คืนนี้เขาจะค่อย ๆ วาดลงกระดาษแล้วส่งให้เส้นสายในตลาดมืดช่วยตรวจเช็กดูอีกที
จากนั้นก็ก้มหน้ามองอาหารในจานที่ถูกจัดอย่างพิถีพิถัน สร้างความประทับใจแรกแก่เขาแม้จะถูกทำในระยะเวลาแค่นิดเดียว มือหนาจับด้ามซ้อมโลหะจิ้มลงไปตรงกลาง บิดซ้อมไปทางซ้ายหมุนม้วนเส้นสปาเกตตีขึ้นมาแล้วนำทั้งหมดนั้นเข้าปาก
รสชาติแรกที่สัมผัสได้คือความหอมของกระเทียมและความเผ็ดร้อนนิด ๆ ของพริกขี้หนูและพริกไทย ไหนจะความหวานจากหอมหัวใหญ่ที่หั่นใส่ลงไป ส่วนเส้นสปาเกตตีลวกได้นุ่มละมุนกำลังดี ไม่แข็งหรือนิ่มจนเละ กลิ่นอันเป็นเอกลักษณ์เฉพาะอย่างใบโหระพาชูให้รสชาติกลมกล่อมตัดกัน แม้จะมีหน้าตาเหมือนอาหารเมนูเส้นทั่วไปแต่รสชาตินี้เขาไม่เคยลิ้มรสนี้มาก่อน
วอลล็อคยังคงก้มหน้าก้มหน้าเคี้ยวอาหารที่เกรเทลทำให้ไปอย่างเงียบ ๆ เขาไม่ได้เงยหน้าขึ้นมาบอกกล่าวหรือส่งสายตาอะไร ว่าอาหารที่เธอทำให้อร่อยไหม เผ็ดไปหรือเปล่า หรือรสชาติถูกปากไหม แต่เขากลับนั่งนิ่ง กินไม่พูดไม่จาใด ๆ ทั้งสิ้น
จนเธอทนความเงียบนี้ไม่ไหวเป็นฝ่ายถามออกไปแทนในที่สุด
“นายขอรับ…อาหารรสชาติเป็นไงบ้าง?”
คนผมสีเขียวเด่นทำเพียงลากสายตาขึ้นจ้องมองไปเกรเทลที่สีหน้าท่าทางแสดงออกถึงความวิตกกังวลไม่มั่นใจในตนเอง ใจนึกอยากแกล้งมันอีกสักรอบแต่ต้องเบรกไว้ เพราะจากสายตาที่มองมาที่เขาดูตั้งความหวังเอาไว้มาก ๆ จนไม่อยากสร้างความเสียใจให้แก่อีกฝ่ายไปมากกว่านี้
เขาเลือกที่จะตอบอย่างตรงไปตรงมาและเอ่ยชมไปด้วย
“อืม…ใช้ได้ไม่คิดว่าเจ้าจะทำอาหารอร่อยขนาดนี้”
ในเมื่อมันอร่อยก็ตอบไปว่าอร่อย แต่ถ้าในกรณีไม่อร่อยจริงเขาก็จะติแนะนำตามสมควร ภายในวันหลังก็จะไปบอกบาสเตียนว่าช่วยสอนมันทำอาหารให้ดี ๆ ดูแล้วยังไงก็เป็นคนมีความสามารถ มีแววออร่ามาแต่ไกลก็สนับสนุนมันไปซะ
ร่างหนาเอนหลังพิงพนักเก้าอี้แล้วใช้นิ้วชี้เขย่าต่อหน้าเธอ
“นี่ถ้าไม่บอกว่าเจ้าเป็นแค่ทาส ข้าคงคิดไปแล้วว่าเจ้าคงเป็นหัวหน้าเชฟร้านไหนสักร้าน”
