note: เรื่องเดียวกับ strawberries and ciggarettes ใน #มนต101 คนละมุมมอง :-)
“หยิบไฟแช็กให้หน่อยสิ”
ดอมินิกคิมเอ่ยขึ้นกับเด็กหนุ่มรุ่นราวคราวเดียวกันที่มายืนหลบมุมอยู่ในห้องครัวของบ้านที่กำลังจัดปาร์ตี้อย่างเอิกเกริกคนที่ถูกเอ่ยปากขอความช่วยเหลือมีสายตาตื่นๆเจ้าตัวมองซ้ายมองขวาก่อนจะหยิบไฟแช็กที่อยู่ใกล้มือส่งมาให้
ดูเหมือนเด็กหนุ่มคนนั้นจะไม่ได้เอ็นจอยกับปาร์ตี้นี้เท่าไหร่นักถึงได้มาอยู่ตรงนี้
น่าสนใจ
ความคิดในหัวผุดขึ้นมาทันทีที่ได้สบตากับอีกฝ่ายคนตรงหน้าเป็นเอเชียแน่นอนและคงเป็นเด็กโรงเรียนเดียวกับเขารู้สึกติดใจเล็กน้อยที่ไม่เคยเห็นมาก่อนเพราะโรงเรียนไม่ได้มีคนเอเชียมากเกินกว่าจะรอดพ้นสายตาเขาไป
“ขอบใจ”เขาส่งยิ้มให้อีกฝ่ายก่อนจะหายตัวไปยืนสูบบุหรี่นอกบ้านแล้วกลับเขามาคืนของที่เดิมระหว่างทางมีเครื่องดื่มจำนวนหนึ่งส่งต่อมาให้ดื่มและนั่นทำให้เขารู้สึกกรึ่มๆขึ้นมา
เด็กหนุ่มที่เขาเอ่ยให้ช่วยส่งไฟแช็กยังคงอยู่ที่เดิมดวงตากลมโตปลายเรียวรีนั่นมองมาที่เขาอย่างกล้าๆกลัวๆเจ้าตัวจะรู้มั้ยนะว่าสีหน้าแบบนั้นมันน่าสนใจสุดๆไปเลย
อืม...ไม่รู้ตัวสินะว่ากำลังลอบกลืนน้ำลายลงตอนที่มองเขาอยู่
ไม่ทันให้อีกฝ่ายได้ตั้งตัวดอมรั้งคนด้านหน้าเข้าใกล้ก่อนจะช่วงชิงสัมผัสบนริมฝีปากอิ่มคนในอ้อมแขนค่อยๆดันเขาออกด้วยพละกำลังที่ดูขัดกับท่าทีบอบบาง
เอาล่ะอะไรจะตามมา ดอมคิดในใจ
จะเป็นฝ่ามือ...หรือว่ากำปั้นกันนะ
“เหม็น...”เสียงของคนในอ้อมกอดของเขาพึมพำ “เหม็นบุหรี่”
ท่าทางไม่ชอบใจนั่นจริงจังจนเขาเผลอหัวเราะออกมาก่อนจะได้รับสายตามองขวางเป็นการตอบแทน
“ดอมินิกคิม” ดอมยื่นมือออกไปทักทาย “เรียกดอมก็ได้”
“ดีนคิม” อีกฝ่ายแนะนำตัวกลับ ยอมจับมือด้วยแต่โดยดี
ในคืนนั้นดอมินิกอาสาขับรถไปส่งดีนคิมถึงบ้าน ระหว่างทางทำให้เขาได้รู้ว่าอีกฝ่ายชื่อคิมดงฮยอนเป็นคนเกาหลีเหมือนกับเขาและมาแลกเปลี่ยนเพียงระยะเวลาหนึ่งปีเท่านั้น ข้อเท็จจริงนั่นทำให้เขาบอกไปว่าตนเองมีชื่อเกาหลีว่าคิมดงฮัน
“ฉันเรียกนายว่าดงฮันได้มั้ย”
“เอาสิ”
ดอมินิกตัดสินใจเรียกอีกฝ่ายว่าดงฮยอนและดงฮยอนก็ใช้ภาษาเกาหลีกับเขาด้วยแม้ว่าดอมินิกจะไม่ค่อยได้พูดเกาหลีเท่าไหร่แต่เห็นสีหน้าสบายใจเวลาได้ใช้ภาษาบ้านเกิดของดงฮยอนแล้วเขาก็ไม่ได้ติดข้องอะไร
แต่มันน่าเสียดายที่จะต้องปล่อยอีกฝ่ายลงจากรถทั้งที่พวกเขาเพิ่งมีจูบที่ยอดเยี่ยมบนรถไป
“เราจะได้เจอกันอีกไหม”เขาลดกระจกลงถามอีกฝ่ายที่กำลังไขกุญแจเข้าบ้าน
“ที่โรงเรียนไง”
“หมายถึง...เจอกันแบบนี้”ดงฮยอนชะงักไปเล็กน้อย เจ้าตัวค่อยๆหันมามองเขา ก่อนจะส่งยิ้มบางๆให้รอยยิ้มที่ดอมินิกไม่อาจลืมเลือน
“ก็อาจจะ...”
