เอาล่ะ เราเกือบจะมาถึงจุดจบของเรื่องแล้ว
หรืออันที่จริงต้องพูดว่า จุดจบของชีวิตผมน่าจะถูกกว่า
ผมว่าคุณคงไม่อยากเสียเวลาอ่านเรื่องดราม่าและการต่อสู้ไร้สาระ เพราะฉะนั้นผมจะข้ามตอนเราเดินทางเข้าเมืองที่เกือบๆ จะร้าง ทะลวงปราสาทที่ไม่มียาม และผ่านกรงขังพระราชาพระราชินีและชาวเมืองที่โดนสาปให้เป็นหมูไว้ ไปถึงตอนที่เราได้สู้กับแม่มดและกำลังจะชนะเลยแล้วกัน
อย่างที่นางบอก นางไม่สามารถเอาชนะอัศวินได้ด้วยเหตุผลบางอย่าง
คำสาปไม่ส่งผลกับเขา และเขาก็แกร่งเกินกว่าจะจัดการด้วยทหารซอมบี้และเคเบรอสปลอมได้ (ผมได้เห็นกล้ามเนื้อเป็นมัดๆ ที่เปื้อนเลือดและเหงื่อของเขาตอนเกราะแตกด้วย ถือว่าเป็นสิ่งดีๆ ในเรื่องนี้นะ)
ดังนั้น ในช่วงเวลาที่มันใกล้จะถึงจุดจบ นางก็เริ่มหัวเราะแบบสติแตกอีกครั้ง
เอ๊ะ? แล้วผมทำอะไรน่ะเหรอ?
ผมก็ไปช่วยพวกคนที่ถูกสาปออกจากกรงขัง (ถึงจะแก้คำสาปให้พวกเขาไม่ได้ก็เถอะ)
แล้วก็วิ่งวุ่นไปมาเพื่อหลบลูกหลง
อันที่จริงผมอยากหนีไปให้พ้นๆ จากตรงนี้เลยด้วยซ้ำ แบบ...หนีลงแม่น้ำเทมส์ไปเลย
แต่ผมทำไม่ได้
เพราะงั้นผมถึงพยายามทำตัวให้มีประโยชน์ที่สุด ด้วยการอ่านมนต์ในหนังสือของพ่อมด เพื่อช่วยรักษาบาดแผลให้กับเขาตอนกำลังต่อสู้ ให้เขามีพละกำลังที่จะต่อกรกับอะไรก็ตามที่นังแม่มดจิตวิปลาสอัญเชิญออกมาต่อไปได้
หรืออย่างน้อยก็จนกว่าคำสาปของผมจะเริ่มทำงาน
"ยอมแพ้เสียเถอะนังแม่มดร้าย" เขาพูด จ่อดาบไปที่คอหอยของยัยหนังเหี่ยวนั่น
นางไม่สะทกสะท้าน หนำซ้ำยังเหยียดยิ้มราวกับดูถูกสิ่งมีชีวิตตรงหน้า
"เจ้าเอาชนะข้าไม่ได้หรอก" อัศวินเอ่ยด้วยเสียงอันทุ้มนุ่ม ราวกับตัวเอกในละครเวที "ไปซะ และอย่าได้กลับมาอีก"
นังแม่มดหัวเราะ
"ใช่แล้ว ข้าเอาชนะแกไม่ได้"
ผมหยิบกริชในกระเป๋าตัวเองออกมา
"แต่คนอื่นทำได้"
อัศวินเลิกคิ้ว
ในขณะที่ผมเดินเข้าไปใกล้...
ถึงตรงนี้ใครที่เคยอ่านเอลล่าก็น่าจะพอรู้ได้ว่าผมกำลังทำอะไร
สำหรับใครที่ไม่เคยอ่าน ผมจะบอกให้ก็ได้
แต่มันอาจจะน่าเกลียดไปสักหน่อย ทางที่ดีคุณควรปิดตา ไม่ก็หาน้ำเย็นๆ มาดื่ม
เพราะว่าเรื่องนี้ไม่ได้จบสวยแบบเรื่องเอลล่าหรอกนะ
เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น
Log in