ตั้งแต่เหยียบฮ่องกงถ้าจุดเริ่มต้นคือที่พัก ผมออกไปไกลที่สุดแค่50เมตร
คือร้านมินิมาร์ทเก่าๆที่ฝั่งตรงข้ามถนนเริ่มรู้สึกถึงความหว่องที่ตามหาขึ้นมา
ในขณะที่ทุกคนกำลังรีบเราที่ตั้งใจว่าจะหยุดเดินก็เหงาขึ้นมาแบบไม่มีสาเหตุ
ผมต้มน้ำร้อนอีกเป็นครั้งที่3ของวัน นาฬิกาบอกเวลาเกือบๆเที่ยงคืนแล้ว
‘กรี๊ดดดดดดดดดดดดดด’
เสียงกรีดร้องที่ดังผ่านโสตประสาททำเอาสะดุ้งโหยงจนเผลอปล่อยช้อน
ผมเรียกสติกลับมาแล้วคิดได้ว่ามันไม่ใช่เสียงคนจริงๆเป็นจากโทรทัศน์ของคนห้องฝั่งซ้าย
แล้วมาดูหนังผีอะไรตอนดึกๆวะสัส ไม่รู้หรอว่าผนังห้องแม่งบางกว่าชีทเรียนอ.วุฒิไกรอีก
“Could you turn the volume down , please?” ผมหันหน้าไปพูดกับผนังทางฝั่งขวา
‘กรี๊ดดดดดดดดดดดดดดดดด’
สัส! กูอุตส่าห์เปิดกูเกิ้ลทรานสเลทไม่ได้ช่วยเลย
แล้วนี่มันกี่โมงกี่ยามแล้วยอมรับว่าผมเป็นพวกกลัวผีด้วย เป็นมาแต่เด็ก
แล้วมันใช่เรื่องหรอที่ต้องได้ยินเสียงกรี๊ดๆก่อนนอนมันข่มตานอนไม่ได้หรอกนะ
ผมยัดหูฟังเข้ากับหูเปิดเพลงของ whitney วงโปรดให้ดังที่สุด แต่สุดท้ายก็ต้องยอมแพ้
ผมกลัวและนอนไม่หลับ เมื่อวานหลับไปเพราะเหนื่อยจากการเดินทาง
แต่วันนี้ผมนอนๆนั่งๆอยู่ในห้องทั้งวันไม่ได้เหนื่อยอะไรเลย ยิ่งจินตนาการเสริมเข้าไป ก็ยิ่งกลัว
-แกร๊ก-
เสียงเปิดประตูแล้วตามมาด้วยเสียงกุกกักของคนห้องทางฝั่งขวาดังให้ได้ยิน
โอ้เยสกู๊ด! คุณรีโมทห้องข้างๆกลับมาแล้ว!ผมกระโดดเข้าไปนั่งใกล้ๆผนัง
“กลับมาแล้วหรอครับ” ไม่มีใครทำแบบนี้แน่ๆแบบที่หน้าด้านทักคนที่ไม่เคยเจอหน้ากัน แต่ผมไม่มีทางเลือก ความกลัวที่เกิดมันมากเกินกำแพงความสัมพันธ์ที่ควรจะมีแต่ก็ไม่ได้ยินเสียงตอบกลับจากห้องข้างๆ มีแต่เสียงโครมครามเหมือนคนเดินชนสลับกับเสียงsound effectหลอนๆจากห้องทางฝั่งซ้าย ซึ่งเป็นตัวกระตุ้นชั้นดีให้ผมพาตัวเองออกจากห้อง1003ที่อยู่ไปหาคุณรีโมทที่รู้จักกันจากแค่สถานการณ์ผีทีวีเมื่อตอนเช้าถึงแม้จะไม่ได้รับการตอบกลับก็ตาม
ผมเคาะห้องแล้วอีกฝ่ายเปิดประตู กลิ่นแอลกอฮอล์ทำให้รู้ว่าอีกฝ่ายต้องไปดื่มอะไรมาแน่ๆ
“ผม ชื่ออินครับ อยู่ห้องข้างๆครับ ที่ตอนเช้าเราคุยกันเรื่องโทรทัศน์”
“อ่า ครับ คนไทย ผมพอจะจำได้ ผมชื่อย่อ” แต่เจ้าของห้อง1002ก็ยังเกาะขอบประตูแล้วประคองสติตอบกลับมาได้
“ครับ คือห้อง1004เค้าเปิดหนังผี ผมกลัว เลย เอ่อ..”ผมเงียบลงแล้วชั่งใจ เราจะขอนอนกับคนที่เพิ่งเคยเจอหน้ากันแค่ 1 นาทีก่อนได้จริงๆหรอ“ไม่มีอะไรครับ ผมแค่กลัว ขอโทษที่รบกวนครับ” คำตอบคือ ไม่ได้โว้ย
ผมก้มหัวให้แทนคำขอโทษตัวผมกลัวจนนอนไม่หลับ
แต่จะไปหน้าด้านขอนอนกับคนไม่รู้จักนี่ไม่ใช่เรื่องกว่าอีกรึเปล่า
มีแต่คนบ้าเท่านั้นแหละที่จะยอมเปิดประตูให้ใครก็ไม่รู้มาแชร์ที่นอนด้วย
“ถ้ากลัวก็มานอนห้องผมมั๊ยคุณ เสียงคงดังมาไม่ถึง” เหมือนอีกฝ่ายรู้ว่าผมต้องการอะไร
“จริงปะครับ” ถ้าเค้าเป็นคนบ้าผมคงบ้ากว่าที่อยากนอนกับคนไม่รู้จักใจจะขาด
