เขาไว้ใจผม...
เกริ่นก่อนเลยนะว่าเราสองคนน่ะเป็นเพื่อนกันมาตั้งแต่ไหนแต่ไรแล้ว ชนิดที่ว่าไม่มีเวลาไหนที่เราสองคนห่างกันเลยนับตั้งแต่แม่เป็นเพื่อนสนิทกันตั้งแต่มัธยม เราสองคนคลอดออกมาเวลาไล่เลี่ยกันเรียนโรงเรียนเดียวกัน จนล่าสุดนี่แหละ
วันแต่งงาน
ใครหลายคนก็ไม่เข้าใจหรอกว่าทำไมผมต้องยอมลางานยอมแลกเวรที่แม่งไม่ค่อยจะมีใครยอมแลกให้เพื่อมาทำหน้าที่เพื่อนเจ้าบ่าวให้กับมันจริงๆผมจะเทก็ได้แหละถ้ามันไม่พูดว่า ‘กูกับมึงคือเพื่อนรักกันไง ทิ้งกูลงหรอ’
มันที่ผมกำลังพูดถึงนั่นก็คือ ภูมิ ภูมิเป็นลูกชายคนที่สองของบ้านข้างๆเราเกิดมาห่างกันครึ่งปี ผมเกิดก่อน มันเกิดตามมาแม่ของพวกเราชอบบอกเราว่าให้รักกันเข้าไว้ มีอะไรให้ช่วยเหลือกัน
เพราะผมเป็นเด็กดีไง
ใช่ เรารักกัน รักกันดีเลยล่ะ
มันเริ่มจากการที่ไอ้ภูมิมันอกหักแล้วเป็นบ้าเป็นบอไปกินเหล้าเมาแล้วผมก็หามกลับบ้านมาจำได้ว่าตอนนั้นมันเมามากและก็ต้องแน่นอนว่ามันไม่สามารถที่จะเข้าบ้านสภาพนั้นได้ก็เลยพามาที่ห้องของผม
ห้องที่เริ่มต้นความสัมพันธ์บ้าบอของเรา
‘จี มึงห้ามบอกใครนะ’
นั่นคือประโยคที่จำกัดความของความสัมพันธ์ของเรา
ไม่มีใครรู้
และห้ามให้ใครรู้
“จะไม่นอนนี่จริงๆหรอ”
“คงกลับแหละ พรุ่งนี้เข้าเวรเช้า”
“ไม่อยู่จริงๆหรอจี”
“......”
“คิดถึงอะ ไม่ได้เจอนานแล้ว”
ว่ากันว่าคนเราจะมีการตัดสินใจชั่ววูบโดยไม่คิดอะไรเลย
ครั้งนี้ก็เช่นกัน
ในที่ที่เป็นจุดเริ่มต้นของความสัมพันธ์บ้าบอนี้
หวังว่าจะเป็นครั้งสุดท้ายนะ
“ไหนว่าคืนนี้ส่งตัวเข้าหอ”
“คืนนี้เห็นบอกจะไปนอนบ้านตัวเอง”
เห็นแก่หน้าเมียที่แม่มึงหาให้เถอะ นั่นคือเสียงความคิดของผมแต่ทำไงได้นะในเมื่อหัวคิดแบบนั้นแต่ขาดันก้าวเข้ามาในห้องแล้ว
เราสองคนห่างกันมาตั้งแต่ที่จบปริญญา ผมเรียนต่อเฉพาะทางภูมิก็บินไปต่างประเทศไปเรียนโท กลับมาก็แทบจะไม่มีเวลาให้กันจะมามีเวลาให้กันก็ตอนนี้นี่แหละ
ความคิดถึงของเรามันเริ่มจากจูบที่หนักหน่วงเคล้ารสขมของเหล้า
ต่างคนต่างลิ้มรสที่แสนจะขมขื่นอย่างโหยหา
เพราะต่างคนต่างรู้ดียังไงล่ะ
“จี”
“.......”
“รู้ใช่มั้ยว่ามันมีเหตุผล”
“อือ รู้”
“แต่กูยังเหมือนเดิมนะ”
เหอะ เหมือนเดิมอะไรล่ะ
“รู้”
“........”
“เพราะกูก็เหมือนเดิม”
มันออกจะบ้ากว่าเดิมด้วยซ้ำ
เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น
Log in