พอได้ยินเจ้านายผมเขียวพูดออกมาแถมมีการชมเธอด้วย จากความกังวลกลายเป็นว่าแววตาของเธอก็เปล่งประกายเต็มไปด้วยความสุข ขอเพียงแค่เขาทานได้ไม่เททิ้ง เธอก็รู้สึกมิชชั่นคอมพลีทสุด ๆ แล้ว ไม่เสียแรงที่ครูพักลักจำมาจากแม่เบลถึงแม่จะเต็มใจสอนให้ แต่บางครั้งเธอก็ชอบอาศัยการสังเกตดูเองเงียบ ๆ มากกว่า มันท้าทายความสามารถตนเองดี
“เช่นนั้นนอกจากเจ้าทำความสะอาดบ้านพักข้า มื้อกลางวันเจ้าก็ทำไปด้วยเลยแล้วกันนะ ช่วงนี้ข้าเบื่ออาหารจากโรงครัว อยากเปลี่ยนดูบ้างเจ้าคงไม่ว่าอะไรข้าเนอะ”
จากที่ดีใจได้ครู่เดียวเป็นอันต้องชะงักค้างกลางอากาศ หันหัวมามองใบหน้าหล่อที่อีกฝ่ายเลิกหางคิ้วขึ้นจับจ้องมายังเธอ
อะไรนะ? ทำมื้อเที่ยงด้วยเหรอ? ฉันไม่ได้ยินผิดไปใช่ไหม
“ไม่ต้องมาทำสีหน้าเหมือนข้าโยนงานทั้งหมดให้เจ้าทำคนเดียวแบบนั้นสิ”
ร่างเล็กยืนเม้มปากเน้นทำสีหน้าเซ็งที่เจ้านายจับได้ว่าเธอคิดอะไรอยู่หัวเล็ก ๆ ก็แต่ละครั้งที่อีกฝ่ายสั่งงานเธอทีไร มักจะพ่วงอะไรมาไม่รู้เยอะแยะ กะจะใช้ให้คุ้มกันเลยหรืออย่างไรอีตาหมอนี่
…ก็ใช่ไงอีตาหัวผักสลัด! นายมันชอบหางานมาให้ฉันทำเพิ่มอยู่นั่นแหละ ใครจะไปทำได้เหนื่อยตายพอดี…
วอลล็อครู้ว่าเขาแค่อยากแกล้งมันเฉย ๆ ทุกวันนี้เขายังหาคำตอบให้ตัวเองไม่ได้เลยด้วยซ้ำว่าเพราะอะไรกันแน่ ฉะนั้นจึงเหมือนเป็นการไถ่โทษกลาย ๆ แก่เจ้าหนู อย่างน้อยเมื่อมันมาอยู่ใกล้ตัว เขาสั่งให้ ‘เจ้านั่น’ จับตาดูง่ายกว่าด้านนอกเพราะถ้ามันจะก่อเรื่องก็คงแค่ภายในบริเวณบ้านพักเขาเท่านั้น อยู่ในความควบคุมที่ตนเองสามารถบังคับได้แบบนั้นสบายกว่ากันตั้งเยอะ
แม้ว่าเขาเคยแอบสั่งให้เฟียซจับตาคอยดูเจ้าเด็กนี่ไว้แล้วก็ตาม แต่เฟียซก็มีการมีงานที่ต้องจัดการไม่ต่างจากคนงานในสังกัดของเขาหรอกที่จะสามารถมาตามเช็กดูได้ตลอดเวลา เขาเป็นหัวหน้านายใหญ่ของที่นี่บางครั้งคนอื่นอาจมองว่าเขาใจร้ายไปบ้าง แต่ลึก ๆ ภายในใจก็ยังเป็นห่วงทุกคนอยู่ดี
“เจ้าก็แค่ช่วยงานในโรงครัวแค่ช่วงเช้ากับเย็น ตอนกลางวันมาทำความสะอาดดูแลบ้านพักข้าพร้อมทำมื้อเที่ยงแค่นั้นพอ”
ชายหนุ่มพูดอธิบายงานที่เจ้าหนูเกรเทลต้องทำหลังจากนี้อย่างละเอียดที่สุดเท่าที่เขาจะทำได้ มือก็ยังจับซ้อมม้วนเส้นสปาเกตตีเข้าปากไม่หยุดด้วยความหิว ยอมรับเลยว่าอาหารที่เจ้าหนูทาสทำอร่อยถูกปากเขาจริง ๆ ไม่บ่อยนักที่เขาจะถูกใจอะไรบางอย่างได้อย่างง่ายดายเช่นนี้
