เราใช้คุ๊กกี้บนเว็บไซต์ของเรา กรุณาอ่านและยอมรับ นโยบายความเป็นส่วนตัว เพื่อใช้บริการเว็บไซต์ ไม่ยอมรับ
me : 2020panpanmeme
depress (not) bad
  • ไม่เป็นไร — ความเศร้ามีหลายระดับ เศร้าเพราะปัจจัยภายนอก (แบบที่เรารู้สาเหตุ) กับความเศร้าภายในที่เราไม่ค่อยรู้ตัวเวลาเกิดขึ้น เป็นความเศร้าที่ฝังแน่น ราวฝังลึกลงในระดับดีเอ็นเอ จนกลายเป็นความหดหู่ เพราะเราหาทางออกจากมันไม่ได้ ; เป็นความเศร้าทางชีวภาพที่ถูกส่งต่อมาเรื่อยๆ
      

    เราไม่ผิดที่จะเศร้า

    แล้วก็คงฟังดูตลก ถ้าหากจะบอกว่าขอบคุณความ depress ที่เกิดขึ้น ที่ทำให้ฉันรู้ว่า อะไรคือสิ่งที่ต้องการจริงๆ 

    ชีวิตที่ไม่ได้ต้องการอะไร
    นอกจาก ชีวิต
    ที่มี ความรัก ความหวัง และความเชื่อ


    “At this time there are three things that continue. We continue to trust God. We continue to hope for his good things. We continue to love other people. But the most important of these things is love.”
    ‭‭1 Corinthians‬ ‭13:13‬ ‭

    เชื่อในพระเจ้า ผู้ทรงรักและยิ่งใหญ่
    หวังใจในทุกสิ่ง ว่าจะมีสิ่งดีๆ แม้ยังไม่เกิดขึ้น
    อยู่ด้วยความรัก รักผู้คน (รักตัวเองด้วย)

    ถึงความเศร้าจะมาเยือนในเวลากลางคืน
    แต่เมื่อเช้าตื่น ก็ต้องลุกขึ้น รวบรวมกำลัง อาบน้ำ แต่งตัว คว้าข้าวของชิ้นประจำออกมา ทำงานที่ทำทุกวัน (ถึงวันนี้จะลืมร่ม ; และทำได้แค่แอบหวังในใจ ว่า ขอให้ฝนไม่ตก ทั้งเม็ดฝนจากฟ้าและฝนข้างในตัวเรา)

    หลังเรียนจบ การเดินทาง ค่อยๆค้นหาคำตอบมันก็เกิดขึ้น ทั้งกดดัน ทั้งกลัว ทั้งไม่มั่นใจ ต่างๆ  ผ่านมาหลายวัน หลายเดือน หลายปี มาถึงตอนนี้ฉันรู้ว่าตัวเองต้องการอะไร อาจจะไม่ทั้งหมด แต่มันก็รู้มากขึ้น 

    มากกว่าวันแรกที่เริ่มออกเดิน

    ความเศร้า ที่เกิดขึ้นบ่อยๆ มันมีประโยชน์ในตัวเองอยู่
    กษัตริย์ดาวิด เป็นคนนึงที่ทำให้ฉันได้เรียนรู้จักความเศร้าและการร้องไห้คร่ำครวญ  เยเรมีย์เป็นคนนึงที่ให้ฉันรู้ว่า แม้แต่ผู้ชายก็ร้องไห้ได้ เราต่างก็เป็นมนุษย์เหมือนกัน แล้วฉันล่ะ เป็นใคร ทำไมถึงห้ามหนักห้ามหนาไม่ให้ตัวเองร้องไห้ จะรู้สึกผิดรู้สึกแย่ทำไมที่ร้องไห้ — และที่สำคัญคือ เมื่อฉันอ่อนแอ ฉันรู้ว่า พระเยซูจะอยู่ข้างฉัน พระเยซูรักฉัน

    ความเศร้าไม่ใช่ผู้ร้าย
    เพียงแต่เราเอง ที่มองมันในแง่ร้าย
    และใช้มันเป็นอาวุธทำร้ายตัวเอง

