“เฟียซเหรอ?”
ปรากฏว่าเป็นชายหนุ่มร่างหนาอย่างเฟียซ จากวันแรกที่เจอกันเธอก็ไม่ได้เห็นเขาอีกเลย คราแรกคิดว่าจะได้เจอบ่อย ๆ อย่างช่วงเวลาพักกินข้าว แต่ผลลัพธ์คือเธอไม่เห็นแม้แต่เงาเขาเลยสักครั้งที่โรงครัว เกรเทลเดินออกมาทางประตูแล้วยืนบนระเบียบหน้าบ้านห่างจากรุ่นพี่ไม่ใกล้ไม่ไกล
ในมุมมองของเฟียซตัวเขางานยุ่งมากจนไม่มีเวลาไปเจอหน้าใครโดยเฉพาะวันที่เจ้านายของเขาไม่อยู่ในค่าย เขาจะกลายเป็นคนคุมจัดการทุกอย่างด้วยตนเองทันที
การเป็นคนสนิทมือขวาหรือเลขามันก็จะงานหนักกว่าชาวบ้านชาวช่องเขาสองเท่า ถึงนายเคยสั่งให้เขาคอยจับตาดูเด็กใหม่อย่างเกรเทลก็ตาม พอมาลองนับสถิติดูแล้วเขาคงเพิ่งจะได้เริ่มจับดูมันก็ครั้งนี้นี่แหละ
“ใช่ข้าเองเกรเทล”
สำหรับเกรเทลไม่ว่าจะผ่านมานานแค่ไหนเธอก็ยังเห็นว่าเฟียซเป็นผู้ชายที่เนื้อตัวสะอาดจริง ๆ ต่างจากไรเดอร์ที่มักจะไปคลุกกับอะไรบางอย่างมาทำให้ตัวมอมแมมเสมอ ไหนจะรอยยิ้มที่อบอุ่นดูเป็นมิตรของเฟียซให้ฟีลอปป้าเกาหลีใจดีดูแลน้องสาวมาก ซึ่งต่างจากพี่ฮันเซลรายนั้นหล่อแบบคมเข้ม ดุดันเหมือนป๊าไม่มีผิด นอกจากเข้มงวดแล้วยังปากจัดอีกด้วยผู้ชายอะไรก็ไม่รู้
“ท่านมีเรื่องอะไรให้ข้าช่วยเหรือเปล่าขอรับ”
เกรเทลเห็นเม็ดเหงื่อไหลซึมตามกรอบหน้าเฟียซเล็กน้อย ดูเหมือนเขาจะมายืนรอตรงนี้ได้สักพักหนึ่งแล้ว อากาศวันนี้แดดแรงแต่เช้าถ้าเขาไม่ได้วิ่งมาก็คงยืนตากแดดนาน
“ข้าแค่จะมาบอกว่านายจะไม่อยู่คุมงานที่นี่ 2-3 วัน ท่านเลยฝากมาให้ข้าแวะมาดูเจ้าเรื่อย ๆ แทน”
คนผมสั้นที่ยืนอยู่บนระเบียบหน้าบ้านทำปากเป็นรูปตัวโอพร้อมพยักหน้าเข้าใจ ถึงว่าตั้งแต่เธอเดินเข้าบ้านมาเรียกหาอีตาหัวผักเท่าไรก็ไม่เห็นหัวสักทีที่แท้ก็ไม่อยู่ค่ายหลายวัน แสดงว่าแบบนี้เป็นโอกาสทองของเธอแล้วที่จะได้ชิ่งหนีออกไปข้างนอก!
