มีโรควินาศสันตะโรอยู่โรคหนึ่งที่มักโผล่มาเยี่ยมเราทุกๆปีหรือสองปี โรคนั้นคือ อาการที่ภายในลำคอจะคัน แล้วร่างกายจะมีกระบวนการแก้คัน...โดยการไอ ออกมา ส่งผลให้เจ้าของคอไอไม่หยุด และในช่วงนั้น เสมหะก็จะเยอะเป็นพิเศษ
ตอนนี้ มันก็กลับมาหาเราอีกแล้ว
ฤกษ์งามยามดี พาพ่อกับแม่ไปหาหมอ จึงถือโอกาสตรวจโรคของตัวเองไปเสียด้วยเลย ปรากฏว่า ในขณะที่โควิดกำลังระบาดอย่างหนักอยู่นี้ อาการที่เรามี จึงเป็นที่รังเกียจของคนทั่วไป ทางโรงพยาบาลจึงจัดสถานที่พิเศษในการตรวจรักษาสำหรับคนมีอาการแบบเราโดยเฉพาะ
เมื่อตรวจแล้ว หมอวินิจฉัยว่าเราน่าจะเป็นหลอดลมอักเสบ ให้ยามาสามตัว แก้อักเสบ แก้ไอ และละลายเสมหะ และทิ้งท้ายว่า
"ไปตรวจ ATK ซะ"
ดูเหมือนหมอจะปักใจเชื่อว่าเราเป็นโควิดเสียเหลือเกิน แม้จะน่าโมโหแต่ก็ไม่ผิด เพราะเท่าที่ศึกษา อาการของโควิดสายโอไมครอนนี้ ผู้ป่วยจะมีอาการไอและคันคอ ไม่ใช่เจ็บคอ จึงไม่แปลกหากหมอจะสงสัยไว้ก่อนหากเห็นใครมีอาการแบบนี้ ว่าคนๆนั้นติดโควิด
สำหรับการตรวจรอบแรก เราเลือกวิธีตรวจ ATK แบบใช้น้ำลาย
และวิธีการตรวจ ATK แบบใช้น้ำลายก็คือ หลังจากที่ได้ชุดตรวจมาแล้วนั้น ในคู่มือเขียนไว้ว่า ให้กลั้วน้ำลายในคอออกมาใส่หลอดที่จัดให้ แล้วนำไปผสมกับน้ำยาของชุดตรวจ ทิ้งไว้ครู่หนึ่ง แล้วจึงหยดของเหลวที่ผสมได้นั้นลงที่เครื่องตรวจ ATK รอสามสิบนาที
- ถ้าขึ้นขีดที่ c แสดงว่าผลเป็นลบ น่าจะไม่ติดโควิด
- ถ้าขึ้นขีดที่ c และ t แสดงว่าผลเป็นบวก มีความเสี่ยงที่จะติดโควิด
- ถ้าขึ้นขีดที่ t อย่างเดียว หรือไม่ขึ้นอะไรเลย แสดงว่าหาค่าไม่ได้
เราดำเนินการตามคู่มือ แล้วจับเวลา...
มันเป็นสามสิบนาที่ที่ยาวนานที่สุดนับแต่จำความได้...
เมื่อครบเวลาครึ่งชั่วโมง ไม่ปรากฏแถบใดๆ บนเครื่องตรวจของเรา หนึ่งชั่วโมงผ่านไป สองชั่วโมงผ่านไป หนึ่งวันผ่านไป..
ก็ยังไม่มีขีดใดๆขึ้นทั้งสิ้น
สรุปก็คือ การวัดผลครั้งนี้ ไม่สามารถทราบได้ว่า ตกลงแล้ว เราติดโควิดหรือไม่
บางที อาจเพราะขณะนั้นเรากำลังคอแห้งอยู่ และน้ำลายเราน้อยมาก ตัวอย่า่งที่เก็บได้จึงไม่เพียงพอที่จะวัดผล ก็เป็นได้
ไม่เป็นไร เอาใหม่
คราวนี้ จึงเลือกวิธีตรวจ ATK แบบแยงจมูก ซึ่งมีวิธีการตรวจดังต่อไปนี้
1. ล้างจมูกและล้างมือให้สะอาดก่อนใช้งาน
2. แกะกล่องตรวจออกมา เช็คอุปกรณ์ในกล่องว่าครบตามคู่มือหรือไม่
3. วางกล่องลงกับโต๊ะ (เราวางกับโต๊ะ แต่ถ้านั่งกับพื้นจะวางกับพื้นก็ได้มั้ง) สังเกตมุมขวาบนของกล่องจะมีรอยปรุไว้ให้ เจาะออกให้เป็นรู
4. หยิบหลอดน้ำยาออกมา หมุดเปิดฝาโดยหมุนทวนเข็มนาฬิกา แล้ววางหลอดตั้งลงที่รอยปรุของกล่องที่เราเจาะรูไว้
5. เปิดซองและนำไม้แยงจมูกออกจากซอง
