เราใช้คุ๊กกี้บนเว็บไซต์ของเรา กรุณาอ่านและยอมรับ นโยบายความเป็นส่วนตัว เพื่อใช้บริการเว็บไซต์ ไม่ยอมรับ
My First StoryFayathi Sorap
วันนั้นของเดือน
  •      "มนุษย์เมนส์เหวี่ยงอีกแล้ว"


         สวัสดีค่ะคุณผู้อ่าน

         อ๊ะ เปล่านะคะ เราไม่ได้พูดประโยคจิกกัดข้างบน เราแค่นำคำจิกกัดที่เคยเห็นในอินเตอร์เนตมาแปะไว้เฉยๆ

         คุณสาวๆทั้งหลายคะ คุณทราบหรือเปล่าว่ามีผู้ชายบางส่วนเขาจิกกัดพฤติกรรมเราตอนที่เรามีประจำเดือน ขี้เหวี่ยงบ้าง เอาแต่ใจบ้าง อย่างนั้นอย่างนี้ 

         คุณหนุ่มๆทั้งหลายคะ มีใครเคยพูดหรือบ่นทำนองนี้ต่อหน้าหรือลับหลังคุณผู้หญิงรอบตัวไหมคะ
         ...มีบางคนเคยบ่นสินะคะ...

         ใช่ค่ะ อารมณ์ของผู้หญิงช่วงมีประจำเดือนนั้นไม่ค่อยน่าพึงประสงค์เท่าไหร่ แต่คุณผู้ชายทั้งหลายทราบหรือเปล่าคะว่า ก่อนที่เราจะออกมาจากห้องแล้วเหวี่ยงคุณน่ะ
         ...ผู้หญิงอย่างเราต้องประสบกับอะไรบ้างในแต่ละเดือน? 

         มาค่ะ เดี๋ยวจะชี้แจงแถลงไขให้อ่านโดยอิงจากประสบการณ์ตัวเองและผู้หญิงรอบข้างเป็นสำคัญ

         คำเตือน : เนื้อหาต่อไปนี้จะอิงหลังตามวิชาชีววิทยาเล็กน้อยถึงปานกลาง และอาจมีเนื้อหาถึงอวัยวะบางอย่างหรือทำให้เห็นภาพไม่น่าพึงใจบางประการ คนขวัญอ่อนควรใช้วิจารณญาณในการรับชม เอ๊ย รับสาร 


         ในโลกกลมๆใบนี้ เพศหญิงถูกกำหนดหน้าที่ให้ต้องเป็นฝ่ายตั้งท้องและให้กำเนิดบุตร 
         สิ่งมีชีวิตชนิดใหม่จะเกิดขึ้้นมาได้โดยการผสมกันจาก "ไข่" ของเพศหญิง กับ "อสุจิ" ของเพศชาย ส่วนคำถามว่า "อสุจิ" มาจากไหน ไปหาเอาเอง ในที่นี้เราจะพูดถึงแต่เรื่องของเพศหญิง
         ...อย่าเพิ่งเถียงว่าอะมีบาสืบพันธุ์โดยการแบ่งตัว เราจะพูดกันถึงสัตว์ที่มีวิวัฒนาการมากกว่าสิ่งมีชีวิตเซลล์เดียว

         ในมนุษย์ "ไข่" ถูกสร้างขึ้นมาจากอวัยวะที่ชื่อ "รังไข่" ส่วนสัตว์อื่นๆไม่แน่ใจ ไปค้นจากวิชาชีววิทยาตอนม.ปลายเอาเอง ยายคนเขียนเรียนผ่านมาได้ก็บุญแล้ว 

         สัตว์แต่ละชนิดจะมีช่วงระยะเวลาที่ไข่ตก หรือเรียกว่าช่วงระยะเวลาที่พร้อมจะผสมพันธุ์ 

         แต่ไม่ใช่กับ "มนุษย์"

         เพราะนับแต่เข้าสู่วัยเจริญพันธุ์ มนุษย์จะตกไข่ทุกเดือน เดือนละ 1 ครั้ง และ "ไข่" ที่ไม่ได้รับการผสมนี้ จะถูกขับออกจากร่างกายออกมาเป็นของเหลวสีแดงฉาน ที่เราเรียกกันติดปากว่า "เมนส์" หรือ "ประจำเดือน" 

         ซึ่ง ชีวิตผู้หญิงทุกคนคงจะง่ายขึ้นกว่านี้ หากกระบวนการนี้จะแค่ แต่ละเดือนมีเลือดออกมา แล้วก็จบ 

         แต่มันไม่ใช่ไง!!!