หลังจากวันนั้นดอมินิกไม่เคยเจอคิมดงฮยอนที่ข้างสนามเวลาซ้อมรักบี้เหมือนที่สาวๆเชียร์ลีดเดอร์ชอบทำเพื่อยืนดักรอเขาแต่กลับไปเขาเสียเองที่ต้องหาโอกาสดักรอเจออีกฝ่าย ทั้งหน้าห้องเรียน โรงอาหารหรือบริเวณลับตาคน
แต่เมื่อนานวันไปดูเหมือนดงฮยอนจะยอมพูดคุยกับเขาที่โรงเรียนมากขึ้นส่วนเรื่องจูบยอมให้แค่ที่ลับตาคนเท่านั้น
“มาขลุกอยู่กับฉันแบบนี้ความนิยมจะไม่ตกเอาเหรอ”ดงฮยอนเอ่ยตอนที่กำลังนั่งกินแซนวิชอยู่บนอัฒจันทร์ข้างสนามกีฬา ในระหว่างที่ดอมินิกออกมานั่งพักหลังซ้อม
“ฉันต้องห่วงเรื่องนั้นด้วยเหรอ”เขาหัวเราะในลำคอเล็กน้อยก่อนยกขวดน้ำขึ้นดื่ม
“ไม่รู้สิ”ดงฮยอนยักไหล่เล็กน้อย “ก็นายดู...ฮอต หมายถึงในหมู่สาวๆน่ะนะ”
“แล้วในสายตาของนายล่ะ”ดอมินิกหันไปหา ไม่ได้รับคำตอบอะไรนอกจากการเบ้ปากอย่างหมั่นไส้ของตรงหน้า
อันที่จริงก็ไม่ได้ติดใจจะเอาคำตอบอะไรหรอกทว่าเมื่อหันกลับไปมองยังสนามหญ้าตรงหน้าคนด้านข้างกลับตอบคำถามที่ทำให้เขารู้สึกปั่นป่วนอีกแล้ว
“นายก็ฮอตดี”
ให้ตายเถอะเขาจูบดงฮยอนตอนนี้เลยไม่ได้หรือไงเนี่ย
“คิดถึง”
เขาส่งข้อความไปกลางดึกก่อนจะขับรถมาเทียบที่ข้างบ้านของดงฮยอนรู้สึกไม่น่าเชื่อเล็กน้อยที่อีกฝ่ายยอมปีนรั้วบ้านออกมาหาเขาจริงๆ
“ไง”เขาเอ่ยทักพร้อมดึงมือของคนที่เพิ่งเข้ามาในรถไปกุมไว้หลวมๆก่อนจะแนบริมฝีปากลงที่หลังมืออย่างแผ่วเบาอุณหภูมิของมันทำให้เขาอดเย้าแหย่ไม่ได้ “มือของนายเย็นเฉียบเลยนะ”
“อากาศมันหนาว”
“เหรอ”ดอมินิกหัวเราะในลำคอ “แต่เหงื่อซึมตามมือเลยนะ”
ดงฮยอนชักมือของตนเองกลับมาวางบนหน้าตักท่าทีดูหงุดหงิดแต่ใบหน้าและหูที่ขึ้นสีแดงเรื่อกลับปิดไม่มิดแม้ในความมืด
แต่ตัวเขาเองก็เถอะเห็นทำเก่งแบบนี้ก็ประหม่าใช่เล่นอยู่เหมือนกัน
รถค่อยๆเคลื่อนตัวไปตามท้องถนนอย่างไม่รีบเร่งนักมีเพลงของ Oh wonder คลอไประหว่างทางช่วยทำลายบรรยากาศความเงียบ ดอมินิกเหลือบมองด้านข้างเป็นระยะ ในหัวของเขานึกถึงบทสนทนาที่เคยคุยกันบนรถในวันแรกที่เจอ ระหว่างทางที่เขาขับไปส่งอีกฝ่ายที่บ้าน
