยอรมันตอนเหนือไปทางตอนใต้ค่ะ
เป็นการเดินทางคนเดียว ตัวเอกเป็นเป็นผู้ชายเซอร์ๆ ใส่กางเกงขาดๆ สะพายเป้หนึ่งใบ และจะมีสมุดบันทึกเล่มเล็กๆเล่มนึง เอาไว้วาดรูป มีบทนึงเราชอบมาก ตัวเอกไปนั่งก่อกองไฟย่างใส้กรอกอยู่ริมทางแล้วก็ไปนั่งคิดว่า เออ ใส้กรอกอันนี้รสชาติดี พรุ่งนี้จะกลับไปซื้อแบบเดิมมากินอีกเป็นการเดินทางคนเดียวที่น่าอิจฉามากแต่มันก็จะแอบเหงาหน่อยๆอยู่เหมือนกันนะคะ เราไปเจอย่อหน้านึง จากหน้า 69 ของหนังสือเรารู้สึกว่ามันสรุป concept การเดินทางของหนังสือเล่มนี้ได้ดีมากๆเลยค่ะ
“ค่ำนี้ฉันจะนอนที่ไหนเอย? ใครเลยจะใส่ใจ! โลกกำลังทำอะไรอยู่? หรือมีการค้นพบพระเจ้าองค์ใหม่ กฎหมายใหม่ หรือเสรีภาพใหม่? ใครเล่าจะสนใจ! แต่บนนี้ดอกพริมโรสกำลังบานสะพรั่ง ทิ้งปุยน้ำเงินเบาบางอยู่ตามใบของมัน เบื้องล่างสายลมอ่อนหวานบางเบากำลังบรรเลงบทเพลงอยู่ใต้ต้นพ็อพลาร์และระหว่างดวงตาของฉันกับสรวงสวรรค์ ผึ้งสีทองเข้มกำลังบินส่งเสียงฮัม”
ตอนอ่านเล่มนี้ จะเจอคำว่า มารดา พระผู้เป็นเจ้า และคำว่าความตายบ่อยมากๆเลยนะคะ มีบทนึงชื่อบทว่าต้นไม้ เป็นบทที่ไม่ใช่บันทึกการเดินทางและไม่ได้เกี่ยวกับต้นไม้ข้างทางที่เดินไปเจอนะคะ เป็นบทที่พูดแต่เรื่องต้นไม้อย่างเดียวเลย 5555 มีย่อหน้านึงเราชอบมากๆ จากหน้า 77
"ยามเราทุกข์ระทมจนไม่อาจทานทนต่อชีวิตของเราได้อีกต่อไปยามนั้นต้นไม้จะมีบางสิ่งบอกกล่าวแก่เรา: นิ่งเสีย! นิ่งเสียเถิด!มองดูฉันสิ! ชีวิตไม่ใช่เรื่องง่ายดายชีวิตไม่ใช่เรื่องยากเย็นความคิดอย่างนั้นเป็นความคิดแบบเด็กๆให้พระผู้เป็นเจ้าพูดในใจเธอและความคิดของเธอจะเริ่มสงบเธอกระวนกระวายเพราะเส้นทางของเธอพาเธอไปไกลจากแม่และบ้านเกิดแต่ทุกก้าวย่างและทุกวัน มันจะนำเธอกลับคืนสู่แม่อีกครั้งบ้านมิใช่ที่นี่หรือที่นั่น บ้านอยู่ภายในตัวของเธอเองหรือมิเช่นนั้นบ้านก็ไม่ได้อยู่ ณ แห่งหนใดทั้งสิ้น"
ตอนจบของเรื่อง หนังสือไม่ได้ระบุชัดเจนว่าตัวเอกพอไปถึงจุดหมายแล้วจะทำอะไรต่อ มันเลยทำให้เรานึกถึงย่อหน้านึงที่ผู้แปลได้เขียนเอาไว้ ในหน้าก่อนที่จะเริ่มบทแรกของการเดินทาง
“คงไม่ผิดหากข้าพเจ้าจะกล่าวว่าทุกคนล้วนเป็น ‘คนแรมทาง’อยู่บนหนทางชีวิตอันแสนวกวน เต็มไปด้วยความขัดแย้งทั้งจากสภาวะภายในและภายนอก เราต่าง ‘รอนแรม’ เพื่อแสวงหาคำตอบของตน เพื่อจะค้นพบและเรียนรู้เพื่อที่จะเกิดคำถามใหม่และความปรารถนาใหม่ ไม่รู้จบรู้สิ้น แต่ขอให้ ‘คนแรมทาง’ทั้งหลายเชื่อเถิดว่า ‘สักวันหนึ่งทุกสิ่งจะเผยให้เห็นความหมายของมัน’ตราบเท่าที่เวลาในการ ‘รอนแรม’ ของเราทุกคน--ยังไม่สิ้นสุดลง”
หนังสือเล่มนี้เราอ่านครั้งแรกตอนพฤษภาคมปีที่แล้ว อ่านจบที่ร้าน KFC คืนก่อนหน้านั้น ระหว่างทางกลับบ้าน แม่หลับใน ขับรถไปชนเสาไฟฟ้า ทุกคนในรถใส่เข็มขัดหมดยกเว้นเรา โชคดีที่ไม่เป็นอันตรายมาก วันถัดมาคนในบ้านเลยอยู่ในอารมณ์หม่นๆ เราเลยออกจากบ้านตั้งแต่เช้า มาหยุดที่ร้าน KFC เพราะไม่รู้จะไปไหน ตอนนั้นเรารู้สึกแย่มาก ช่วงนั้นเรามีปัญหาชีวิตเยอะมาก
ระหว่างที่กำลังนั่งฟังเพลงและมองคนในร้านหยิบเบอร์เกอร์เข้าปากเราก็นึกขึ้นมาได้ว่าเราหยิบหนังสือเล่มนี้ติดมือมาด้วย เรานั่งอ่านรวดเดียวจบ รอนแรมเป็นหนังสือเล่มบางๆ เนื้อเรื่องไม่มีอะไรมาก เราชอบบท'ต้นไม้' ที่สุด เพราะมีประโยคนึงที่ช่วยดึงสติเราเอาไว้ ทุกครั้งที่เราใจไม่สงบ เราจะหยิบเล่มนี้ขึ้นมาอ่านเสมอ :)
เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น
Log in