เราใช้คุ๊กกี้บนเว็บไซต์ของเรา กรุณาอ่านและยอมรับ นโยบายความเป็นส่วนตัว เพื่อใช้บริการเว็บไซต์ ไม่ยอมรับ
กบฏไร้เดียงสาccttiana
16 ความหวังที่ริบหรี่ (2/2)
  • เกรเทลพยายามดึงร่างตนเองให้กลับมายืนให้ตรงหลังจากเสียศูนย์ไปเมื่อครู่ เธอไม่คิดว่าหมอนี่จะมายืนรอเธอตรงนี้ด้วยซ้ำ ปกติเขาจะทำธุระส่วนตัวอยู่ในบ้านหรือทำงานของตนเองสักพักก่อนออกไปคุมงานในค่ายต่อ

    “ข้าก็รอเจ้ามาเข้างานนั่นแหละ แต่ไม่เห็นหัวสักที” 

    “เออ…ขอโทษด้วยขอรับ ข้าจะรีบไปแล้ว” 

    ร่างเล็กรีบก้มขอโทษขอโพยเกือบเก้าสิบองศา เธอไม่คิดว่าตนเองจะช้าขนาดนั้นเพราะคิดแวะมาเพียงครู่เดียวเท่านั้น แต่จากที่ฟังวอลล็อคพูดเธอคงหายไปนานจริง ๆ แหละ เขาถึงมาตามด้วยตนเองแบบนี้ เกรเทลก้มตัวลงเพื่อหยิบเอาอุปกรณ์ต่าง ๆ ใส่มืออันน้อยนิด แล้วรีบจ้ำเท้าวิ่งเข้าบ้านพักไปโดยไม่ทันได้ฟังสิ่งที่วอลล็อคกำลังจะถาม

    “เดี๋ยวเจ้า…” 

    นายใหญ่ตลาดค้าทาสพูดได้เพียงสองพยางค์เจ้าตัวก็วิ่งหายไปแล้ว บทจะไวก็ไวจนตามไม่ทัน บทจะลีลาก็ลีลาชักช้า ใบหน้าหล่อถอนหายใจทิ้งกับความเปลี่ยนไปเปลี่ยนมาของคนในปกครอง ก่อนที่จะเดินตามเด็กหนุ่มร่างผอมเข้าไปในบ้าน เขาได้หันไปมองต้นไม้ใหญ่วิลโลว์อีกครั้ง พลันนัยน์ตาเกิดสั่นวูบไหวไปมา พอกะพริบตาอีกครั้งมันก็อันตรธานหายไปอย่างรวดเร็ว เขาสั่นหัวเรียกสติแล้วเดินถอยห่างออกมาเพื่อตรงไปยังบ้านพักตนเอง

    เมื่อก้าวเข้ามาในบ้านเขาก็เห็นเจ้าเด็กหนูทาสกำลังขยับจัดเก็บข้าวของในบ้านเหมือนทุกวัน ช่วงนี้เขาชินกับการที่มีมันอยู่ในบ้าน นอกจากเสียงดังเจื้อยแจ้วของมันที่ชอบถามนั่นนี้ไปเรื่อย เวลาว่างจากการทำความสะอาดบ้านเขาก็จะเห็นมันเอาหนังสือของเขาที่วางอยู่บนชั้นหนังสือหยิบลงมาเปิดอ่านกับนั่งคัดตัวอักษรตามหนังสือลงในเศษกระดาษที่เขาทิ้งลงถังขยะไป

    เขาทนเห็นสภาพเจ้าหนูทาสพยายามขีดเขียนตัวอักษรอัดเบียดเสียดแน่นเต็มแผ่นกระดาษอันน้อยนิดไม่ไหว จึงต้องเดินขึ้นไปบนห้องหยิบเอากระดาษที่ไม่ค่อยได้ใช้มาให้มันบ่อย ๆ แม้ว่าเขาจะรับปากไปว่าจะสอนหนังสือให้ แต่ช่วงนี้เขายังไม่ว่างนักจึงขอเลื่อนไปก่อน