“อ่อ ขอบคุณท่านมากเฟียซ ไม่ต้องห่วงข้ายังตั้งใจทำงานเป็นอย่างดี”
เธอแสร้งฉีกยิ้มกว้างตาเป็นรูปสระอิให้คนตรงหน้า เฟียซกวาดตามองอย่างละเอียดรู้สึกแปลก ๆ กับท่าทางดี๊ด๊าของเกรเทล
“ไว้ข้าจะแวะมาใหม่นะ ข้าขอไปคุมงานก่อนมีอะไรก็วิ่งไปเรียกข้าที่กระโจมนะ”
มือหนายกมือชี้นิ้วไปทางกระโจมใหญ่ที่อยู่ละแวกด้านหน้าของตลาดค้าทาส มันเป็นกระโจมชั่วคราวเห็นว่าเอาไว้พูดคุยงานต่าง ๆ อย่างพวกมาติดต่อขอซื้อขายทาส ซึ่งเกรเทลยังไม่เคยเข้าไปเพราะไม่มีธุระอะไรที่นั่น
“ได้ขอรับ”
เมื่อเสร็จธุระเฟียซก็เดินกลับไปทำงานของตนที่ยังสะสางไม่เสร็จดี เขาต้องเร่งทำให้ทันเวลาก่อนนายเขากลับมาจากธุระ มิฉะนั้นคงมีหูชากันไปข้างแน่ แต่ในเวลาแบบนี้นายเขายังกล้าออกไปข้างนอกได้ทำไมก็ไม่รู้แทนที่จะอยู่คุมงานก่อน
ข่าวลือหนาหูเรื่องการใส่ร้ายป้ายสีเริ่มรุกรามมาทางเขตนี้ขึ้นเรื่อย ๆ ถ้าไม่มีธุระสำคัญอะไรข้างนอกนั้นก็ไม่ควรเดินออกไปเพ่นพ่านนักหรอก นายเขาควรเก็บเนื้อเก็บตัวอยู่แต่ในค่ายมากกว่าไม่รู้อะไรไปดลใจให้เขาออกไปข้างนอก
เกรเทลจัดการงานทุกอย่างเสร็จทันก่อนมื้อเที่ยงเพราะวันนี้งานทำความสะอาดไม่มีอะไรต้องทำมากมาย ปัด กวาด เช็ดถูฝุ่นเล็กน้อยก็สะอาดแล้วเพราะมาทำทุกวัน เพียงแต่เสียดายที่วันนี้เธอเอาวัตถุดิบมาจากโรงครัวเยอะไปหน่อยกลายเป็นว่าต้องทำกินเองทั้งหมด ระหว่างทำมื้อเที่ยงของตนเองเธอก็ยืนคิดแผนที่จะหลบหนีออกไปด้วย
ช่วงหลายวันมานี้เธอสังเกตพฤติกรรมการทำงานของคนในค่ายทั้งโรงครัว หน่วยแพทย์ โซนกรงขังทาส หรือแม้กระทั่งการลงชื่อเข้าออกตลาด ทุกอย่างมีการควบคุมเป็นระบบ ไหนจะมีผู้ดูแลตรวจตราที่เข้มงวดเป็นพิเศษ ใช่ว่าใครจะเข้าออกโดยง่ายถ้ายังไม่ได้รับอนุญาตก็ไม่มีสิทธิ์ออกไปข้างนอก แต่มีอย่างหนึ่งที่เข้าออกได้โดยไม่ต้องมีการลงชื่อขออนุญาตจากผู้ดูแล
…คนส่งของพัสดุ…
โดยในอีก 3 วันข้างหน้าเขาจะมาส่งลังไม้ขนาดใหญ่ซึ่งเอาไว้กับพวกของใช้ต่าง ๆ ที่จำเป็นในค่าย จังหวะนี้แหละที่เธอจะแอบติดรถออกไป อย่างไรก็ตามเด็กสาวค่อนข้างกังวลเกี่ยวกับโลกภายนอกมากเพราะเธอไม่รู้เลยว่าข้างนอกนั้นจะมีอะไรรออยู่ แต่อีกใจหนึ่งถ้าเธอยังอยู่ที่นี่เธอก็จะไม่มีวันได้เจอหน้าครอบครัวตนเองอีกเลย