มันต้องมีเอกลักษณ์หรือโดดเด่นสะดุดใจเขาเท่านั้น
ร่างเล็กยืนทำตาปริบ ๆ เหมือนวิญญาณหลุดออกจากร่างไป แล้วเพิ่งจะถูกดึงกลับมาได้ ตัดสินใจเอ่ยปากถามเขาอีกรอบกับเรื่องที่ค้างคาใจมานาน มันกวนใจขนาดที่เธอนอนหลับไม่สนิทจนสร้างปัญหาให้ขอบตาดำแบบนี้
“แล้ว…เรื่องที่บ้านนี้มี…เออ”
เกรเทลพยายามทำใจกล้าถามออกไปในเวลานี้ เมื่อเห็นว่าเจ้าของบ้านก็นั่งอยู่เป็นเพื่อนด้วย ไม่ได้อยู่คนเดียวแบบวันก่อนนู้นจึงทำให้เธอกล้ามมากขึ้น
“มีอะไร? อ้ำ ๆ อึ้ง ๆ อยู่นั่นแหละ”
วอลล็อคทำหน้าสงสัยใคร่รู้กับท่าทางของคนตรงหน้า เหมือนมีเรื่องอยากจะพูดก็ไม่พูด อ้าปากแล้วก็หุบวนอยู่แบบนั้น จนเขาชักจะยกฝ่ามือไปตบกบาลให้มันพูดออกมาเสียที ลีลามากนักเดี๋ยวจะไม่ตอบเลย
เกรเทลเขยิบตัวเข้าไปให้ใกล้โต๊ะเคาน์เตอร์มากขึ้น แล้วก้มตัวลงมาค่อมขอบโต๊ะเล็กน้อยแล้วยื่นใบหน้าหวานเข้าไปใกล้ ๆ เพื่อพูดให้ถนัด
“บ้านนาย…มีผีจริงไหมขอรับ?”
เกรเทลกลั้นใจถามออกไปพร้อมดูปฏิกิริยาเจ้านายของเธอไปด้วย เธอเข้าใจว่าตนเองอาจจะฟุ้งซ่านไปเอง แต่เพื่อความชัดเจนไม่ใช่คิดเองเออเองก็ถามออกไปนั่นแหละดีแล้ว ไม่งั้นเธอจะต้องมากังวลไม่เป็นอันทำงาน ในเมื่อต้องอยู่ที่นี่ไปอีกสักพักโดยเฉพาะดูแลทำความสะอาดบ้านวอลล็อต
ชายหนุ่มเหยียดตัวนั่งพิงพนักเก้าอี้ไม้ เขาทานอาหารในจานหมดพอดีจึงบิดขี้เกียจตัวเล็กน้อยพอให้หายเมื่อยขบ สีหน้าที่ดูไม่ทุกข์ร้อนใด ๆ ออกไปทางสบาย ๆ เหมือนเป็นเรื่องปกติทำให้เกรเทลใจสั่น
“แล้วเจ้าคิดว่ายังไงละเจ้าหนู?”
วอลล็อคเลือกที่จะไม่ตอบคำถามนั้นแต่ใช้เป็นการถามย้อนกลับไปแทน ซึ่งได้สร้างความประหลาดใจแก่เธอเป็นอย่างมาก เด็กสาวปวดหัวกับความกวนประสาทของอีตาหัวผัก แค่เลือกตอบว่าใช่หรือไม่ใช่ ทำไมมันยากเย็นนักจะมาถามกลับเพื่ออะไรมิทราบ?
“งั้นข้าไม่ถามแล้วก็ได้ถ้าท่านไม่ตอบ”
แม้ใจจะอยากรู้แต่ในเมื่ออีกฝ่ายทำเป็นเหมือนเล่นเธอก้ไม่อยากเสวนาต่อให้เหนื่อย
“แล้วถ้าข้าตอบว่ามี…เจ้าจะทำยังไงต่อละเจ้าหนู?
