"อื้อหื้ออออ อินเดียไปทำไมอะตั้ง55วัน"
เป็นประโยคที่ใครๆก็ต่างถามเราเมื่อเราบอกว่าจะไปอินเดีย55วัน แล้วไม่ได้ไปแบบพักโรงแรมดีๆ กินอาหารแพงๆ เที่ยวสวยๆนะจ้ะ เราได้มีโอากาสเข้าร่วมโครงการจาริกธรรมตามรอยบาทพระศาสดา โดย วัดดอยเทพนิมิต จังหวัดเชียงราย ก็คือต้องเดินธุดงค์ไปยัง 4 สังเวชนียสถาน สถานที่ประสูติ ตรัสรู้ แสดงปฐมเทศนา และ ปรินิพพาน โอ้ววว แล้วจะกินจะนอนกันยังไงงงงง~ ไม่รู้ล่ะแต่ใจอยากไปแล้วเพราะชอบเดินทาง อะไรที่ทำให้เราเปิดโลกเปิดหูเปิดตาเปิดประสบการณ์ใหม่ มีโอกาสก็ควรจะออกไปสักครั้งสิ จริงไหม? แต่เราไม่ได้คนเดียวหรอกนะแม่เราไปด้วย แฮร่~
เราเริ่มออกเดินทางในช่วงดึกของวันที่ 7 กุมภาพันธ์ 2560 ผู้ร่วมเดินทางมีทั้งพระสงค์และเหล่าโยมประมาณ140กว่าชีวิตรวมแม่และเราด้วย เราเดินทางจากกรุงเทพฯไปสนามบินโกลกาตาอินเดียประมาณ4-5ชั่วโมง ขอบอกก่อนว่าเราไม่ได้จัดเตรียมเรื่องตั๋วเครื่องบินและแพลนต่างๆในทริปนี้เลย โครงการเป็นคนจัดการให้ทั้งหมด เราตื่นเต้นมากตอนอยู่บนเครื่องเราแทบไม่หลับเลยในใจขอให้เจอแต่เรื่องดีๆเพราะไม่รู้จะต้องไปเจออะไรบ้างกับ55วันในอินเดียครั้งนี้ แล้วเราก็ถึงสนามบินโกลกาตาสักที ช่วงที่ไปเป็นช่วงปลายหน้าหนาวอากาศที่อินเดินก็จะเย็นๆแต่ไม่ถึงกับหนาวมาก พอผ่านตม.มาได้เราก็มารอกระเป๋า รถเข็นกระเป๋าในสนามบินหาอันที่ดีได้ยากมากกกกก แต่ละคันคือล้อเบี้ยวทั้งนั้น เข็นที่ก็จะไปชนคนอื่นจะชนพระบ้างขอโทษขอโพยกันไป มีโยมบางส่วนขอแวะเข้าห้องน้ำก่อนเราก็ขอเข้าบ้างอยากล้างหน้าทำธุระอะไรเสร็จที่นี่เลยเพราะไม่รู้ว่าห้องน้ำข้างนอกจะเป็นไงบ้าง พอเดินออกมาพร้อมแม่กับคณะโยมสองสามคน เอ้า! พระหายไปไหนกันหมดเดินตามไม่ทัน สนามบินก็กว้างแล้วสภาพยังเมาขี้ตาอยู่เลย ตายละอยู่ๆก็หลงกันซะงั้นแล้วจะทำไงอะเดินหากันให้วุ้ยเดินไปถามยามที่อยู่ทางออกก็พูดไม่รู้เรื่องแล้วยามที่นี่ปืนใหญ่ด้วยนะซิมโทรศัพท์ก็ยังไม่ได้ซื้อกันสักคน เดินตามหากันอยู่ประมาณ20นาทีเราก็ลองไปส่องๆดูข้างนอกก็เห็นรถบัสกับพระกลุ่มใหญ่อยู่ โอ้ย! เกือบไปแล้วบุญยังมีนะบุญยังมี