         ความทรมานของผู้หญิงจะเริ่มขึ้นตั้งแต่ก่อนมีประจำเดือนไปจนถึงเลือดหยุดไหล...ในแต่ละเดือน


         ก่อนประจำเดือนจะมา ซึ่งเป็นช่วงที่รังไข่กับฮอร์โมนเพศเริ่มทำงานสอดประสานกันว่า อ๊ะ ได้เวลาเหมาะสมที่จะทำให้ผู้หญิงคนหนึ่งพร้อมเป็น "แม่" แล้ว(ไม่ถงไม่ถามความสมัครใจตรูซักคำ) พอพวกนางเริ่มขยับ ร่างกายผู้หญิงจะเริ่มเกิดความเปลี่ยนแปลงดังนี้ 

         สิวขึ้น - น่าจะเกิดจากความพลุ่งพล่านของฮอร์โมน ทำให้สิวเม็ดเป้งๆผุดขึ้นมาบนใบหน้า กลางหน้าผากบ้าง บนจมูกบ้าง ริมแก้มบ้าง สิวพวกนี้นอกจากเห็นได้ชัดเจนแล้ว ยังเจ็บอีกตะหาก

         แน่นหน้าอก - ไม่ใช่แน่นหน้าอกแบบโรคหัวใจนะ แน่นในที่นี้คือ "หน้าอก" รู้สึกคัด เจ็บ หรือปวด อันเกิดจากร่างกายเตรียมพร้อมที่จะเป็น "แม่" และ "หน้าอก" ก็เป็นหนึ่งในอวัยวะที่ถูกทำให้ "แน่น"ขึ้น ในฐานะอวัยวะสำคัญสำหรับสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนม

         ปวดท้อง - น่าจะเกิดจากกระบวนการทำงานของรังไข่และมดลูกบริเวณท้องน้อยตั้งแต่ระดับสะดือจนถึงท้องส่วนล่าง ทำให้ท้องเกิดการอึดอัดไม่สบาย ซึ่งก็แบ่งได้เป็นสองแบบ แบบแรกคือรู้สึกเหมือนมีใครเอาอะไรหนักๆมาถ่วงท้องไว้ตลอดเวลา มันจะปวดแบบหน่วงๆตึงๆ ส่วนการปวดแบบที่สองคือ ความรู้สึกเหมือนใครเอื้อมมือเข้ามาจับอวัยวะภายในช่องท้องไว้แล้วบิดอย่างแรงและค้างไว้แบบนั้นไม่เลิก อธิบายอาการปวดไม่ถูกเหมือนกัน แต่ทรมานใช้ได้
         และด้วยความที่ตำแหน่งมันใกล้เคียงกับไส้ติ่ง ปวดท้องด้านขวาแต่ละทียังต้องมาใคร่ครวญอีกว่า ตกลงเมนส์จะมา หรือไส้ติ่งจะแตก??? 
         อย่างไรก็ดี ไม่ใช่ผู้หญิงทุกคนที่ประสบปัญหานี้ มีบางคนโชคดีมาก เกิดมาไม่เคยปวดท้องเมนส์เลย ในทางกลับกันก็มีผู้หญิงบางคนที่โชคร้ายมาก ประจำเดือนจะมาแต่ละทีคือไปเรียนไม่ได้ ทำงานไม่ได้ นอนกอดกระเป๋าน้ำร้อนติดเตียงอยู่อย่างนั้น ส่วนพวกเราที่เหลือก็ปวดๆหายๆไปตามสภาพของแต่ละคน แล้วก็ยังต้องลุกขึ้นมาทำงาน เรียน หรือทำกิจวัตรประจำวันทั้งๆที่ปวดท้องอยู่ตอนนั้น
         แข็งแกร่งปะล่ะ

         ฤดูขาว - ก่อนมีประจำเดือน หลายคนจะมีของเหลวๆอย่างหนึ่งไหลออกมาจากช่องคลอด มันไม่ได้หนักหนาแบบประจำเดือนดอก แต่ก็เหนอะหนะไม่สบายตัวพอดู

