หลายคนอาจจะเข้าใจว่ามันเป็นหนังสือเบื้องหลังภาพยนตร์มหาลัยเหมืองแร่ แต่ความจริงแล้วเป็นเหมือนคัมภีร์เบื้องหลังกองถ่ายภาพยนตร์ที่โคตรจะมีคุณค่าและรวมข้อมูล Inside จากคนที่ทำงานจริง ๆ มาเล่าให้เราฟัง ใครที่สนใจเกี่ยวกับงานในกองถ่ายจะต้องได้อ่านเล่มนี้
The Chemistry of Movie
บรรณาธิการ : ภิญโญ ไตรสุริยธรรมา
สำนักพิมพ์ : openbooks
ราคา : 250 บาท
หนังสือเล่มนี้เป็นการเล่าเรื่องด้วยบทสัมภาษณ์ทั้งหมด ที่ทำให้เรารู้จักทั้งตัวทีมงานเองและตัวอาชีพไปด้วย ขอรีวิวตามแบบหนังสือเลยแล้วกัน
1 Introduction เป็นการเกริ่นนำถึงระบบนายทุน ทุนนิยม และประวัติย่อเกี่ยวกับภาพยนตร์ไทย แต่เป็นการเกริ่นที่บอกทิศทางของหนังสือเล่มนี้ได้ดีมาก
2 The Chemistry of Movie เริ่มจากการคุยกับทั้งสามฝ่ายนั่นคือ GMM ไท เอ็นเตอร์เทนเม้นท์ และ หับ โห้ หิ้น ว่าอะไรคือสิ่งที่ทำให้มารวมตัวกัน กว่าจะรวมกันได้ต้องผ่านอะไรมาบ้าง ในพาร์ทนี้ค่อนข้างธุรกิจมาก ๆ ซึ่งเราไม่มีความรู้อะไรเลย แต่ว่าอ่านแล้วสนุกมากเพราะเป็นการเล่าเรื่องที่เห็นภาพมาก จากบริษัทที่ทำหนังปีละ 2 เรื่อง ต้องมารวมตัวกันแล้วทำให้ได้ปีละ 8 เรื่องเพื่อสร้างภาพจำและเอากำไรไปทำเรื่องอื่น บวกกับต้องทำให้บริษัทเข้าหลักทรัพย์เป็นมหาชนให้ได้
3 Production พูดถึงเรื่องการบริหารเรื่องนายทุนไปแล้ว ก็ต้องพูดถึงโปรดักชั่นบ้าง พาร์ทนี้พาเราไปคุยกับผู้กำกับมหาลัยเหมืองแร่ จิระ มะลิกุล ว่าทำไมถึงเลือกมหาลัยเหมืองแร่มาทำ การต้องยกกองกันไปถ่ายที่จังหวัดพังงาเป็นยังไงบ้าง ทีมงานอยู่กันยังไง ส่วนนี้เราชอบมากเพราะทำให้รู้ว่ามหาลัยเหมืองแร่เป็นเรื่องที่พยายามจะถ่ายแบบไล่เรียงไทม์ไลน์ในเรื่องมากที่สุด ทำให้นักแสดงมีความคอนทินิว เติบโตไปพร้อมกับเนื้อเรื่องที่เป็นเหมือนการเรียน 4 ปีในมหาลัย
พาเราไปรู้จัก Production Design กับการทำเรือขุดที่ดีจนไม่น่าจะได้รางวัล (เพราะเหมือนจริงเกินไปจนไม่น่าเชื่อว่าทำขึ้นมาใหม่) ทำออฟฟิศนายฝรั่ง ทำร้านกาแฟ และแต่ละฉากที่อยู่ในเรื่อง
ตากล้องที่ต้องทำงานกับผู้กำกับให้ออกมาตรงตามความต้องการมากที่สุด
ผู้ช่วยผู้กำกับที่ต้องคอยคุมทุกอย่างในกองให้ผ่านไปด้วยดี ทั้งคิวนักแสดง คิวฉาก บลาบลาบลา
สไตล์ลิสกับการเตรียมเสื้อผ้าให้สมจริง เข้ากับคาแรคเตอร์ เข้ากับยุคสมัย และคุมโทนไม่ให้โดดเวลาอยู่หน้ากล้อง
