เราใช้คุ๊กกี้บนเว็บไซต์ของเรา กรุณาอ่านและยอมรับ นโยบายความเป็นส่วนตัว เพื่อใช้บริการเว็บไซต์ ไม่ยอมรับ
My First StoryFayathi Sorap
ที่มาของตัวร้าย?
  •      "..ถึงกูจะร้ายกูก็รักไม่น้อยกว่าเขา..." (ที่มา - เพลง ตัวร้ายที่รักเธอ)


         สวัสดีค่ะ

         คุณผู้อ่านเคยอ่านนิยายไหมคะ?

         นอกจากนิยาย เคยดูหนัง ดูละคร ดูอะไรแบบนี้ไหมคะ


         สิ่งที่เราเห็นจนคุ้นชินกันก็คือ ในเรื่องแต่งหลายๆเรื่อง มักจะแบ่งตัวละครออกเป็น 2 ฝ่าย หลัก คือฝ่ายดี และฝ่ายร้าย 
         บางเรื่อง เราก็อินกับฝ่ายดีมากๆ มองว่าฝ่ายผู้ร้ายนั้นช่างชั่วช้าสามานย์ 
         อย่างไรก็ดี ตัวร้ายของเรื่องแต่งหลายๆเรื่อง กลับชนะใจผู้ชมผู้อ่านได้มากกว่าตัวเอกเสียอีก เช่นพวกตัวร้ายที่มีสตอรี่เบื้องหลัง เคยโดนกระทำมาก่อน หรือแม้แต่ตัวร้ายที่ พอขึ้นจอ ได้คนหน้าตาดีมารับบทร้ายๆเหล่านั้น

         ก็....ว่ากันไป


         อันที่จริง เวลาแต่งนิยายเนี่ย เราไม่ค่อยชอบให้เรื่องมีตัวร้ายนะ เราว่ามันเสียเวลาอย่างไรไม่ทราบ (เห็นตัวอย่างจากละครไทยแล้วรู้สึกว่าในหลายๆเรื่อง ตัวร้ายคือไร้สาระมาก) โดยเฉพาะถ้าแก่นของเรื่องจริงๆ มันไม่จำต้องขัดหรือแย้งกับใครอะไรแบบนี้ 
         ...บางที ตัวร้ายก็ไม่จำเป็น (แค่ตัวเอกตีกันเองก็ยุ่งพอละ หุหุ)

         แต่พอเขียนไปหลายๆเรื่อง หลายๆแนว เออ บางทีมันต้องมีตัวที่ไม่ขาวหรือค่อนไปทางดำจริงๆค่ะ อย่างเช่น ถ้าเราเขียนนิยายนักสืบ นักสืบมันจะเป็นนักสืบไม่ได้ถ้าไม่มีคดี ตัวร้ายของตัวละครเหล่านี้ ก็คือบรรดาฆาตกรทั้งหลายที่ต้องมือเปื้อนเลือดมาให้นักสืบจับเข้าคุกนี่แหละ 
         และตัวร้ายบางตัวก็น่าสงสารจริงๆนั่นแหละนะ...

         ทีนี้ หลังจากใช้ชีวิตไปเรื่อยๆ ผ่านโลกมาเรื่อยๆ เจอทั้งความสุข ความเจ็บปวด เจ็บใจ ความสมหวังผิดหวังต่างๆนานา..
         เราก็พบว่า ตัวร้ายถูกเพิ่มเข้ามาในนิยายของเรา ด้วยเหตุผลอีกประการหนึ่ง...



         ในจักรวาลแห่งนี้ มีบางคนเชื่อว่า ชีวิตคนเราถูกลิขิตมาด้วยมือของท่านผู้หนึ่งที่มองไม่เห็น ซึ่งก็เป็นนานาจิตตัง มีอีกหลายคนที่เชื่อว่าชีวิตอยู่ที่สองมือของตนเอง ก็ว่ากันไป

         อย่างไรก็ดี ในนิยายเรื่องหนึ่ง ทุกตัวละครถูกกำหนดด้วยคนๆหนึ่ง หรือกลุ่มๆหนึ่ง นั่นคือผู้ประพันธ์ เพราะฉะนั้น คงไม่ผิดหากจะบอกว่า ผู้ประพันธ์คือพระเจ้าที่แท้จริงในนิยายของตนเอง

         ในนิยายเรื่องหนึ่ง ตัวละครแต่ละตัวจะถูกกำหนดคุณสมบัติ ลักษณะนิสัย และดำเนินชีวิตไปตามใจผู้แต่ง ไปเรื่อยๆ


         แล้วอยู่มาวันหนึ่ง จักรวาลก็เหวี่ยงตัวละครตัวหนึ่งเพิ่มเข้ามาในเรื่องอย่างไม่มีสาเหตุ
         มีสิ..สาเหตุ
         ถ้าลองย้อนกลับมาดูโลกแห่งความจริง คุณอาจพบว่า ผู้แต่งเรื่องกำลังเจอกับมรสุมชีวิต/อุปสรรค/ปัญหา ใดๆ และหลายครั้งจะพบว่า ไอ้ความโชคร้ายที่มีมานั้นน่ะ มันมีที่มาจากคนหนึ่งคน/จำนวนหนึ่ง 