    เห็นแล้วมันขยันไปหมดทุกสิ่งทุกอย่างก็พานทำให้เขารู้สึกชื่นชมไม่น้อย เป็นเด็กที่กระตือรือร้นและใฝ่เรียนรู้คนหนึ่ง ถ้าไม่ติดว่าเกรเทลมีสถานะเป็นทาสในทะเบียนมันคงมีอนาคตไกลกว่านี้แน่นอน

    หลังจากวันนั้นที่เขาให้คนรู้จักที่อยู่สายใต้ดินไปสืบเรื่องรูปรอยสักที่ปรากฏบนแขนเจ้าเด็กนี่ ประมาณสามถึงสี่วันต่อมาก็ทำให้เขารู้ว่ามันเป็นรอยตีตราเวทมนตร์ชนิดหนึ่ง มันเป็นมนตร์โบราณต้องห้ามที่ปัจจุบันไม่มีใครรู้จักหรือรู้วิธีใช้งานมันเพราะมันได้หายสาบสูญนับร้อยปี น่าแปลกที่มาปรากฏอีกครั้งบนตัวเจ้าเด็กทาสนี่

    นอกจากนี้ยังเคยถูกใช้ในสงครามกลางเมืองเมื่อประมาณ 500 ปีก่อน เพื่อกวาดล้างผู้รุกรานที่เป็นอันตรายต่ออาณาจักร สิ่งหนึ่งที่พอจะหลงเหลือข้อมูลให้พวกเขารับรู้คือพลังของมันมีมากพอที่จะลบล้างเวทมนตร์บนโลกได้ทุกชนิด เท่านั้นไม่พอยังมีไว้เพื่อปกปักรักษาคุ้มครองเจ้าของที่ตีตราและผู้ใช้งานด้วย โดยมันจะเปลี่ยนภัยอันตรายรอบตัวเป็นเกราะบาเรียบาง ๆ คลุมร่างเอาไว้

    หากมันเคยหายสาบสูญไปแล้วงั้นแสดงว่ายังหลงเหลือคนที่รู้วิธีใช้งานมัน เขาเพิ่งมานึกออกตอนอ่านเอกสารรายงาน ว่าตนเองเคยเห็นตรานี้จากหนังสือเวทมนตร์โบราณต้องห้ามในห้องสมุดประมาณสิบปีที่แล้ว วอลล็อคยิ่งอยากรู้มากขึ้นไปอีกเกี่ยวกับเด็กคนนี้

    “นายขอรับ วันนี้ข้าจะเอาผ้าไปซักเพิ่มท่านมีผ้าที่จะซักอีกหรือเปล่า” 

    เสียงแหบต่ำที่เริ่มหวานขึ้นเอ่ยทักทำให้เขาหลุดออกจากภวังค์ความคิด จะว่าไปแล้วเขาเพิ่งมาสังเกตคนตรงหน้าดี ๆ เอง จากร่างผอมแห้งติดกระดูกตอนนี้ดูมีน้ำมีนวลขึ้นเล็กน้อย แก้มที่เคยตอบก็พองขึ้นนิดหนึ่ง แต่น่าแปลกน้ำเสียงของเจ้าหนูเหมือนแหบน้อยลงกว่าเดิมหรือว่าเขาจะคิดไปเอง

    “มีเสื้อคลุมสีดำแขวนอยู่ตรงบานประตูเจ้าเอาไปซักด้วยเลยแล้วกันนะ” 

    ร่างบางพยักหน้าเข้าใจพร้อมเดินไปยังจุดที่เขาแขวนเสื้อคลุมเอาไว้ เพราะตัวเธอเตี้ยกว่าระดับที่แขวนเล็กน้อยจึงต้องเขย่งปลายเท้าเพื่อเอื้อมมือขึ้นไปคว้าเสื้อคลุมสีดำลงจากที่แขวน

    “เกรเทล” 

    เมื่อเธอหันหน้ามาเป็นอันต้องตกใจรอบที่สองของวันเพราะอยู่ดี ๆ ชายหนุ่มก็เดินมายืนซ้อนประชิดตัวเธอด้านหลังเงียบเชียบไม่ให้สุ่มไม่ให้เสียงจนเกือบเซล้ม ดีแค่ไหนที่อีกฝ่ายมือไวคว้าจับต้นแขนเธอทันจึงไม่ล้มลงไปก่อน