“จริง คุณรีบเข้ามา ข้างนอกน่ากลัว อีกอย่างคือผมเมา ถ้าผมสร่างผมคงไม่ชวนคุณเหมือนที่ทำอยู่ตอนนี้”
“ครับๆ งั้นเดี๋ยวผมขอไปเอาหมอนกับผ้าห่มแปบ”
ผมรีบกลับเข้าไปเก็บของอย่างปากว่าเสียงหนังผียังดังอยู่ไม่จบไม่สิ้น
อยากเอามาม่าที่ต้มทิ้งไว้ไปราดใส่ทีวีมันจริงๆเวรเอ้ย
พอหอบข้าวของออกมาเจ้าของห้อง1002ก็ยังยืนรออยู่ ผมเบียดตัวเองผ่านประตูเข้าไปเค้าถึงปิดประตูลง
พอประตูปิดลงและสวิทช์ไฟถูกตบให้เปิด ผมก็พบว่า ห้องเหี้ยนี่ไม่สมควรอยู่ด้วยกัน 2 คน
เพราะจากที่มันแคบอยู่แล้วมันแคบลงอีกถนัดตา อย่าว่าแต่ผมจะวางหมอนตรงไหน
แค่จะขยับเดินไปไหนยังคิดเยอะเลยถ้าใครนึกภาพไม่ออก
ก็ลองพาเพื่อนสนิทเข้าไปในห้องน้ำดูความรู้สึกของผมก็ประมาณนั้น
“แคบกว่าที่คิดนะครับ ผมว่าคุณค-”
“ใช่ครับ พอดีผมมาอยู่เกือบอาทิตย์แล้ว ของเลยเยอะ ขอโทษจริงๆ”
“ไม่ครับ ผมหมายถึง ผมไม่รบกวนดีกว่า คุณคงอึดอัด”
“ไม่หรอกครับ ตอนนี้ผมง่วงมาก มึนๆไปหมด อีกไม่นานคงหลับ คงไม่มีเวลาคิดเรื่องความรู้สึกอึดอัดอะไรหรอกแต่ถ้าคุณอึดอัด จะกลับห้องก็ได้นะ แต่ตอนออกไปก็ล็อคห้องให้ผมด้วยแล้วกัน”อีกฝ่ายเมาอย่างที่ว่าจริงๆ ทั้งหน้าตา ท่าทางเวลาพูดที่ถึงแม้จะพูดประโยคยาวๆออกมาได้แต่น้ำเสียงที่พูดออกมาฟังก็รู้เลยว่าเมาแน่นอน
“อ่า งั้น ผมไม่กลับล่ะ กลับไปก็นอนไม่ได้อยู่ดี” เจ้าของห้องได้ฟังผมพูดก็หัวเราะเล็กๆในลำคอ
“อายุเท่าไหร่หรอครับ คุณอินน่าจะเด็กกว่าผมนะ”
“20ครับ ผมเกิด1997”
“เด็กกว่าจริงด้วย พี่เกิด1995 เรียกพี่ดีกว่าเนอะ”
“อ๋อ ครับ”
พี่ย่อยิ้มให้ผมแล้วถามว่าถ้าเค้าจะเปลี่ยนเสื้อผ้าในห้องจะเป็นอะไรรึเปล่า แน่นอนว่าผมตอบว่าไม่เพราะยังไงนี่ก็ห้องเค้า เค้าจะทำอะไรก็ได้อยู่แล้วที่ตัวผมทำได้ก็แค่เบนสายตาออกไปนอกหน้าต่างเท่านั้นพออีกฝ่ายเปลี่ยนเสื้อผ้าเสร็จก็เดินขึ้นไปนอนบนเตียงผมเห็นว่าคงถึงเวลานอนแล้วเลยเดินไปปิดไฟแต่ห้องก็ยังไม่มืดสนิทเพราะแสงจากนอกหน้าต่างที่สาดเข้ามา
ผมใช้เท้าเขี่ยผ้าห่มที่พื้นให้กางออกดีๆวางหมอนลงแล้วเตรียมนอน
“ไม่นอนล่ะอิน”
“ครับ?” ประโยคคำถามจากคนที่นอนอยู่บนเตียงทำให้ผมละสายตาไปจากที่นอนของตัวเองที่ปูอยู่ที่พื้น
“ไม่นอนหรอครับ”
“กำลังจะนอนครับพี่ กำลังปูอยู่” ผมขี้ไปที่พื้น
“อ้าว พี่เข้าใจว่าอินจะนอนบนเตียงด้วยกัน”
“อ๋อ ไม่ล่ะครับ ผมนอนพื้นดีกว่า เตียงเดี่ยวแล้วนอนเบียดกันคงอึดอัดแย่”
“อ่า แล้วแต่ แต่ถ้าปวดหลัง อินจะขึ้นมาก็ได้นะ พี่คงนอนไปแล้วล่ะ”
“ครับพี่ ไม่เป็นไรครับ ฝันดีครับพี่ย่อ”
ก่อนนอนผมก็คิดว่าทำไมผมไม่ได้บอกเจ้าของที่พักให้มาด่าห้อง1004วะ
มันคงเป็นกรรมของพี่ย่อที่กลับห้องมาตอนผมรู้สึกกลัวสุดขีดพอดีแหละ
ไม่รู้ว่าพี่ย่อตอนสร่างเมาวันพรุ่งนี้จะใจดีเหมือนตอนนี้รึเปล่า
เอาเป็นว่าตอนนี้ผมซึ้งใจมากขอบคุณสำหรับที่ซุกหัวนอนคืนนี้นะครับพี่
ส่วนไอ้ห้อง1004
ขอให้ทีวีห้องมึงระเบิด! ไอ้สัส!
--------------
#มนุษย์รีโมท
เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น
Log in