6. นั่งหน้าตรง (คู่มือบอกให้ผ่อนคลาย แต่ข้าพเจ้าไม่ค่อยรู้สึกผ่อนคลายเท่าไหร่) แยงไม้ฝั่งที่เป็นสำลีสีขาวเข้าไปในจมูกลึกประมาณสองเซนติเมตรหรือลึกจนไม่สามารถดันเข้าต่อไปได้อีก(เจ็บจมูกมากฮ่ะ บอกเลย) หมุนไม้เป็นวงกลมประมาณห้าครั้ง
7. เอาไม้ออก แล้วแยงเข้าไปในรูจมูกอีกข้าง ทำเหมือนข้อ 6
8. เอาไม้ออกจากจมูก เปิดหลอดน้ำยา จุ่มไม้ฝั่งที่แยงจมูกลงไปในหลอด คนประมาณ 10 วินาที แล้วกดไม้กับก้นหลอดประมาณสามครั้งเพื่อให้สารในจมูกลงไปผสมกับน้ำยา
9. ที่หลอดน้ำยา สังเกตดีๆจะพบว่า มีฝาเล็กด้านบนสุดอีกฝา เปิดฝานั้น(น่าจะทวนเข็มนาฬิกาเช่นกัน) แล้วหยดของเหลวลงในช่องใส่ของเหลวของเครื่องตรวจ ATK ประมาณสองหยด
10. จับเวลา 15 นาที เพื่ออ่านผล (รายละเอียดผลก็เหมือนกับผลของชุดตรวจน้ำลาย) อ่อ ห้ามอ่านผลเกินเวลาที่กำหนด เกินสามสิบนาทีนี่ถือว่าใช้ไม่ได้แล้ว (รู้สึกคู่มือบอกแบบนั้น)
ตรวจครั้งแรก ผลเป็นลบ หมอบอกว่า ถ้าผลเป็นลบ ให้รอสามวันแล้วตรวจใหม่ ถ้ายังลบอยู่แสดงว่าโอเค
ตรวจครั้งที่สอง ผลก็เป็นลบ
โล่งใจ :D
จริงๆตอนนี้เราก็ยังไออยู่นะ เราว่าหมอให้ยาผิดไปหน่อย หมอน่าจะให้ยาแก้แพ้มากกว่า และยาที่ให้มานั้นก็อ่อนเสียเหลือเกิน กินเท่าไหร่ก็ไม่หายไอ เสมหะไม่ลดสักที
อย่างว่าล่ะ หมอเจอแต่โควิดตลอดในตอนนี้ แต่หมอไม่ได้อยู่กับเราตลอดเวลา หมอไม่เคยรู้ว่า คอเรามันวิปลาสขึ้นมาได้แทบทุกปีตอนที่อากาศเปลี่ยน แพ้อะไรก็ไม่รู้ที่ไม่ควรจะแพ้ และก่อความรำคาญให้เจ้าของคอได้ทุกครั้งที่ดัดจริตแพ้สิ่งรอบข้าง
ตอนนี้จึงพยายามรักษาด้วยน้ำเก๊กฮวย ไบโซลวอนและฟ้าทะลายโจรค่ะ ทั้งกินแบบเม็ด(ขม) อุตริเอาเม็ดไปละลายน้ำ(ขมมาก) และนำใบของฟ้าทะลายโจรสดๆจากต้นมาผสมน้ำดื่ม(ขมที่สุดในจักรวาล) หวังว่าเราจะสามารถเอาชนะการคันและการไอของตัวเองได้เสียที
แต่อย่างน้อย ก็สบายใจได้หน่อยแล้วว่า ณ ตอนนี้ เราไม่ได้เป็นโควิิด
จึงอยากจะมาบอกเล่าให้ทราบถึงวิธีตรวจโควิดด้วยตนเองโดยชุด ATK ทั้งวิธีตรวจน้ำลายและวิธีแยงจมูก หวังว่าจะเป็นประโยชน์บ้างไม่มากก็น้อยสำหรับผู้ที่มีความจำเป็นต้องตรวจหาอาการแบบเรา
เป็นกำลังใจให้ทุกๆคนนะคะ ดูแลสุขภาพกันด้วยนะ
สวัสดีค่ะ
ก่อนจบ ขออนุญาตประชาสัมพันธ์ เนื่องจากตั้งแต่ประมาณ 2 กุมภาพันธ์ 2566 เป็นต้นมา ทาง minimore เปลี่ยนรูปแบบเว็บใหม่ ผลที่เกิดขึ้นคือ งานเขียนเรา...ไม่มีคนอ่านเลย (คาดว่าหาเจอยาก)ตั้งแต่วันที่ 7 กุมภาพันธ์ 2566 เป็นต้นไป เราจึงตัดสินใจกลับไปเขียนเรื่องราวในบล็อกเดิมของเราแทน คุณผู้อ่านที่ถูกจริตในงานเขียนของเรา สามารถติดตามไปอ่านได้ที่
ขอบพระคุณสำหรับการติดตาม และขอบคุณทาง minimore ที่ให้พื้นที่เราได้ขีดๆเขียนๆเรื่องราวตั้งแต่วันแรกจนถึงวันนี้
จนกว่าจะพบกันใหม่
สวัสดีค่ะ
เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น
Log in