แต่ก็ได้เรียนรู้เยอะแยะเลย

หนูได้ทำงานเป็นระบบและได้เห็นเบื้องหลังงานอย่างที่คาดหวังจริง ๆ นะ

นี่คือสิ่งที่หนูพยายามเรียนรู้และจะนำไปปรับปรุงให้ดียิ่งขึ้น
1. ไอเดีย ไอเดียที่ดีต้องมาควบคู่กับวิธีนำเสนอที่ดูสนุกและเข้าถึงง่าย
     พี่ ๆ เคยบอกว่าสินค้าทุกอย่างจะสามารถดูน่าซื้อถ้าเรามีไอเดียที่ดี นอกจากบอกว่าสินค้านั้นมีดีอย่างไร แต่คอนเทนต์ต้องน่าดึงดูดและที่สำคัญหนูต้องเสพสื่อโซเชียลให้มากจะได้ทันกระแสนิยมและจะทำให้เนื้อหางานนั้นเป็นที่สนใจมากยิ่งขึ้น

2. นำเสนอ เราจะต้องนำเสนอข้อมูลที่ถูกต้อง
    เพราะฉะนั้นหน้าที่ของ Creative Content คือการหาข้อมูลให้เนื้อหาเชื่อถือได้พร้อมมีลูกเล่นของคอนเทนต์

3. ข้อมูล การหาข้อมูลเนื้อหานอกจากหาในออนไลน์หรือติดต่อทางโซเชียล บางครั้งหนูก็ต้องโทรสอบถามจากต้นทางให้ชัดเจน นี่ก็เป็นอีกงานที่เปิดโลกให้หนูมาก เพราะระหว่างที่เราหาข้อมูลเราก็ต้องแข็งกับเวลาเพื่อให้ทันกระแสโซเชียลด้วย

4. คิดแคปชั่น การคิดแคปชั่นในที่นี้ก็เป็นการเขียนให้ตรงกลุ่มเป้าหมาย
    สำหรับงานนี้จะมีใช้ภาษาที่เพิ่มอรรถรสเนื้อหา เช่น งานที่หนูได้รับประจำคืองานโปรโมชั่น หนูจะต้องเขียนโน้มน้าวชวนซื้อตามและยังอ่านสนุก และการเขียนรีวิวความรู้สึกต่อโปรดักและสถานที่ ควรเขียนอย่างไรให้เป็นตามความจริงแต่ก็ยังอยู่ในขอบเขตความเหมาะสม

5. ถ่ายภาพ การถ่ายภาพแต่ละคอนเทนต์ต้องมีคอนเซ็ปที่ชัดเจน และผู้ติดตามจะต้องเข้าถึงจุดขายในโพสต์นั้นๆ 

เช่น    -ถ่ายภาพโปรดักสินค้า สินค้านั้นต้องเด่นกว่าพร็อบต่างและเห็นรายละเอียดให้มากที่สุด
          -ถ่ายภาพรีวิว ฟิลลิ่งของผู้ใช้งาน ในการบรรยายความรู้สึกควรแสดงสีหน้าให้ดูสมจริง
          -ถ่ายภาพสถานที่ ควรหามุมให้สถานที่นั้นดูน่าหลงไหลชวนเที่ยว และควรรู้จักสถานที่แห่งนั้นพอสมควรด้วย
         -ถ่ายอาหาร การถ่ายอาหารก็ควรจะทำให้อาหารดูน่ากิน และมีรายละเอียดที่ต้องเจาะให้เห็นชัดเพื่อให้เข้าถึงผิวสัมผัสของตัวอาหารบางอย่าง
การถ่ายในและนอกออฟฟิศต่างกันมาก หนูจะเตรียมตัวทุกครั้งที่ได้รับโจทย์มาและลงมือจัดทุกอย่างให้พร้อม ซึ่งทั้งหมดต้องจัดให้ทุกอย่างพร้อมและสะดวกส่งงานต่อให้ฝ่ายกราฟฟิกทำงานได้ง่ายมากขึ้นด้วย *ที่สำคัญไม่ควรมองข้ามจุดเล็ก ๆ ที่อาจจะสะดุดตาและขัดใจผู้ที่มาพบเห็นได้

