"ซื้อหนังสืออีกแล้วเหรอ?"
เสียงเดิมที่คุ้นเคยถามมาอีกครั้ง และเป็นอีกครั้งที่กล่องพัสดุบรรจุหนังสือมาส่งที่บ้าน
อีกครั้งที่ได้สิ่งที่ยุคนี้เรียกว่า "กองดอง" แล้วก็ยังดองต่อไป....
ตอนที่หัดดูลายมือกับพ่อ พ่อจะบอกว่า ช่องว่างระหว่างนิ้วมือของคนเราเนี่ย เรียกว่า "ช่อง" หรือ "ร่อง" เสียเงิน หากมีเส้นลายมือใดลากไปตกตรงนั้น และ/หรือ ช่วงใดบริเวณร่องเหล่านี้ เด่น ขึ้นมาล่ะก็
มีแววต้องเสียเงินไปกับเรื่องตามเนินนั้นๆของลายมือ...
ในชีวิตจริง โดยไม่ต้องยื่นมือให้ใครดู คนหลายคนก็มักมีเรื่องให้ใช้จ่ายเงินอยู่บ่อยๆ กับสิ่งเดิมๆ
- พี่โต๊ะตรงข้ามเพิ่งซื้อชุดทำงานใหม่ ชุดที่สองหรือสาม...ในเดือนเดียว
- ทุกๆวัน น้องๆหลายคนจะเดินกลับจากพักเที่ยงมาพร้อมกาแฟหนึ่งแก้ว ทั้งที่ก็ไม่แน่เหมือนกันว่า ดื่มแล้วจะหายง่วงช่วงบ่ายจริงหรือเปล่า
- น้องที่ทำงานคุยว่า ซื้อไม้เทนนิสอันใหม่อีกแล้ว ทั้งๆที่ก็มีแล้วหลายไม้อยู่
- พีคสุดคือประมาณสองปีที่แล้ว ช่วงช้อปปี้/ลาซาด้า ลดราคา หนุ่มๆที่ทำงาน(ใช่ หนุ่มๆ) สั่งอะไรมาบ้างก็ไม่รู้ รู้แต่ว่า
...กล่องพัสดุบนโต๊ะ สูงท่วมหัวไปแล้วน่ะ
ฯลฯ
สำหรับใครหลายๆคน การช้อปปิ้งถือเป็นความสุขอย่างหนึ่ง และก็มักจะมี "ของ" ที่ตัวเองเห็นทีไรก็อดไม่ได้ ต้องสอยมาครอบครองทุกทีไป
ส่วนได้มาแล้วจะใช้เมื่อไหร่ เก็บที่ไหน เป็นอีกเรื่องนึง
ขอให้ได้ซื้อไว้ก่อน!!
จริงๆมันก็มีพวกสุดโต่งนะ พวกแรกคือ ชีวิตนี้ฉันจะใช้เงินให้น้อยที่สุด บางที แม้แต่เรื่องที่จำเป็นต้องใช้ เช่นค่าเดินทาง ก็ไม่ยอมเสีย เดินได้ก็จะเดินท่าเดียว
ในทางกลับกัน ก็จะมีพวก ซื้อตะบี้ตะบันจนไม่มีเงินเหลือเก็บ แย่กว่านั้นคือติดหนี้เขาอีกตะหาก
พวกแรกคือ จนตายก็ไม่ยอมใช้เงิน ส่วนพวกหลังคือ เงินไม่มี แต่ดันไม่(ยอม)ตาย
และพวกเราที่เหลือทั่วไปก็อยู่ตรงกลาง ใช้บ้างพอให้อิ่มเอมใจเวลามีพัสดุมาส่ง แต่ไม่ถึงกับหมดตัว
ก็ไม่รู้เหมือนกันว่าที่ถูกต้อง มันควรปกติหรือเปล่า แต่ที่แน่ๆคือ เห็นจนชินตาจึงทำให้ดูเหมือนว่า....
...มันปกติ...
ไม่กี่วันก่อนตอนท่องโลกออนไลน์ ก็ไปเจอข้อความจากซีรีย์หรืออะไรสักอย่าง เป็นคำพูดที่ผู้ชายคนหนึ่งบอกผู้หญิงคนหนึ่ง ใจความประมาณว่า
"..คุณทำงานอย่างหนักจนได้เงินมา คุณจะเอาเงินนั้นไปซื้อความสุขบ้าง ผมจะว่าได้อย่างไร.."
คิดๆไปก็จริงนะ ตั้งแต่ทำงานนี่ เวลาช้อปปิ้งอะไร ก็ใช้เงินตัวเองทั้งนั้น แล้วก็คิดว่า ก็มัันเงินเรา เราทำงานของเราจนได้มา แล้วทำไม เราจะใช้เงินนี้ซื้อของขวัญให้ตัวเองบ้างไม่ได้
ปลอบใจที่ต้องทำงานเครียดๆอยู่เรื่อยไงล่ะ
ดังนี้ ตราบใดที่เราไม่เบียดเบียนใคร ไม่ทำให้ตนเองและคนรอบข้างเดือดร้อนหรือขัดสน การช้อปปิ้งคลายเครียดซื้อของที่อยากได้บ้าง ก็คงจะไม่เสียหายอะไร
ที่สำคัญ ต้องไม่ลืมที่จะแบ่งเงินไว้สำหรับค่าใช้จ่ายที่จำเป็น และแบ่งออมไว้บางส่วนด้วย เพราะชีวิตเป็นสิ่งไม่แน่นอน เกิดอะไรขึ้นมาจะได้ยังพอมีเงินใช้อยู่
แล้วค่อยนำเงินส่วนที่เหลือนั้นน่ะ มาซื้อความสุขอีกที :)
เพราะเราต่างมี "ร่อง" เสียเงิน เป็นของตัวเอง...
ก่อนจบ ขออนุญาตประชาสัมพันธ์ เนื่องจากตั้งแต่ประมาณ 2 กุมภาพันธ์ 2566 เป็นต้นมา ทาง minimore เปลี่ยนรูปแบบเว็บใหม่ ผลที่เกิดขึ้นคือ งานเขียนเรา...ไม่มีคนอ่านเลย (คาดว่าหาเจอยาก)ตั้งแต่วันที่ 7 กุมภาพันธ์ 2566 เป็นต้นไป เราจึงตัดสินใจกลับไปเขียนเรื่องราวในบล็อกเดิมของเราแทน คุณผู้อ่านที่ถูกจริตในงานเขียนของเรา สามารถติดตามไปอ่านได้ที่
https://alwaysfay.blogspot.com/2023/02/blog-post.html ขอบพระคุณสำหรับการติดตาม และขอบคุณทาง minimore ที่ให้พื้นที่เราได้ขีดๆเขียนๆเรื่องราวตั้งแต่วันแรกจนถึงวันนี้
จนกว่าจะพบกันใหม่
สวัสดีค่ะ
เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น
Log in