“นายเคยบอกใครมั้ยว่าตัวเองชอบผู้ชาย” เป็นดงฮยอนที่ถามขึ้นในตอนนั้นที่บรรยากาศในรถกำลังเงียบเชียบ
“ไม่เคยนะบอกใครจริงจังแต่อันที่จริงฉันก็ไม่ได้ซีเรียสนะ”
“ได้หมดเลยเหรอ”
“คงงั้นมั้ง”
“ฉันไม่เคยบอกใครเลย...นายเข้าใจใช่มั้ยว่ามันยากที่จะพูด”
“เข้าใจ” เขาหัวเราะในลำคอเล็กน้อย "แล้วคิดจะเก็บเป็นความลับอีกนานมั้ย"
“ก็คงจนกว่า...ฉันจะรู้สึกชอบใครมากๆมากจนไม่อยากเก็บมันเอาไว้ล่ะมั้ง”
“คิดอะไรอยู่”
เป็นเสียงของดงฮยอนที่เอ่ยขึ้นทำให้ดอมินิกหลุดจากภวังค์ เพลงในรถเปลี่ยนเป็นเพลง
“คิดถึงตอนเจอนายครั้งแรก”
“ตอนนั้นฉันเคยบอกใช่มั้ยว่าพอถึงเวลาที่ฉันชอบใครมากๆฉันคงไม่มันเก็บเรื่องที่ฉันเป็นอะไรเป็นความลับและนายก็เคยบอกว่าฉันมองนายด้วยสายตาที่ปิดไม่มิด” ดงฮยอนพิงหัวลงกับกระจกพูดด้วยน้ำเสียงเนิบนาบราวกับกำลังบรรยายดินฟ้าอากาศแต่ข้อความเหล่านั้นกลับทำให้หัวใจของชายหนุ่มเต้นระรัว“ฉันคงชอบนายเอามากๆตั้งแต่ตอนนั้นจนปิดบังสายตาตัวเองไม่ได้แล้วล่ะมั้ง”
ดอมินิกเลี้ยวรถเข้าปั๊มน้ำมันข้างทางแวะลงไปยังร้านสะดวกซื้อ ใช้เวลากับเคาท์เตอร์สักพักก่อนจะเดินออกมาสูบบุหรี่สักครู่เขารู้ดีว่าคนในรถไม่ค่อยชอบกลิ่นมันนักทว่าเขาเองก็ขาดมันไม่ค่อยได้เพราะงั้นเลยไม่ลืมจะหยิบหมากฝรั่งติดมาด้วยแม้ว่าจะเหลือเพียงรสสตรอเบอร์รี่เท่านั้น
“รู้ตัวมั้ยว่าตัวเองกำลังจ้องฉันแบบไม่วางตาเลย”ชายหนุ่มเอ่ยทักขึ้นตอนกลับมานั่งที่คนขับ
“รู้”
“นายนี่นะ”
เขาเดาะลิ้นของตนเองเข้ากับกระพุ้งแก้มก่อนจะเอนตัวเข้าหาอีกคน ริมฝีปากของทั้งคู่สัมผัสกัน อุณหภูมิในรถค่อยๆสูงขึ้นร่างกายที่บดเบียดเข้าหากันอย่างไม่มีใครยอมแพ้ ดงฮยอนจูบเก่งขึ้นอีกแล้วและนั่นทำให้เขาแทบคลั่งเมื่อมีการตอบสนองกลับมา
จนกระทั่งมือของเขาสอดเข้าใต้เสื้อยืดและแตะลงบนหน้าท้องแบนราบของอีกฝ่ายพวกเขาผละออกจากกันในทันที
“สตรอเบอร์รี่เหรอ”คนตรงหน้าเอ่ยแหย่ตอนที่เขาถอนจูบออกไปดอมินิกปาดนิ้วซับคราบน้ำลายที่เลอะตามมุมปากให้ผมเผ้าของทั้งคู่ดูยุ่งเหยิงไม่เป็นทรง
“ในร้านมันเหลือแค่นั้น”
“ฉันชอบนะ...”
“คิดว่าชอบอยู่ฝ่ายเดียวรึไง...”