  
6. กราฟฟิก หนูได้มีโอกาสช่วยงานพี่กราฟฟิกมากพอสมควร 

    การทำงานตรงนี้ทำให้หนูรู้ตัวว่าหนูศึกษางานกราฟฟิกเพิ่มขึ้นอีก ทั้งเรื่องการจัดวางให้รู้สึกสบายตาและไม่ขาดหายจนเกินไป เรื่องสีและเส้นนำสายตาก็เป็นสิ่งสำคัญ 

สำหรับหนูบางครั้งงานกราฟฟิกก็เป็นงานที่หนักเพราะจะต้องทำให้ข้อความบรรยายในภาพยังสามารถอ่านได้ง่ายแต่ก็ไม่บังภาพถ่ายมากเกินไป แต่เมื่อทำบ่อย ๆ ก็สนุกที่ได้ทำงานนี้เช่นกัน

7. ตัดต่อ ช่วงนี้มีแอปพลิเคชั่นชื่อดังและมาแรงมาก อย่าง TikTok ทางบริษัทเพิ่งได้เริ่มตนลงคอนเทนต์ในแอปนี้เช่นกัน และหนูได้มีโอกาสทั้งถ่ายวิดีโอ อัดเสียงพากย์ และตัดต่อคอนเทนต์อีกด้วย

ส่วนสำคัญสุดท้ายแต่ไม่ท้ายสุด คือ

8. การทำงานเป็นทีม เนื่องด้วยที่แห่งนี้เป็นบริษัทเล็ก ๆ และมีบุคคลากรรวมเด็กฝึกงานแล้วแค่ 6 คนเท่านั้น และหนูฝึกงานตำแหน่ง Creative Content เป็นเหมือนด้านหน้าของงานจึงต้องรอบคอบมาก และต้องลำดับงานให้ง่ายต่อฝ่ายงานอื่น ๆ จนงานผ่านไปด้วยดีที่สุด ซึ่งหนูก็ได้ลงมือทำอย่างค่อยเรียนรู้ปรับตัวจนจบการฝึกงาน

สรุปกระบวนงานให้เข้าใจอย่างง่าย
      หลังจากที่ทั้งออฟฟิศเสนอไอเดียกันแล้ว พี่ที่ดูแลจะแจกโจทย์งานให้กับเด็กฝึก
จากนั้นหนูจะต้องหาข้อมูล มาทำเป็นคอนเทนต์และคิดภาพในหัวคร่าว ๆ เอาไว้ หรือหาแบบ (reference) ในการจัดวางนำเสนองานต่างๆ เมื่อหนูได้ภาพรวมที่ต้องการแล้ว จึงนำไอเดียเสนอกับพี่กราฟฟิกว่าต้องการให้จัดวางภาพแบบไหน และคิดแคปชั่นเพื่อให้งานนั้นเสร็จเรียบร้อย

งานทุกอย่างจากหนูจะถูกตรวจสอบความถูกต้องเหมาะสมโดยพี่ที่ดูแลและผู้บริหารก่อน จึงจะสามารถโพสต์งานนั้นได้ ถึงแม้บ่อยครั้งที่โดนติอย่างน้อยก็เป็นสิ่งที่ดีที่หนูจะได้ปรับแก้ไขให้ถูกต้อง

หนูได้ฝึกทำมาตลอดระยะเวลา ตั้งแต่วันที่ 10 มกราคม - 18 มีนาคม 2565 หนูได้ลงมือทำงานและเรียนรู้สิ่งเหล่านี้ มีเรื่องราวมากมายที่อยากจะเล่าให้ทุกคนได้อ่านแต่ก็คงขอพักเอาไว้เท่านี้ก่อนนะคะ

สำหรับหนูแล้วการฝึกงานครั้งนี้ถือเป็นประสบการณ์ที่ทั้งดีทั้งร้ายและที่สำคัญหนูผ่านมันมาแล้วค่ะ