เราออกจากสนามบินโกลกาตาตอนเช้าตรู่มุ่งหน้าไปยังเมืองคยาหรือพุทธคยา ระหว่างทางเราก็แวะเข้าห้องน้ำที่จุดแวะพักซึ่งขอบอกเลยว่าไม่กล้า ฮ่าาาา เพราะรับไม่ได้ว่าจะต้องเจออะไรในนั้นบ้างและยังไม่ปวดมากเลยไม่ขอเข้าดีกว่า จุดแวะพักนี้มีร้านอาหารที่มีการฆ่าไก่สดๆให้ดูเลยและโรงแรมเล็กๆสำหรับนักท่องเที่ยวมาแวะพัก ขับมาได้อีกสักพักเราก็มาแวะวัดไทยพิมพิสารังคราชเป็นวัดที่สร้างใหม่ ใหม่จริงๆนะมีแค่ศาลาและห้องน้ำที่ยังไม่มีหลังคาเวลาเข้าห้องน้ำเงยหน้ามองดูเครื่องบินทีมองดูก้อนเมฆท้องฟ้าสวยๆชิวๆไปแต่ขอคนบนเครื่องบินมองลงมาเห็นเราก็พอเพราะมันจะเขินๆหน่อย แล้วก็ทานข้าวเที่ยงกันที่วัดนี้เลยเพราะเรายังต้องเดินทางต่อกันอีกไกล
เมื่อทานอาหารกันเรียบร้อยแล้วเราก็เดินทางกันต่อ บรรยายกาศสองข้างทางเป็นต้นไม้และเขามีอาจจะดูแห้งๆหน่อยแต่ยังพอมีต้นไม้เขียวๆอยู่บ้าง มีหมู่บ้านคนเป็นพักๆไปบ้านส่วนใหญ่จะสร้างไม่เสร็จบางหลังจะมีแค่อิฐเปลือยชีวิตความเป็นอยู่ของคนอินเดียจากที่เห็นพวกเขาจะใช่จ่ายอย่างประหยัดพอเพียงไม่ค่อยกินข้าวข้างนอกเป็นร้านอาหาร(ในเมืองเล็กๆนะ)และแล้วเราก็ถึงคยากันเลย
ถึงคยาแล้วเราพักกันที่วัดเนปาลซึ่งเราจะพักกันที่นี่5วัน สภาพของทุกคนคือรู้เลยว่าเหนื่อยกันมากเรารีบเข้าที่พักรู้สึกเหนียวตัวเหลือเกินรีบไปอาบน้ำทันที ห้องน้ำดูไม่ได้แย่มากแบ่งส่วนห้องอาบน้ำและส้วมแยกกัน แต่น้ำที่นี่จะมีหินปูนเยอะมากน้ำจะมีสีข้นขาวอาบน้ำสระผมเสร็จผมก็จะเหนียวๆสากๆกันหน่อย ส่วนเรื่องการทำอาหารในทุกๆวันนั้นพวกโยมๆเนี่ยละ ช่วยกันและแบ่งกันไปจ่ายตลาดซึ่งเราชอบไปจ่ายตลาดมาก ตลาดที่อินเดียก็เหมือนตลาดสดบ้านเราแต่ผักที่นี่จะสดมากมะเขือเทศหัวหอมผักหลายชนิดจะใหญ่ทั้งนั้นและหวานมากกับข้าวส่วนใหญ่ก็จะใส่หัวหอมเป็นหลักเรากินหัวหอมได้เลยไม่ซีเรียส
เวลาเราไปตลาดเราจะต้องมีคนอินเดียนำไปด้วยหนึ่งคน แล้วเราก็ได้รู้จักกับปีชาลหนุ่มน้อยชาวอินเดียที่สามารถพูดไทยและอังกฤษได้อย่างละนิดละหน่อย ปีชาลจะเป็นคนคอยช่วยเหลือเราเช่น ไปจ่ายตลาด เป็นคนนำทาง ช่วยเราสื่อสารกับคนอินเดียและช่วยเราต่อราคาสินค้าราคาสินค้าส่วนใหญ่จะโก่งราคากันเยอะเราต้องสู้ต่อราคาไปเรื่อยๆ ถ้าบอกว่าไม่คือต้องไม่นะห้ามใจอ่อนเด็ดขาดไม่งั้นเราคือผู้แพ้ แล้วก็ส่วนเรื่องซิมโทรศัพท์ก็มีพระเจ้าหน้าที่ติดต่อให้เรียบร้อย เสียค่าซิมไปประมาณ 450-500รูปี ราคานี้พร้อมอินเตอร์เน็ตใช้ของเครือข่าย Airtel
ตอนต่อไปจะพาไปดูส่วนรอบของเมืองคยาหรือพุทธยากันนะ
ตามมาๆนะ
-------------------------------------------------
PAGE
เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น
Log in