    “น…นายมีอะไรหรือเปล่าขอรับ” 

    ใจเธอเต้นตึกตักแทบใจหายใจคว่ำไปกองที่พื้น แม้ว่าจะพอมีภูมิคุ้มกันจากผีในบ้านเจ้านายมาบ้างแล้ว แต่ก็ไม่ใช่ว่าจะใจแข็งตลอดเวลา เธอคิดว่าตัวเองขวัญอ่อนลงด้วยตั้งแต่อยู่ที่นี่มาหลายอาทิตย์ แล้วอีตาหัวเขียวเขามายืนทำซากอะไรตรงนี้ ทำไมไม่ไปทำงานทำการของตัวเองจะมายืนเกะกะเพื่อ

    “ข้าเป็นประเภทที่ไม่ยอมเสียเปรียบฝ่ายเดียว แต่ข้ามีคำถามแลกกับเจ้าขออะไรจากข้าได้หนึ่งข้อ” 

    ร่างเล็กเลิกคิ้วขึ้นสูงทำหน้าเหวอออกมาได้ครู่หนึ่งแต่ก็เปลี่ยนสีหน้ากลับมาเป็นปกติ พลันในหัวก็คิดไปด้วยว่าทำไมอีตาหัวผักเขียวถึงถามแบบนี้ออกมา เธอระแวงเขาตาก็จับจ้องมองหน้าอีกฝ่ายไม่กะพริบปากก็เอ่ยถามกลับ

    “หะ…ถามข้าเหรอ? ท่านมีเรื่องอะไรเหรอ” 

    วอลล็อคเลียริมฝีปากเล็กน้อยพร้อมถอนหายใจออกมา ไอ้เจ้าหนูนี่พอมันจะฉลาดก็ฉลาด พอจะบื้อก็บื้อไม่เข้าใจ ไม่รู้ว่าทำไมเขาถึงได้ยื่นข้อเสนอแบบนี้ให้มัน เขาเป็นคนเห็นแก่ตัวและชอบเอาเปรียบฝ่ายตรงข้ามให้ได้มากที่สุด

    ทว่าครั้งนี้ปากเขาดันไวไปหน่อย ในเมื่อพูดไปแล้วก็ต้องรับผิดชอบคำพูดตนเอง

    “เออข้ามีเรื่องสงสัยนั่นแหละแลกกับขออะไรจากข้าได้หนึ่งอย่าง เข้าใจยากตรงไหน” 

    ไม่ได้เข้าใจยากสักหน่อย เพียงแค่เธอสงสัยว่าทำไมเขาถึงให้ข้อเสนอที่ดูยุติธรรมแปลก ๆ ออกมา จากที่เธอคลุกคลีอยู่กับเขามาหลายอาทิตย์ หมอนี่เป็นประเภทบุคคลที่ไม่ควรคบค้าสมาคมด้วยมากที่สุด แถมในตอนนี้เธอก็มีสิ่งที่อยากขอเขาอยู่ด้วยพอดี คือเรื่องต้นไม้วิลโลว์ตนนั้น เพียงแต่ว่ามันจะคุ้มไหมที่จะบอกหรือขอเขาไป

    ถ้าเขาตอบคำถามของเธอไม่ได้ล่ะ? เธอจะไม่เสียข้อเสนอไปฟรี ๆ เลยเหรอ ร่างเล็กเกิดความลังเลเม้มริมฝีปากแน่น แต่สุดท้ายเกรเทลคิดว่าเธอจะเก็บคำขอร้องเอาไว้ใช้ทีหลัง

    “ได้ขอรับ ท่านถามข้ามาได้เลย…แต่ข้าขอเก็บคำขอไว้ใช้ทีหลังนะขอรับ ข้ายังไม่มีเรื่องที่อยากได้ในตอนนี้” เธอตอบเขากลับไป

    “อืม “

    ชายหนุ่มพยักหน้าเข้าใจทำให้ผมสีเขียวเด่นตกลงมาปรกหน้าเล็กน้อย ก็ดีเหมือนกันถ้ามันยังไม่มีเรื่องที่อยากได้ในตอนนี้เขาก็จะไม่เร่งมัน เขามีแต่ได้กับได้ในตอนนี้ เมื่อเห็นว่าเด็กตรงหน้าดูพร้อมตอบเขาก็เอ่ยถามสิ่งที่อยากรู้ออกไป

    ” ข้าอยากถามว่ารอยสักที่แขนเจ้าได้มันมายังไง?” 

