เราใช้คุ๊กกี้บนเว็บไซต์ของเรา กรุณาอ่านและยอมรับ นโยบายความเป็นส่วนตัว เพื่อใช้บริการเว็บไซต์ ไม่ยอมรับ
#squarreadsquarrium
[Review] ผมเรียกเขาว่าเน็กไท : ยอมรับ เยียวยา และก้าวต่อ
  • ผมเรียกเขาว่าเน็กไท

    ผู้เขียน : มิเลนา มิชิโก ฟลาชาร์
    ผู้แปล : สิริยากร พุกกะเวส มาร์ควอร์ท 
    สำนักพิมพ์ : แมร์รี่โกราวด์
    ราคา : 220 บาท

    มหกรรมการโดนป้ายยาครั้งใหญ่เริ่มจากการที่นอนอยู่บ้าน ไถมือถือ ไถโซเชียล มองไปทางไหนก็มีแต่หนังสือเล่มนี้ ขึ้น Best Seller ของทุกร้าน ถึงเวลาที่จะต้องพิสูจน์ว่ารสนิยมการอ่านของเราตรงกับชาวบ้านเค้ามั้ย 555555

    เรื่องราวของคนต่างวัยสองคนที่มาเจอกันในสวนสาธารณะ คนสองคนที่มีบาดแผลในชีวิตต่างกัน ทากุชิ ฮิโระ เด็กหนุ่มวัย 20 ปีที่ไม่อยากเป็นส่วนหนึ่งของสังคม เลือกที่จะฮิกิโกะโมริ (หรืออาการขังตัวอยู่แต่ในห้อง ไม่พูดคุยกับคนในบ้าน ไม่ออกไปใช้ชีวิต อาจจะมีสาเหตุมาจากความกดดันในสังคมที่มากเกินไป) เรียนไม่จบ และมีปัญหาชีวิตตามวัยของตัวเอง เช่นเดียวกับโอฮาระ เท็ทสุ ชายวัย 50 กว่าปีที่ตกงานแต่ไม่กล้าบอกภรรยาของตัวเอง จึงต้องออกจากบ้านแต่มานั่งในสวนสาธารณะทุกวัน

    เนื้อเรื่องดำเนินไปอย่างไม่ยืดเยื้อ ไม่ได้มีการพรรณนาจนเวอร์วัง ผูกและเล่าเรื่องให้เราเข้าใจได้ไม่ยาก แม้ว่าในบางจุดจะรู้สึกเหมือนอ่านบทกวี หรืออ่านหนังสือปรัชญาซักเล่ม แต่มันก็เข้าใจง่ายกว่านั้นมาก

    ในบทสนทนาของฮิโระและเท็ทสุเต็มไปด้วยการพูดคุยเพื่อให้ตัวเองหลุดออกมาจากความรู้สึกผุพังที่เจอมา ทำให้เราเห็นความสำคัญของคำว่า Talk Therapy มากขึ้นไปอีก บางทีถ้าเจอเรื่องอะไรมาเราก็แค่ต้องพูดออกไปบ้าง ถ้าได้เริ่มต้นจากการยอมรับและพูดมันออกมาแล้ว อะไร ๆ ที่ตามมาก็จะง่ายขึ้น

    และบ่อยครั้ง การพูดกับคนที่ไม่รู้จักกันมาก่อนอาจจะสบายใจกว่าพูดกับคนในครอบครัวซะอีก

    หนังสือเล่มเล็ก ๆ นี้ทำให้เราเห็นถึงปัญหาของคนต่างวัย ฮิโระก็มีปัญหาเกี่ยวกับวัยเด็ก เกี่ยวกับเพื่อน และความกดดันที่ตัวเองต้องเจอ ต้องเป็นคนมีอนาคตที่ดีเพื่อให้คนอื่นยอมรับ เท็ทสุเองก็เจอปัญหาสุขภาพด้วยวัยที่มากขึ้น ไม่สามารถทำงานได้คล่องแคล่วเหมือนคนรุ่นใหม่ ๆ ทำให้เขาไม่เป็นที่ต้องการของบริษัทอีกต่อไป และอีกหลายเหตุผลที่ทำให้ทั้งคู่รู้สึกแย่จนเกือบเลยไปถึงการเกลียดตัวเอง

    การที่คนสองคนที่เต็มไปด้วยบาดแผล ได้มานั่งระบายความกดดันนั้นออกมา เป็นการค่อย ๆ เยียวยาจิตใจของทั้งคู่ให้เบาสบายขึ้น ได้ฟังมุมมองจากคนอื่น อาจจะทำให้เราคิดเรื่องของตัวเองออกโดยไม่ได้ตั้งใจก็ได้

    ส่วนที่เราชอบมากที่สุดในเล่มนี้คงเป็นวิธีการเล่าเรื่อง บทสนทนาที่ไม่มีเครื่องหมาย " " ให้เราใช้สมาธิกับมันว่าตรงไหนคือคำพูด ตรงไหนคือคำบรรยาย แต่ก็ไม่มีตรงไหนสับสนหรือเข้าใจยากอะไร 

    เอาเป็นว่าเป็นหนังสืออีกเล่มที่ทำให้เราเข้าใจชีวิตมากขึ้น เข้าใจไปถึงปัญหาที่เราอาจจะเจอในแต่ละวัย ไปจนถึงแนะนำแนวทางการแก้ปัญหาต่าง ๆ ให้เรายอมรับตัวเอง รับมือกับความผิดหวังต่าง ๆ เลือกวิธีแก้ไขด้วยตัวเอง และร่วมกันเยียวยาตัวเอง ถึงแม้บางครั้งจะเป็นวิธีที่ไม่ได้ผลอะไร แต่ก็ไม่เป็นไรหรอก เราก็ค่อย ๆ เรียนรู้กันไป

    ขอแค่ได้เริ่มต้นก็พอ

    สิ่งที่คุณไม่ได้ทำ สิ่งที่คุณละเว้น มักจะส่งผลอันเจ็บปวดยิ่งกว่าสิ่งที่คุณทำเสียอีก
Views

เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น

Log in