         วิธีระบายอารมณ์ที่ดีที่สุดสำหรับนักเขียนบางคน คือยัดลักษณะนิสัยของคนที่ทำร้ายตัวเองในชีวิตจริง ลงไปในบทประพันธ์ 
         ...ถ้าไม่ใช่ตัวละครที่กระเดียดไปทางฝ่ายเลว ก็อยู่ในนิยายในฐานะ (ว่าที่)เหยื่อ
         แล้วค่อยหาวิธีอย่างใดอย่างหนึ่งในการจัดการกับตัวละครตัวใหม่ที่เพิ่งเพิ่มเข้าไปในนิยาย ซึ่งก็มีแนวโน้มจะจบไม่สวย ขึ้นอยู่กับความโรคจิตและความเคียดแค้นในใจของคนเขียนเป็นสำคัญ
         แล้วนิยายเรื่องหนึ่งก็มีตัวละครเพิ่มขึ้นมาจนได้ ในที่สุด

         จริงๆการเพิ่มตัวละครลงไปโดยอิงจากชีวิตจริงเนี่ย มันอาจมีอะไรมากไปกว่าการระบายอารมณ์นะ โอเค การเพิ่มเข้ามาเพื่อกำจัดทิ้งมันก็สนุกไปอีกแบบ
         แต่บางที คุณอาจพบว่าตัวละครที่เพิ่มเข้ามา จะมีบทอธิบายที่มาที่ไปและความร้ายกาจของตัวละครตัวนั้นในนิยาย ซึ่งบางครั้ง มันอาจอิงมาจากความร้ายกาจของต้นฉบับตัวละครตัวนั้น..ในชีวิตจริง
         คือแทนที่จะเกลียดใครอยู่เงียบๆคนเดียว ก็เอาความเป็นคนๆนั้นมาสาธยายให้ผู้อ่าน อ่านแล้วอาจจะคล้อยตามเกลียดไปด้วย ว่างั้นเถอะ

         มันไม่ใช่วิธีการแก้ปัญหาในชีวิตจริงหรอก เป็นเพียงการเอาคืนเล็กๆน้อยๆ เท่าที่ความสามารถที่มี จะเอื้ออำนวย ก็เท่านั้นเอง


         จริงๆ นี่ก็ไม่ได้สนับสนุนการโต้ตอบแก้แค้นให้เรื่องราวลุกลามบานปลายอะไร ออกจะเฉยๆเงียบๆ ทำอะไรใครไม่เป็นเสียด้วยซ้ำ

         แต่ยอมรับว่าเจ้าคิดเจ้าแค้น และถ้าลองได้เกลียดใคร เกลียดจนวันตาย 

         จึงต้องยอมรับโดยดีว่า บางที การนำตัวตนของคนบางคนที่ทำร้ายเรา ไปถูกกระทำในนิยายตัวเองบ้าง ก็เป็นการระบายอารมณ์ที่ดีอย่างหนึ่ง
         ส่วนชีวิตจริงก็ดูตามหน้างาน ถ้ามันต้องแตกหักก็ต้องแตกหัก แต่ถ้าไม่ ก็พยายามประนีประนอมให้มันราบรื่นที่สุด


         สิ่งสุดท้ายที่จะบอกก็คือ ใครก็ตามที่ถนัดระรานชาวบ้านและทำให้คนรอบข้างเจ็บช้ำน้ำใจ 

         ระวังนะ แม้ในชีวิตจริงคนที่คุณกระทำเขาอาจไม่ตอบโต้ 

         แต่ในงานเขียนของเขาน่ะ...

         ..ไม่มีความปลอดภัยให้คุณ...ที่อยู่ในนั้น อย่างแน่นอน 

     
         สวัสดี


         ก่อนจบ ขออนุญาตประชาสัมพันธ์ เนื่องจากตั้งแต่ประมาณ 2 กุมภาพันธ์ 2566 เป็นต้นมา ทาง minimore เปลี่ยนรูปแบบเว็บใหม่ ผลที่เกิดขึ้นคือ งานเขียนเรา...ไม่มีคนอ่านเลย (คาดว่าหาเจอยาก)ตั้งแต่วันที่ 7 กุมภาพันธ์ 2566 เป็นต้นไป เราจึงตัดสินใจกลับไปเขียนเรื่องราวในบล็อกเดิมของเราแทน คุณผู้อ่านที่ถูกจริตในงานเขียนของเรา สามารถติดตามไปอ่านได้ที่ 
          ขอบพระคุณสำหรับการติดตาม และขอบคุณทาง minimore ที่ให้พื้นที่เราได้ขีดๆเขียนๆเรื่องราวตั้งแต่วันแรกจนถึงวันนี้
         จนกว่าจะพบกันใหม่
         สวัสดีค่ะ 
Views

เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น

Log in