เธอจะยอมเสี่ยงดวงดูไปตายเอาดาบหน้า อย่างน้อยเธอยังพอมีทักษะเอาตัวรอดที่พี่ฮันเซลเคยสอนเอาไว้บ้างแถมเธอยังอยู่ในสภาพที่คนส่วนใหญ่เข้าใจว่าเป็นเด็กหนุ่ม ฉะนั้นตัดปัญหาเรื่องโดนข่มเหงรังแกไปได้เลย
แต่ทว่า 3 วันนั้นมันก็พอดิบพอดีที่วอลล็อคเสร็จธุระกลับมาในค่ายแล้ว ถ้าเธอไม่รีบหาทางปลีกหลบเลี่ยงตัวออกมาหรือซ่อนตัวจากสายตาอีกฝ่าย เธออาจโดนจับได้ว่ากำลังหนีออกไป จุดนี้เธอต้องแก้ปัญหาให้ได้ก่อนวันที่คนส่งพัสดุมา
พอคิดอะไรเพลิน ๆ ก็เกือบทำอาหารที่อยู่ในกระทะไหม้ จนเธอต้องวุ่นรีบปิดเตาไฟแล้วยกอาหารขึ้นจัดใส่จานแล้วย้ายตนเองไปนั่งกินที่โต๊ะภายในบ้านอันเงียบเชียบ
ระหว่างนั่งทานอาหารเธอนั่งคิดถึงวันนั้นว่าเกิดอะไรขึ้นที่ป้ายรถเมล์กันแน่ เนื่องจากเธอก็ว่างงานแล้วไม่จำเป็นต้องทำอะไร แต่นั่งนึกเท่าไรก็นึกไม่ออกเสียที เกรเทลจำได้ราง ๆ ว่าเย็นวันนั้นทะเลาะกับพี่ฮันเซลในสาย เธอเอาแต่โฟกัสเรื่องของตนเองจนไม่ได้รู้สึกถึงสิ่งแวดล้อมรอบข้างเอาแต่พูดความในใจออกมาให้พี่ฟัง หลังจากนั้นเหมือนภาพถูกตัดฉับพลัน
ร่างเล็กสะบัดหัวเรียกสติกลับมา เธอรู้สึกปวดหัวจี๊ดจนเบ้หน้าเลยตัดสินใจไม่คิดเรื่องวันนั้นต่อแล้วหันโฟกัสทานอาหารในจานให้หมดก่อนจะไปนั่งคัดตัวหนังสือต่อให้เสร็จ
พอพระอาทิตย์เริ่มเคลื่อนตัวต่ำลงก็ถึงเวลาที่เธอต้องปิดล็อกบ้านหลังนี้ให้เรียบร้อยก่อนจะออกไปช่วยงานที่โรงครัว ขณะกำลังจะเดินไปทางประตูหน้าบ้านหูของเกรเทลได้ยินเสียงแปลก ๆ ดังลอยมาจากหลังบ้าน คราแรกเธอว่าจะไม่เดินไปดูแล้วเพราะคิดว่ามันคงเป็นเสียงจากต้นไม้โดนลมพัด
แต่พอยืนฟังไปเรื่อย ๆ มันเป็นเสียงเหมือนบางอย่างกำลังดิ้นเสียดสีไปมากับใบไม้แห้ง เพราะช่วงนี้ต้นไม้ผลัดใบร่วงลงมาเยอะเธอจึงกวาดมันมากองรวมกันไว้
เกรเทลหันเท้าไปทางหลังบ้านทันทีดูให้เห็นกับตาว่ามันคืออะไรกันแน่ให้หายข้องใจ แต่สิ่งที่ปรากฏแก่สายตาทำให้เธอเข่าอ่อนได้อีกครั้ง มันคืองูตัวเดิมที่เธอเคยเจอบนห้องนอนเจ้านาย ขนาดใหญ่เท่านี้ สีแบบนี้ หน้าตามีเอกลักษณ์แบบนี้
เอาหัวเป็นประกันเลยว่ามีอยู่ตัวเดียวแน่ ๆ เธอกล้าฟันธง!