         อารมณ์ไม่คงที่ - เนื่องจากฮอร์โมนและอาการทั้งหลายข้างต้น ส่งผลให้อารมณ์ผู้หญิงเริ่มขึ้นๆลงๆตั้งแต่ก่อนมีประจำเดือนแล้ว ซึ่งอาการจะแตกต่างกันไปในแต่ละคน ประเภทที่เคยเห็นๆอยู่ เช่น
         - อยากอาหาร อยากกินโน่นนั่นนี่แทบตลอดเวลา
         - เบื่ออาหาร ท้องอืดๆ กินอะไรไม่ลง
         - หงุดหงิดง่าย เห็นอะไรขวางหูขวางตาไปหมด (ประเภทนี้แหละที่โดนผู้ชายแซว/จิกกัด มากสุด)
         - หดหู่ง่าย หมดอาลัยตายอยากง่าย รู้สึกเครียดและกดดันแบบหาสาเหตุไม่ได้ 
         ซึ่งนี่เป็นประเภทสุดท้าย ทุกครั้งที่เกิดอาการหดหู่เฉียบพลันต้องมาคอยดูตัวเองว่า เป็นอะไรอีกแล้วเนี่ย จะเกิดเรื่องร้ายๆ หรือแค่เมนส์จะมา
         มันไม่ใช่เรื่องตลก ไม่ได้เสแสร้ง แล้วเวลาเป็นแต่ละที มันหยุดไม่ได้ด้วย จนกว่าจะค่อยๆหายไปเอง

         นี่แค่ก่อนมีประจำเดือนนะ ดูตอนประจำเดือนมากันบ้าง


         แล้วในสุดมันก็มา...

         ช่วงมีประจำเดือนจะไม่มีฤดูขาวแล้ว(มีประจำเดือนแทน) แต่สิว แน่นหน้าอก ปวดท้อง และอารมณ์แปรปรวน ยังคงอยู่กันพร้อมหน้าพร้อมตา และมีอีกสิ่งที่เพิ่มเข้ามา นั่นคือ

         "เลือด"!!! หรือก็คือประจำเดือนนั่นแหละ

         โดยทั่วไปผู้หญิงเราไม่รู้หรอกว่ามันมาวันไหน(แค่พอเดาได้จากอาการของร่างกาย) จะแน่ใจจริงๆก็ตอนเข้าห้องน้ำแล้วพบว่า น้ำในโถส้วมกลายเป็นสีแดง หรือพบรอยเปื้อนเลือดที่ชั้นใน 
         นั่นยังดี บางคนแต่งตัวเสื้อผ้าสีอ่อน รู้ตัวอีกทีกระโปรงมีรอยแดงไปแล้ว เวรกรรม 
         หรือ อีกกรณีหนึ่ง นอนหลับตื่นมาแล้วพบว่า ผ้าปูที่นอนเปื้อนเลือด โอ๊ยยย
         โอเค มาแล้ว

         จากนั้นก็ต้องกระวีกระวาดสวมใส่ผ้าอนามัย แล้วขอให้ลืมภาพในโฆษณาทั้งหลาย ที่พรีเซนเตอร์เต้นแร้งเต้นกาว่า ใส่ผ้าอนามัยแล้วสบาย คล่องตัว โน่นนี่นั่น
         มันไม่เคยเกิดขึ้น
         คุณผู้ชายลองนึกเล่นๆว่า ถ้าคุณต้องเอาถุงเท้าหนา(อารมณ์ถุงเท้านักบอล) ยัดลงไปที่ชั้นในของคุณแล้วใส่มันทั้งวัน มันสบายมั้ย นั่นล่ะ นั่นล่ะ สิ่งที่ผู้หญิงที่ใส่ผ้าอนามัยต้องเจอ

         ใส่ผ้าอนามัยแล้วก็ต้องคอยดู(เช็คเวลาเข้าห้องน้ำน่ะ)ว่า ยังดีอยู่ไหม พลิกขึ้นพลิกลงรึเปล่า และเลือดออกเต็มผืนแล้วหรือยัง ต้องเปลี่ยนไหม ซึ่งทั่วไปเขาแนะนำให้เปลี่ยนอย่างน้อยหนึ่งครั้งเพื่อสุขอนามัยที่ดี
         พอตกกลางคืน เราก็ต้องเปลี่ยนอีกรอบ และคราวนี้ต้องใส่แบบยาวพิเศษ เพราะเชื่อกันว่าป้องกันประจำเดือนซึมออกมาเลอะเตียงนอนตอนหลับได้ แต่จริงๆแล้วเราก็ไม่ไว้ใจอยู่ดี ผู้หญิงบางคนจึงตัดสินใจหาผ้ามาคั่น มารองระหว่างตัวเองกับเตียงนอนไว้ อย่างน้อยถ้าประจำเดือนซึมออกมาจริงๆ จะได้เปื้อนผ้าไม่เปื้อนเตียง เพราะซักผ้าง่ายกว่าซักเตียงและผ้าปูที่นอนมาก