Editorที่เป็นตัวละครสำคัญมาก ๆ ในเบื้องหลังภาพยนตร์
Storyboard Artist คนแรกที่จะได้เห็นภาพของภาพยนตร์ เห็นภาพก่อนผู้กำกับซะอีก
4 Inspiration คุยกับคุณอรชุมา แอคติ้งโค้ชที่ต้องสอนนักแสดงหลักสามคนให้เกิดปาฏิหาริย์ให้ได้ เพราะเป็นสามคนที่ธรรมดามาก ไม่เคยเรียนการแสดงและไม่ได้อยู่ในวงการเลย นั่นคืออาจินต์ นายฝรั่ง และพี่จอน ซึ่งตรงนี้ก็สนุกมาก ๆ ที่ได้เห็นกระบวนสร้างคาแรคเตอร์แต่ละคน
5 Captain มาคุยกับผู้กำกับกันอีกรอบหลังจากที่ได้เห็นภาพยนตร์ตัวเต็มแบบพร้อมฉายแล้ว ซึ่งก็ไม่ใช่การคุยเรื่องหนังเท่านั้น แต่เป็นเรื่องการทำงานในนาม GTH และการเติบโตในฐานะผู้กำกับด้วย
รวม ๆ แล้วไม่ใช่หนังสือเบื้องหลังมหาลัยเหมืองแร่ซะทีเดียว แต่เป็นการเล่าถึงอาชีพตัวเองในกองถ่าย แค่บังเอิญมาเล่ากันในช่วงที่ทำมหาลัยเหมืองแร่อยู่พอดี เลยมีข้อมูลเกี่ยวกับเรื่องนี้เยอะเป็นพิเศษ ซึ่งมันเปิดโลกเรามาก ๆ ในทุกส่วน ด้วยความที่ไม่ได้เรียนนิเทศมา เราไม่เคยรู้อะไรเกี่ยวกับกองถ่ายเลย ไม่ใช่คนที่ดูหนังเยอะจนรอบรู้อะไรแบบนี้ด้วย มันเลยเป็นข้อมูลใหม่ และเป็นหนังสือที่มีค่ามาก ๆ สำหรับเรา
พาร์ทที่ชอบมาก ๆ อีกพาร์ทเป็นตอนที่พูดถึงระบบเซ็นเซอร์หนังไทย ที่ไม่ค่อยจะมีปัญหากับอะไรนอกจาก นม 55555555555 (ส่วนที่เราสังเกตเองนั่นคือเรื่องศาสนา) ซึ่งหากเราเล่นประเด็นได้มีชั้นเชิงมากพอ เราอาจจะด่านายกฯได้ทั้งเรื่องโดยที่นายกฯไม่รู้ตัวซะด้วยซ้ำ ในใจนี่ตบเข่าฉาด ยังไงก็รออะไรแบบนั้นอยู่นะคะ 555555
เราอ่านเรื่องนี้หลังจากที่ดูมหาลัยเหมืองแร่ไปแล้ว 2 รอบ ยิ่งทำให้บางพาร์ทเราก็เห็นภาพเด้งออกมาจากหนังสือเลย เพราะว่าดูหนังจนคุ้นแล้ว ถึงแม้จะไม่เคยอ่านหนังสือเหมืองแร่ของคุณอาจินต์ แต่เราก็ตกหลุมรักภาษาที่อาจินต์ใช้เล่าเรื่องในหนังไปแล้ว ตกหลุมรักความชื้นความเปียกของฝนเมืองใต้ที่ตกตลอดเวลา ตกหลุมรักฉาก เสื้อผ้า ความสดและความจริงของนักแสดงที่เขาเข้ามาเพื่อเป็นตัวนั้น ๆ จริง ๆ
และขอบคุณตัวเองมาก ๆ ที่ไฟวท์จนได้หนังสือเล่มนี้มา 5555555
ขอเล่าประสบการณ์ความบากบั่นกว่าจะได้หนังสือเล่มนี้มา ลากเลือดมาก ๆ