    สิ้นคำถามของวอลล็อคคนตัวเล็กก้มลงมองที่ข้อแขนตนเองที่มีแขนเสื้อยาวปิดลงมา เธอไม่คิดว่าเขาจะสังเกตเห็นรอยสักที่ข้อมือด้วยซ้ำ ตลอดเวลาที่อาศัยที่นี่เธอไม่เคยถลกเสื้อโชว์แขนให้ใครเห็นทั้งนั้นแม้กระทั่งรูมเมตเธออารอล์ฟ

    เธอมักเดินไปขอเสื้อแขนยาวจากแผนกตัดเย็บเสื้อผ้าคนงานเป็นประจำ เนื่องจากไม่ชินที่เห็นข้อมือตนเองมีรอยสักขนาดใหญ่พาดอยู่บนแขน แม้จะไม่ใช่ร่างของเธอจริง ๆ แต่เธอก็ไม่ชินกับมันเสียที

    “อันนี้เหรอขอรับ” 

    เธอตัดสินใจถลกเสื้อแขนยาวโชว์ให้อีกฝ่ายเห็นเต็ม ๆ ตา ในเมื่อเขาถามออกมางั้นแสดงว่าเขาเห็นมันแล้วงั้นสินะ เธอไม่ติดอะไรอยู่แล้วถ้าคนจะขอดูหรือถามถึงมัน ก็แค่รอยสักไม่ได้มีอะไรสำคัญ

    เป็นครั้งแรกที่วอลล็อคเห็นลวดลายมันชัดเจนทุกอณูเส้นสายเถาวัลย์กุหลาบ แม้ว่าเขาจะเคยแอบมองไปหลายครั้งแล้วก่อนหน้านี้ ครั้งนี้หากเพ่งมองดี ๆ จะเห็นว่าภายในเส้นเถาวัลย์มีอักขระแปลก ๆ ขยับเคลื่อนไหวไปมาน่ากลัว ถ้าไม่ใช่คนที่มีสายตาพิเศษแบบเขาก็จะเห็นเป็นแค่รอยสักธรรมดาทั่วไป

    เขาลากสายตาจากรอยสักขึ้นมามองหน้าเด็กหนุ่ม จึงเห็นว่าเจ้าหนูมีสีหน้าลำบากใจเหมือนลังเลที่จะตอบ แต่สุดท้ายก็อ้าปากพูดในสิ่งที่เขาไม่คิดว่ามันจะกล้าตอบกลับมา

    “ข้าก็ไม่รู้เหมือนกันขอรับ “

    “…” 

    ” คือว่าตอนข้าตื่นขึ้นมาก็มีมันแล้ว” 

    เกิดความเงียบท่ามกลางคนสองคนในบ้าน ถ้าไม่นับผีที่เกรเทลคิดว่ามีในบ้านด้วยก็เป็นความเงียบที่น่าขนลุกพอสมควร เธอไม่รู้ว่าได้มันมายังไงแล้วจะให้เธอโกหกเหรอ แบบนั้นมันจะไปเนียนตรงไหน เธอโกหกไม่เก่งในไม่ช้าเดี๋ยวก็โดนจับได้เข้าสักวัน

    “เจ้าบอกว่าไม่รู้ว่าได้มันมายังไงหรือ?” 

    ชายหนุ่มถามทวนอีกครั้งเพื่อความชัวร์ ว่าสิ่งที่ได้ยินเมื่อครู่อีกฝ่ายไม่ได้ล้อเขาเล่น

    “ขอรับ” 

    ใบหน้าหล่อได้รูปขมวดคิ้วเป็นปม ยกมือขวาขึ้นลูบหน้าตนเองเพื่อเรียกสติแล้วถอนหายใจออกมาเสียงดังจนเกรเทลกลืนน้ำลายดังเอื๊อก

    “เจ้ากำลังจะบอกข้าว่าเจ้าตื่นขึ้นมาก็มีมันแล้วหรือไง” 