         นี่คือผ้าอนามัยแบบปกตินะ ยังมีผ้าอนามัยอีกแบบหนึ่ง เรียกว่า ผ้าอนามัยแบบสอด ซึ่งต้องยัดเข้าไปในช่องคลอด เผอิญไม่กล้าใช้ สยองเกินไป เลยไม่อาจนำมาเล่าได้ 
         ...แค่รู้ว่า ยังมีผ้าอนามัยประเภทนี้อยู่

         แล้วก็ต้องใช้ชีวิตอย่างระมัดระวัง ไม่หักโหม ใส่เสื้อผ้าสีเข้มๆ ไปจนกว่าประจำเดือนจะหยุด ซึ่งโดยทั่วไปจะกินระยะเวลาประมาณ 3-7 วัน น้อยกว่านั้นมีคนบอกว่าเป็นพวกเลือดน้อย ส่วนหากมากกว่านั้นและมีอาการผิดปกติอย่างอื่นร่วมด้วย ถือว่าอันตราย ต้องพบแพทย์ 

         ผู้หญิงจะใส่ผ้าอนามัยไปจนกว่าเห็นว่าเลือดไม่ไหลแล้ว แต่ก็ไม่แน่ บางทีร่างกายชอบเล่นกล ตื่นมาไม่มีเลือดแล้ว พอตกบ่าย อ้าว รอยแดงจางๆมาอีกรอบ 
         วันแรกๆที่ประจำเดือนหยุด ผู้หญิงหลายคนเลยเซฟตัวเองด้วยการใส่ผ้าอนามัยต่ออีกระยะ หรือใส่สิ่งที่คล้ายผ้าอนามัยแต่ขนาดเล็กกว่า เรียกว่า "แผ่นอนามัย" หรือ "แพ็ด" ไว้ก่อน เพื่อป้องกันการซึมเปื้อนที่อาจเกิดขึ้น

         ในที่สุดประจำเดือนก็ผ่านไป ผู้หญิงเราก็จะสบายกายสบายใจขึ้นมาได้....
         ...ซักประมาณสองสัปดาห์ ก่อนที่อาการทุกสิ่งอย่างที่กล่าวมาข้างต้นจะวกกลับมาอีกครั้ง แล้ววนลูปเดิมไปเรื่อยๆ จนกว่าจะพ้นวัยเจริญพันธุ์ 


         ก็เลยอยากมาเขียนไว้ตรงนี้เพื่อบอกเล่าแก่คุณผู้ชายว่า เราเข้าใจว่าคุณหงุดหงิด คุณไม่สนุกกับพฤติกรรมของผู้หญิง เวลาที่หล่อนเหวี่ยงหรือเรื่องเยอะช่วงวันนั้นของเดือน
         ผู้หญิงเราก็ไม่สนุกกับการมีประจำเดือน ไม่เคยสนุก และไม่มีวันสนุกด้วย 
         และบางทีผู้หญิงเราก็ไม่ได้อยากจะทำให้คุณผู้ชายรำคาญหรอก แต่ช่วงนั้นๆน่ะ บางทีเราก็ควบคุมตัวเองได้ยากจริงๆ    

         ดังนั้น ถ้าคุณพอจะ "ไม่ถือสา" กับพฤติกรรมของเราได้ ก็ปล่อยผ่านไปเถอะ 
         หรือช่วงนั้นถ้าเราอยากกินอะไร ไม่อยากกินอะไร คุณก็ปล่อยเราไปตามยถากรรม เอ๊ย ตามความชอบของเราเถิด

         ...นี่ก็ชักจะเริ่มปวดท้องขึ้นมาแล้วเหมือนกัน...


         วันนี้ขอฝากไว้แค่นี้ก่อน

         สวัสดี 


         ก่อนจบ ขออนุญาตประชาสัมพันธ์ เนื่องจากตั้งแต่ประมาณ 2 กุมภาพันธ์ 2566 เป็นต้นมา ทาง minimore เปลี่ยนรูปแบบเว็บใหม่ ผลที่เกิดขึ้นคือ งานเขียนเรา...ไม่มีคนอ่านเลย (คาดว่าหาเจอยาก)ตั้งแต่วันที่ 7 กุมภาพันธ์ 2566 เป็นต้นไป เราจึงตัดสินใจกลับไปเขียนเรื่องราวในบล็อกเดิมของเราแทน คุณผู้อ่านที่ถูกจริตในงานเขียนของเรา สามารถติดตามไปอ่านได้ที่   
         ขอบพระคุณสำหรับการติดตาม และขอบคุณทาง minimore ที่ให้พื้นที่เราได้ขีดๆเขียนๆเรื่องราวตั้งแต่วันแรกจนถึงวันนี้
         จนกว่าจะพบกันใหม่
         สวัสดีค่ะ  
Views

เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น

Log in