เราใช้คุ๊กกี้บนเว็บไซต์ของเรา กรุณาอ่านและยอมรับ นโยบายความเป็นส่วนตัว เพื่อใช้บริการเว็บไซต์ ไม่ยอมรับ
Janie Is Not So Welljanieishappy
ลาก่อน Lamotrigine
  • สวัสดี,

    วันนี้เราไปหาหมอจิตมา...

    ก็ตามหัวเรื่องอ่ะค่ะ lamotrigine ถูกโยนเข้าไปอยู่ในกองยาห่วยเรียบร้อยแล้วค่ะ ทำไมน่ะหรอ? เราก็ไม่รู้เหมือนกัน ตอนแรกเรากับหมอก็คุยกันดีๆ อยู่ หมอบอกจะให้กินต่อโดยเพิ่มโดสไปเรื่อยๆ เป้าหมายคือ 100 มก. เช้าเย็น

    ก่อนหาหมอ เรามีบันทึกเป็นแนวไว้ว่าจะบอกไรหมอบ้าง ตามนี้,

    ก็บอกหมอแบบสรุปๆ ไปตามนั้น หมอก็บอกว่าที่เราอยากโดดตึกวันนั้นไม่ใช่เพราะยาใหม่นะ เพราะกินไปแค่สองวัน ยายังไม่ออกฤทธิ์เลย หมอถามว่ามีไรเครียดไม๊ตอนนั้น เราบอกไม่มี งงตัวเองอยู่ หมอก็บอก อาจจะเป็นแค่ความคิดแวบมา ถ้าเป็นแค่วันเดียวก็ปล่อยมันไปนะ ก็โอเค จบไป

    เราบอกเรื่องที่เราเศร้าพักหลังนี้ หมอก็ฟังเงียบๆ แล้วก็ถามว่าเครียดไรไม๊ เราก็บอก ก็เรื่องเดิมๆ หมอถาม คิดเรื่องเพื่อนไม๊ แบบมีปัญหากะเพื่อนรึเปล่า ก็ไม่มี หมอถามเรื่องที่บ้าน เราก็บอก “กับที่บ้านก็เรื่องเดิมๆ อ่ะค่ะ” ... “แต่หนูก็ไม่เคยบอกหมอใช่ไม๊” หมอเถียงว่าเคย เคยพูดครั้งนึง เราเถียงกลับว่าไม่เคย หมอก็บอกว่านางจำได้ว่าครั้งแรกไม่ยอมพูด แต่เคยพูดมาครั้งนึง เราก็เออ เลิกเถียง เอาที่หมอสบายใจ

    หมอถามว่าตอนครั้งแรกที่กินยาแล้วหายเรากินกี่เม็ด ก็ตอบไปว่าเม็ดเดียว แล้วหมอก็ลุกไปหยิบทิชชู่เช็ดมือข้างอ่างล้างมือมาแล้วบอกว่า “โทษทีนะ ผมเป็นภูมิแพ้” แล้วหมอก็สั่งขี้มูกให้ดู ฮ่าๆ ใช่ค่ะ อ่านไม่ผิด หมอสั่งขี้มูกต่อหน้าคนไข้ ในห้องตรวจ ถามว่าแคร์ไม๊ ไม่ค่า แต่ก็แอบคิดในใจว่า เออ ชั้นก็เป็นภูมิแพ้ คราวหน้าคราวหลังที่ขี้มูกไหล ชั้นจะสั่งขี้มูกให้หมอดูมั่ง เปล่าแค้นนะ เปล่าเลยยยย 

    เราถามหมอไปว่า ถ้าเราเคยเจอเหตุการณ์แย่ๆ มาตอนเด็กมากๆ เรามีโอกาสเป็น ptsd ตอนนี้ไม๊ หมอก็อธิบายถึงอาการหลักๆ ของ ptsd มาว่า
    “หนึ่ง” นับนิ้วอีกละ “ต้องมีฝันร้ายซ้ำๆ ถึงเหตุการณ์นั้น” ... “และสอง” นับนิ้วต่อ “ต้องส่งผลต่อการใช้ชีวิต เช่น หวาดระแวง ตกใจง่าย หรือกลัวอะไรง่ายๆ”
    เราบอกว่าเราไม่ฝัน แต่เราจะมีภาพของเหตุการณ์ในวันนั้นเล่นซ้ำๆ ในหัวทุกครั้งที่นึกถึง หมอฟังเงียบๆ แล้วก็บอกว่า ตอนนี้อาการของเราที่เด่นๆ คือซึมเศร้านะ ค่ะ