ดูเหมือนว่ามันจะเลื้อยมาติดตาข่ายที่เธอทำความสะอาดแล้วตากไว้ แต่เดิมมันจะอยู่บนราวไม้ที่เธอเอาไว้ตากผ้า ไม่รู้เพราะลมพัดแรงจนตาข่ายลอยปลิวตกไปแถวใบไม้แห้งหรือเปล่าจนงูตัวนี้เลื้อยผ่านมาติดเอง
เนื่องจากลำตัวงูค่อนข้างยาวมากทำให้ยิ่งดิ้นมันยิ่งพันอีนุงตุงนัง เกรเทลกุมขมับทันทีที่เห็นภาพตรงหน้านอกจากงูแล้วเธอยังต้องมาช่วยชีวิตมันอีกเหรอ
‘คราวหลังถ้ารู้ว่ากลัวก็ไม่ต้องไล่’
แต่เสียงของวอลล็อคก็ลอยเข้ามาในหัว ทำให้เด็กสาวชั่งใจว่าจะเอายังไงดีเพราะถ้าเธอไม่ช่วย มันก็อาจถูกตาข่ายรัดพันตัวจนตายได้ สภาพมันในตอนนี้ดิ้นแรงมากเหมือนพยายามกระเสือกกระสนเอาชีวิตรอด
เกรเทลสูดลมหายใจเข้าลึก ๆ แล้วตัดสินใจว่าจะช่วยมันเท่าที่ทำได้แล้วกัน ร่างบางหันซ้ายหันขวามองไปรอบบริเวณเพื่อหากิ่งไม้หรือท่อนไม้ยาว ๆ ที่พอจะสร้างระยะห่างตัวเธอกับงู เกรเทลยังไม่อยากถูกมันฉกเอาตอนนี้ วัดดูจากขนาดแล้วแค่เธอเดินเข้าไปใกล้นิดเดียวมันก็เตรียมขู่ฟ่อแล้ว
ไม่ใกล้ไม่ไกลเธอเห็นกิ่งไม้ยาวท่อนหนึ่งตกอยู่จึงเดินไปเอามา มือบางจับกิ่งไม้แน่นอย่างมั่นคงแล้วค่อย ๆ เอื้อมมือไปเขี่ยตาข่ายอย่างค่อยเป็นค่อยไป เธอไม่กล้ารีบร้อนกลัวว่างูจะตกใจตื่นหันมาฉกเธอแทน แต่พอยิ่งเขี่ยมันก็ยิ่งดิ้นจนตาข่ายพันหนักกว่าเดิมจนเธอชักหงุดหงิดขึ้นมา
“ถ้าแกยังอยากรอดก็เลิกดิ้นซะ”
------
กดหัวใจ ❤️ หรือคอมเมนต์เป็นกำลังใจให้ไรท์ได้นะคะ
หากพบคำผิด แก้ไขหรือติชม โปรดคอมเมนต์อย่างสุภาพไรท์ยินดีปรับปรุงแก้ไขค่ะ
𝑻𝒂𝒍𝒌 𝒘𝒊𝒕𝒉 𝒘𝒓𝒊𝒕𝒆𝒓
โถ่วน้องเกรเทลหนูใจบุญมากค่ะ งูยาว 3 เมตรหนูยังใจดีจะช่วยอีก พี่ว่าเวลานี้หนูเอาตัวเองให้รอดก่อนดีไหม อ่อไม่ได้สิเพราะพล็อตมันมาแบบนี้เราก็ต้องตามน้ำไป แต่ถ้าเป็นคนอื่นเขาคงไปเรียกหน่วยกู้ภัยมาแล้วจ้า5555
แวะมาพูดคุยเล่นหรือดูอัปเดตเกี่ยวกับนิยายไรท์ได้ที่
Facebook : C.T.Tiana
X (Twitter) : @Ccttiana
เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น
Log in