ดอมินิกหัวเราะในลำคอทว่าในใจกลับร้อนรนจนเหยียบคันเร่งแรงกว่าครั้งที่ขับมาเสียอีก
ยอมรับเลย
เขาชอบคิมดงฮยอนจนแทบคลั่งแล้วล่ะนะ
ทั้งคู่ยืนกัดริมฝีปากแน่นตอนที่ยืนอยู่หน้าเคาท์เตอร์เช็คอินมองกุญแจที่พนักงานโมเต็ลยื่นให้ก่อนจะมองหน้ากันเงียบๆดอมินิกรู้ดีว่าตัวเองใจร้อนที่กระชากอีกฝ่ายเข้ามาจูบตั้งแต่ที่เปิดประตูห้องแต่ก็เหลือเชื่อเหลือเกินเมื่อเขากลายเป็นฝ่ายที่ถูกดันให้ชิดประตูตอนที่ดงฮยอนจูบตอบพวกเขาพากันมาถึงเตียงได้ถูกแม้ว่าจะอาศัยเพียงแสงจันทร์ที่ลอดผ่านหน้าต่างเข้ามาพอให้เห็นบางอย่างในห้อง
เขากระชากแจ็กเก็ตยีนส์ของตนเองออกตามด้วยเสื้อยืดสีขาวก่อนจะช่วยเหลือคนตรงหน้าอย่างชำนาญ
“กลัวไหม”เขากระซิบถามอีกฝ่ายที่ข้างหู ดงฮยอนส่ายหัวช้าๆแต่ดวงตากลมโตคู่นั้นฉายประกายหวาดหวั่นยิ่งกว่าครั้งแรกที่ได้คุยกัน“สัญญาว่าจะเบามือ”
“อ...อืม”
“ถ้าเจ็บบอกนะ”
ดงฮยอนกัดปากของตนเองแน่นจนเขาต้องค่อยๆจูบซับให้ผ่อนคลายลงฝ่ามือใหญ่ของดอมินิกปัดป่ายไปทั่วเรือนร่างของคนตรงหน้าเช่นเดียวกับที่เล็บของดงฮยอนจิกลงตามลาดไหล่ของเขาเผื่อระบายความเจ็บปวด
“ดงฮัน...”เสียงเอ่ยเรียกชื่อเขาดังกระซิบอยู่ข้างหูและนั่นทำให้อารมณ์ของชายหนุ่มพลุ่งพล่านกว่าเดิม
“ฉันชอบที่นายเรียกชื่อนี้ของฉัน”ด้วยความสัตย์จริง เสียงเรียกจากดงฮยอนทำให้มันดูพิเศษกว่าใคร
“เรียก...ชื่อฉัน”ดงฮยอนโผกอดคอของเขาแน่น ริมฝีปากอิ่มที่เคยแตะตามกรอบหน้าของเขากระซิบกลับที่ข้างหู“เรียกชื่อของฉัน”
“ดงฮยอน”
ริมฝีปากของดอมินิกแตะลงข้างลำคอของคนในอ้อมกอดไล่ลงสู่ไหปลาร้าและหน้าอกพร้อมเสียงนุ่มทุ้มที่พึมพำไปด้วย เขารู้ดีว่าดงฮยอนชอบถูกเรียกด้วยชื่อนี้
“คิมดงฮยอน”
กลิ่นจางๆของควันบุหรี่กับเสียงกระแอมกระไอปลุกชายหนุ่มให้ตื่นขึ้นมาจากการหลับใหลดอมินิกลืมตาขึ้นพบแผ่นหลังเปลือยเปล่าของคนที่เคยอยู่ในอ้อมกอดเขากำลังนั่งอยู่ปลายเตียง
“แอบสูบแบบนี้ไม่กลัวกลับบ้านไปแล้วที่บ้านจับได้เหรอหืม?
“มันก็ไม่เลว...”
“โกหก”
เขาดึงให้ดงฮยอนหันมาสบตาในใจนึกกังวลว่าอีกฝ่ายจะสูบบุหรี่เพราะความตึงเครียดจากเรื่องที่เกิดเมื่อคืน
แต่ไม่...
แววตาของดวงตาคู่สวยเปล่งประกายดงฮยอนฉีกยิ้มกว้างให้จนดอมินิกอดไม่ได้ที่จะแนบริมฝีปากลงบนริมฝีปากของคนตรงหน้าก่อนจะได้รับการตอบสนองกลับและทุกอย่างค่อยๆลึกซึ้งขึ้นอีกครั้ง
ให้ตายสิ
เขาชักจะหลงใหลในคนๆนี้จนถอนตัวไม่ขึ้นไปแล้วล่ะ
Blue eyes, black jeans
Lighters and candy, I've been a fool
But strawberries and cigarettes always taste like you
Troye Sivan - Strawberries& Cigarettes
-------------------
ขอบคุณที่ให้ความสนใจนะคะ ถ้ามีความเห็นอะไรส่งกลับมาได้ที่เราหรือว่าใน #มนต101 ได้เลยค่า
เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น
Log in