    เราสูดหายใจเข้าลึกๆ หนึ่งทีแล้วก็ตัดสินใจบอกเรื่องที่เรากลัวที่สุดในชีวิตให้หมอฟัง
    “หนูกลัวว่าคนใกล้ตัวหนูจะตาย”
    หมอถามว่าใคร
    “พ่อ”
    เราตอบไปด้วยเสียงอันแผ่วเบา เบาจนควรจะเรียกมันว่าลมมากกว่าเสียง เพราะเราเริ่มร้องไห้จนไม่มีเสียงพูด โชคดีที่หมอหูดี เราเลยไม่ต้องพูดซ้ำ เพราะแม่งต้องฮึ้บหนักมากกว่าจะพูดอะไรออกไปได้ หมอก็ถามเราว่าพ่ออายุเท่าไหร่ เราบอกไป หมอก็ถามว่าพ่อสุขภาพเป็นไง เราก็บอกว่าก็ปกติดี แล้วหมอก็บอกเราว่า “คนที่อายุยังไม่ถึง 60 แล้วมีสุขภาพดีเนี่ย มีเปอร์เซ็นที่จะตายน้อยมากเลยนะ” — มันน้อย ใช่ เรารู้ เราก็เถียงหมอไปว่า แต่อะไรมันเกิดขึ้นได้นะหมอ หมอก็พยายามพูดเรียกสติเรา แต่เราหลุดไปแล้วตอนนั้น น้ำตาหยดติ๋งๆๆ แบบถ้าเอาโหลมารองคางนี่เอาไปเลี้ยงปลาทองได้เลย มาสคาร่าก็ดันปัดมา อห มึงจะปัดมาสคาร่ามาทำเชี่ยอะไรวันนี้วะ แต่ก็ยังดี มาสคาร่ายังกันน้ำ — หมอพยายามเรียกสติเราอยู่นาน (แล้วก็สั่งขี้มูกไปด้วยอะแก ฮ่าๆ) เราฟังหมอนะ แต่มันก็ฟังแบบเข้าหูนึงทะลุไปอีกหูนึงอะ พอเราฮึ้บได้ เราก็เถียงหมอไปว่า “ก็ทีแม่หนูยังตายได้เลย” หมอถึงได้หยุด

    หมอถามว่าแม่เราตายตอนไหน
    “7 ขวบ”
    “ตายเพราะอะไร”
    “โดนยิง”
    “ใครยิง”
    “ใครก็ไม่รู้มันเข้ามายิงในบ้าน”
    แล้วหมอก็เงียบ แล้วก็หันไปพิมพ์ลงคอม เก็บมันเอาไววววววว้ บันทึกทุกนาทีที่ผ่านไปปป ให้ยังคงอยู่ — เปล่า เก็บเอาไว้ให้หมอออโธแอบอ่านตะหาก หึ

    หมอดูเหนื่อยจริงๆ นะวันนี้ เราก็เหนื่อย ร้องไห้เหนื่อย ฮ่าๆๆ แต่ก็รู้สึกโล่งใจไปหน่อยนึงที่กล้าหาญชาญชัยบอกหมอได้ในที่สุด เก่งมากเจน แกไม่ได้ป๊อดเหมือนที่ใครๆ เค้าว่าไว้ เก่งมาก — หมอดูสับสนกับการสั่งยาให้เราหลังจากที่เราสติแตกใส่หมอ ตอนแรกหมอจะให้หยุด lamotrigine แล้วเพิ่ม escitalopram เป็นสองเม็ด แต่ยังไม่ทันจะถึงนาทีหมอก็บอกว่า “ไม่เอาดีกว่า ไม่ต้องเพิ่ม eacitalopram แล้วนะ กินเท่าเดิม เดี๋ยวผมเปลี่ยนยาให้ใหม่” แล้วหมอก็พูดกับจอคอมต่อไปว่า “แต่ยาตัวนี้จะง่วงมากนะ ผมให้กินก่อนนอนละกัน” ...นี่ควรตอบอะไรไม๊? เหมือนหมอจะพูดคนเดียวอะ แต่นี่ก็ไม่ได้ตอบไป คือนั่งสะอื้นอยู่ ไม่ว่าง

    พอเรียกสติตัวเองกลับมาได้ เราก็บอกหมอว่าเรารู้นะว่าเราไม่ควรคิด เรารู้ทุกอย่างว่าสิ่งที่เราคิดมันงี่เง่า แต่มันก็หยุดไม่ได้ มันเป็นมาตลอด เป็นมานานแล้วด้วย หมอก็ถอนหายใจใส่ จ้าาา

    หลังจากถอนหายใจใส่เรา หมอก็ปล่อยวาทะเด็ดออกมา “คนมองโลกในแง่ร้ายอะนะ มองต้นมะม่วง ก็มองเห็นแต่ลูกเน่าๆ ทั้งๆ ที่จริงๆ มันก็มีลูกดีๆ อยู่ด้วย แต่ไม่เลือกที่จะมองมัน ไปเลือกมองแต่อะไรแย่ๆ” เชี้ยยยยยยยย “ลองรักษาอาการเศร้าให้หายก่อน แล้วอะไรๆ มันอาจจะดีขึ้น พอความเศร้ามันหายไป เราอาจจะเลิกกังวล เลิกคิดอะไรในแง่ร้ายอีก”

    “ผมให้ยาใหม่ไปกินนะ กินก่อนนอนเพราะมันจะง่วง แล้วเดี๋ยวมาเจอกันอีกที—“
    ...
    “2 อาทิตย์นะ”
Views

เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น

Log in
callmejay (@thnnwu)
โห นับถือมากเลย จากที่ตามอ่านมาดูคุณเจนจะเป็นคนพูดยากนะ เป็นคนเงียบๆอ่ะ แต่คราวนี้สามารถพูดสิ่งที่เก็บไว้ให้หมอฟังได้ เราว่ามันดีมากๆเลย เก่งมากๆอ่ะ เป็นเราคงไม่กล้าพูดหรอก สำนวนการเล่าเรื่องก้เปลี่ยนไป ดูสดใสขึ้น เปลี่ยนไปในทางที่รู้สึกดี มันเริ่มดีขึ้นมาแล้ว มาพยายามกันต่อนะ
janieishappy (@janieishappy)
@thnnwu ฮืออออออ รักนะ :))