    [ ทางกลับกัน เสียงหัวเราะจอมปลอม
    ยังดูเป็นอันตรายกว่าเสียอีก ]

    ตั้งแต่ทำงานเกี่ยวกับบ้านมา
    ได้รู้จักมนุษย์มากขึ้น เห็นครอบครัวแต่ละครอบครัวในมุมต่างๆ และได้รู้ว่า แต่ละคนมีความต้องการ และมีข้อจำกัดต่างกันมาก มีความละเอียดอ่อน

    บางบ้าน เริ่มต้นด้วยงบประมาณไม่จำกัด ดีไซน์เต็มที่
    แต่พอปีที่ผ่านมา สถานการณ์เศรษฐกิจ ทำให้เราเริ่มตัดสิ่งไม่จำเป็นออกไป ความเครียดความเศร้าความท้อแท้ เข้ามาร่วมวงกับพวกเราในขณะที่ยังต้องดำเนินงานต่อไป

    ฉันเริ่มคิดว่า อะไรที่จำเป็นต่อชีวิตมนุษย์จริงๆ ?
    ถ้ามีเงินน้อยนิด จะมีบ้านที่มีความสุขได้มั้ย
    มันเป็นคำถามที่ฉันตั้งมาตลอดในที่ยังเป็นนักเรียน
    และได้คำตอบตอนที่ทำวิทยานิพนธ์ว่า ;  ความพิเศษของอาชีพนี้คือ เราสามารถสร้างประสบการณ์การใช้พื้นที่ว่างให้กับมนุษย์ได้ โดยไม่จำเป็นต้องใช้เงินจำนวนมาก ความสุขไม่ได้ขึ้นอยู่กับเฟอร์นิเจอร์ราคาแพงแต่อยู่ในห้องมิดชิดที่ไม่อาจะเจอคนที่รักได้

    เงินไม่ใช่คำตอบ
    ปัจจัย ประสบการณ์ที่ผ่านพบเข้ามาในชีวิต ทำให้เราเป็นเราในตอนนี้ ; ส่วนฉันเอง ถ้าหากไม่เกิดมาเจอเรื่องพวกนี้ วิธีคิดก็คงเปลี่ยนไป แรงขับเคลื่อนในชีวิตก็คงต่างออกไป 

    ถึงจะเหนื่อยกับชีวิต
    แต่ก็ไม่ได้เสียใจที่ได้อยู่ในชีวิตนี้

    และถึงจะเขียนว่า ความเศร้าไม่ใช่ผู้ร้าย แต่ก็ไม่ได้หมายความว่ามันเป็นพระเอกหรอกนะ ความเศร้าก็เป็นแค่อารมณ์หนึ่ง อารมณ์ช่วยให้เรารู้ว่าเราเป็นยังไง

    ตอนนี้ฉันกำลังคิดว่า
    ฉันจะออกมาจากมันยังไง — จากห้องแห่งความเศร้าหน่ะ ฉันยังอยากเศร้าอยู่มั้ย
    ในตอนนี้ที่ทำได้ คงเริ่มจากถามตัวเองว่า 
    ระหว่างที่เศร้าฉันพบอะไรในตัวเองบ้าง ?

    หรือบางทีเราอาจจะไม่ต้องกำจัดมันทิ้งไป
    แต่อยู่ร่วมกับมันให้ได้ ด้วยมุมมองที่ถูกต้อง
    แบบนั้นฟังดูทรมานน้อยกว่าการขับไล่มันไป
    เพราะฉันไม่เคยทำได้เลย

    เหมือนความหงุดหงิดที่เกิดขึ้นตอนหิว
    ฉันไล่ความหงุดหงิดไปไม่ได้
    เพราะร่างกายต้องการสื่อสารกับฉันว่ามัน หิว 

    ด้วยกันกับความเศร้าแล้ว
    มันก็แค่ต้องการสื่อสารกับฉันเท่านั้นเอง ว่าต้องการอะไร



Views

เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น

Log in