มหาลัยเหมืองแร่เป็นเรื่องที่เราเพิ่งได้ดูตอนต้นปีนี่เอง ดูใน Netflix ตอนที่ไปเที่ยวเชียงใหม่ หลังจากดูจบแล้วก็ชอบนะ รู้สึกว่าเป็นหนังดีมาก ๆ เรื่องหนึ่ง แต่ยังไม่ได้ตกผลึกและประทับใจมากขนาดนั้น (บวกกับดูตอนที่เหนื่อย ๆ ง่วง ๆ จากการเที่ยวด้วย) หลังจากนั้นเราก็ไป Book Re:Public ร้านหนังสืออิสระที่เชียงใหม่ เจอเล่มนี้วางอยู่ประมาณสามสี่เล่มได้ เราก็ไปหยิบ ๆ จับ ๆ แต่ด้วยราคา บวกกับตอนนั้นซื้อหนังสือไปแล้วจากงานหนังสือเชียงใหม่ 7 เล่ม! เลยรู้สึกว่าการที่ต้องขนหนังสือเยอะขนาดนั้นกลับกรุงเทพมันหนักมาก เลยพับโครงการไป
พอกลับมากรุงเทพเราก็เริ่มเจอคอนเท้นต่าง ๆ เกี่ยวกับมหาลัยเหมืองแร่มากขึ้น เริ่มเจอคนพูดถึง และเราก็เข้าใจเพราะเราดูแล้ว แล้วก็ไปเห็นคนพูดถึงหนังสือเล่มนี้ว่า เห้ย มันไม่ใช่เบื้องหลังภาพยนตร์นะ แต่มันเล่าถึงอาชีพต่าง ๆ ในกองถ่าย ว่าทำอะไรกันบ้าง มีหน้าที่อะไร ถึงจะได้ออกมาเป็นหนังเรื่องนึง และเป็นข้อมูลที่วงในมาก ๆ เราก็ เห้ย ตายละ เริ่มจะอยากได้ขึ้นมาแล้ว เลยทักไปหาร้านเดิมที่เราเคยเจอ สรุุปว่าหมดแล้ว ไม่มีแล้ว เอาล่ะ เริ่มเศร้า ทักไปหาร้านไหนก็ไม่มีเลย ซึ่งมันเป็นหนังสือเมื่อ 15 ปีที่แล้ว ตอนนี้ไม่น่าจะมีขายอยู่ในตลาดแล้ว ถ้าจะหาก็ต้องในกลุ่มขายหนังสือมือสองแล้วล่ะ เลยตัดสินใจเข้ากลุ่มซื้อขายหนังสือ
เริ่มโพสต์หาหนังสือก็ไม่มีใครขายเลย มีแต่คนมากดไลค์ เหมือนกับให้กำลังใจว่า เก่าขนาดนี้ หาให้เจอนะครับน้อง 555555555
อีกเหตุการณ์หนึ่งที่เจ็บใจมาก ๆ ตอนหาเรื่องนี้ คือเพจขายหนังสือเพจนึงที่เราตามอยู่เขาลงขาย แล้วเราก็เจอ แต่เราจองไม่ทัน! มีคนซื้อตัดหน้าไปก่อนแล้วในเวลาไม่กี่นาที มันทั้งเจ็บใจทั้งทำให้เราฮึดยิ่งกว่าเดิม เพราะรู้สึกว่ามันต้องมีคุณค่าอะไรบางอย่างอะคนเค้าถึงได้ตามหากัน เราก็คอยเสิชหา โพสต์ถามอยู่เรื่อย ๆ ทั้งในทวิตทั้งในเฟส
จนมาได้ในกลุ่มซื้อขายหนังสือมือสอง จากการที่มีคนตั้งโพสต์ให้คนตามหาหนังสือ เราเลยไปลงหาเรื่องนี้ แล้วก็มีคนทักมาขาย ตอนนั้นดีใจมากกกก ซื้อเร็วจนคนขายแซวว่าไม่กลัวโดนโกงหรอครับ 555555555 แต่สุดท้ายก็ไม่โดนนะคะ ของมาถึงเราอย่างปลอดภัยในเวลาไม่ถึงวัน ในสภาพที่ดีและขลังมาก ๆ สมกับเป็นหนังสือเมื่อ 15 ปีที่แล้ว และปิดจ๊อบการหาหนังสืออันยาวนานประมาณ 4 เดือนของเราแบบแฮปปี้เอนดิ้ง ~
สำหรับตอนนี้ถ้าใครถามว่าชอบหนังไทยเรื่องอะไร มหาลัยเหมืองแร่จะเป็นเรื่องหนึ่งที่อยู่ในลิสต์แน่ ๆ และเส้นทางกว่าจะได้หนังสือเล่มนี้มาก็จะทำให้จำหนังสือเล่มนี้ไม่ลืมแน่นอน
เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น
Log in