    เขาพยายามตั้งสติกลับมาเพราะไม่คาดคิดว่ามันจะตอบแบบนี้ อุตส่าห์คาดหวังว่าจะได้ข้อมูลอะไรเพิ่มแต่ดันเหมือนเดิมไม่มีผิด เฮ้อ

    “เออ…ใช่ขอรับ แต่ข้าพูดจริง ๆ นะก็ข้าไม่รู้ว่ามีมันได้ยังไง” 

    ท้ายประโยคร่างเล็กพูดบ่นอุบอิบในลำคอกลัวเจ้านายกินหัว เพราะสภาพสีหน้าอีกฝ่ายดูอึ้งปนน่ากลัวเหมือนหมดคำพูดแต่ก็อยากพูดอะไรสักอย่างใส่เธอ ส่วนทางวอลล็อคจับสีหน้าท่าทางของเจ้าหนูทาสไม่ได้ละสายตาไปไหน เขาไม่รู้สึกเลยว่าเจ้าเด็กนี่กำลังโกหกเขาอยู่ เหมือนทุกคำพูดมันพูดออกมาจากใจจริง ๆ อย่างไรอย่างนั้น

    “เจ้าแน่ใจนะว่าไม่ได้โกหกข้าอยู่?” 

    ทว่าเขายังไม่ยอมแพ้ ปากจึงเอ่ยถามเน้นย้ำออกไปรอบสุดท้ายเพื่อความชัวร์

    “นายขอรับ…ถ้าข้าจะโกหกนะ ข้าโกหกว่าได้มันมาจากไหน แล้วพอนายถามเข้าเยอะ ๆ แบบนั้นข้ายิ่งตอบไม่ได้มากกว่าอีก คนโกหกกับคนไม่โกหกมันดูไม่ยากไม่ใช่หรือขอรับสำหรับนาย” 

    เด็กสาวตอบไปตามตรงเพราะกิตติมศักดิ์อันเลื่องลือของวอลล็อคธรรมดาเสียที่ไหน เธออยู่ที่นี่ได้ยินมาหมดแล้วเพราะคนงานมาเม้าท์ฝอยให้ฟังทุกวี่ทุกวัน ทั้งเรื่องดีและไม่ดีของนายใหญ่ตลาดค้าทาสโมเบียสออกจะสุดยอดหาที่ใดเทียบเคียง!

    แค่เธอโกหกเขาไปคำแรกเขาก็รู้แล้ว ไม่ต้องต่อไปถึงประโยคสองหรือสามหรอก เสียเวลาเปล่า ๆ บอกเขาไปตามตรงนี่แหละดีแล้ว ไม่เสี่ยงโดนไล่ออกหรือถูกขายทิ้งก็บุญหัวยิ่งนัก

     

    ------

    กดหัวใจ ❤️ หรือคอมเมนต์เป็นกำลังใจให้ไรท์ได้นะคะ

    หากพบคำผิด แก้ไขหรือติชม โปรดคอมเมนต์อย่างสุภาพไรท์ยินดีปรับปรุงแก้ไขค่ะ

     

    𝑻𝒂𝒍𝒌 𝒘𝒊𝒕𝒉 𝒘𝒓𝒊𝒕𝒆𝒓

    ตอนนี้เขียนยาวเพลินค่ะเพราะขี้เกียจขึ้นบทใหม่ แต่ใด ๆ ขำความไม่รู้ของหนูเกรเทลอารมณ์แบบก็หนูไม่รู้อ่ะ พ่อจะให้หนูตอบว่ารู้มันก็ไม่ได้ไง!! ช่วงแรก ๆ เอาแค่น้ำจิ้มพอหอมปากหอมคอเดี๋ยวรี้ดขาดใจไปก่อน มาอยู่ร่างใครก็ไม่รู้แถมจะพ่วงความบรรลัยตามมาอีก เราค่อยไปอัดเนื้อหาเข้มข้นกันตอนกลางเรื่องแทนค่ะ5555

    แวะมาพูดคุยเล่นหรือดูอัปเดตเกี่ยวกับนิยายไรท์ได้ที่

    Facebook : C.T.Tiana

    X (Twitter) : @Ccttiana

Views

เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น

Log in