ชายหนุ่มยกแขนกอดอกแบบหลวม ๆ ในครั้งนี้เขาเปลี่ยนคำถามใหม่ที่น่าจะตรงใจเด็กทาส เขาจะไม่ได้กวนประสาทเหมือนรอบแรกแล้ว เห็นสีหน้าบึ้งตึงเข้าไปใจเขาก็อ่อนลงไปครึ่ง
” ข้าก็จะได้เตรียมใจไว้ว่าจะต้องเจอผีไง ตอนนี้ข้ามาดูแลบ้านหลังนี้แค่คนเดียวนะขอรับ “
คนที่นั่งบนเก้าอี้ด้วยท่าทีสบาย ๆ นั่งฟังคำตอบของเด็กในปกครองอย่างตั้งใจ เขาไม่ได้รู้สึกว่ามันจะเป็นปัญหาใหญ่สำหรับเขาเลยสักนิด ไม่ใช่ว่าเขาไม่รู้ว่ามีบ้านพักเขาหลังนี้มีข่าวลือแปลก ๆ ออกไปว่ามีผีสิงอยู่ ทว่ามันกลับส่งผลดีที่ไม่มีใครมายุ่งยากกับข้าวของของเขาด้วย
แต่ขอยกเว้นเจ้าหนูทาสคนนี้ไว้คนหนึ่งแล้วกัน เพราะสถานะมันคลุมเครือไม่ชัดเจน การที่เขาเอามันไว้ใกล้ตัวเวลาจะทำอะไรจัดการง่ายสุด
“แล้วถ้าข้าตอบว่าบ้านนี้ไม่มีผีละ? มันจะเกิดอะไรขึ้น”
คำถามที่สองถูกยิงออกมาจากเจ้านายเธออีกครั้ง รอบนี้เกรเทลรู้อยู่แล้วว่าจะตอบอะไรจึงทำสีหน้ายิ้มระรื่นใส่
“ข้าก็จะได้ไปบอกพวกป้า ๆ แม่บ้านและคนงานคนอื่น ๆ ไง ว่าบ้านนี้ไม่มีผี พวกเขากุเรื่องขึ้นมาเอง”
สถานการณ์มันจะได้เปลี่ยนแปลงมีคนมาช่วยทำความสะอาดมากขึ้น ส่วนเธอจะได้มีเวลาไปคิดแผนการหลบหนีออกจากที่นี่ แม้ว่าานจะมีมากแต่อย่างน้อยก็ไม่ต้องคอยมาเจอหน้าอีตาหมอนี่บ่อย ๆ
“ถ้างั้นข้าก็คงขอแสดงความเสียใจด้วยนะเกรเทล”
วอลล็อคพูดขึ้นมาอีกครั้งหลังเงียบได้ไม่นาน ในเมื่อแผนการที่เขาวางไว้ทั้งหมดแล้วจะมาพังเอาตอนนี้ไม่ได้โดยเด็ดขาด ร่างหนาจึงขยับยืดตัวขึ้น เคลื่อนลำตัวเข้าไปประชันหน้าเด็กหนุ่มตรงหน้า เขากระชากยกยิ้มเหี้ยมแล้วเปล่งเสียงแหบต่ำให้ผู้ฟังรู้สึกขนลุกเสียวสันหลัง
“เพราะบ้านนี้มีผีจริง แล้วมันก็เฮี้ยนมากเสียด้วยสิ”
หลังจากที่วอลล็อคบอกกล่าวประโยคนี้ไป เกรเทลก็นิ่งค้างเป็นหินแล้วไถลทรุดตัวลงไปนั่งกับพื้นครัว ก้มหน้าก้มตาลงหางตามีหยดน้ำซึมเล็กน้อย ในใจก็ภาวนาว่าหลังจากวันนี้ไปขอให้ไม่เจออะไรน่ากลัวไปมากกว่านี้เลย
------
กดหัวใจ ❤️หรือคอมเมนต์เป็นกำลังใจให้ไรท์ได้นะคะ
หากพบคำผิด แก้ไขหรือติชม โปรดคอมเมนต์อย่างสุภาพไรท์ยินดีปรับปรุงแก้ไขค่ะ
𝑻𝒂𝒍𝒌 𝒘𝒊𝒕𝒉 𝒘𝒓𝒊𝒕𝒆𝒓
น้องโดนอีตาหัวเขียวแกล้งอีกแล้วค่ะ ไม่ปลอบใจน้องหน่อยเหรอพี่
แวะมาพูดคุยเล่นหรือดูอัพเดตเกี่ยวกับนิยายไรท์ได้ที่
Facebook : C.T.Tiana
X (Twitter) : @Ccttiana
เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น
Log in