เราใช้คุ๊กกี้บนเว็บไซต์ของเรา กรุณาอ่านและยอมรับ นโยบายความเป็นส่วนตัว เพื่อใช้บริการเว็บไซต์ ไม่ยอมรับ
My First StoryFayathi Sorap
วัน(นึกถึง)พ่อ
  •                                                              น้ำพระทัยรินไหลไปทั่วหล้า        
                                                        ปวงประชาร่มเย็นเป็นสุขี
                                                        บำบัดทุกข์บำรุงสุขทุกชีวี        
                                                        พระบารมีล้นเกล้าเหล่าชาวไทย
                                                                ห้าธันวาปวงประชาปรีดายิ่ง
                                                        ขอพรสิ่งมิ่งมงคลแต่หนไหน
                                                        ขอ(ให้)พระองค์ผู้ทรงฤทธิไกร
                                                        อยู่คู่ไทยคู่ไตรรงค์ทรงพระเจริญ               


         ย้อนกลับไปสมัยเรียนอยู่ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ ๖ ช่วงใกล้วันพ่อแห่งชาติ อาจารย์ภาษาไทยบอกนักเรียนทุกคนในห้องว่า ให้แต่งกลอนเกี่ยวกับวันพ่อและ/หรือในหลวงรัชกาลที่ ๙ คนละสองบท เป็นงานเก็บคะแนนและอาจารย์จะเอากลอนส่งประกวด หัวข้อ...วันพ่อ แหละมั้ง

         นี่คือกลอนที่เราแต่งได้ในวันนั้น 

         พอนำไปส่งอาจารย์ อาจารย์ดูแล้วบอกว่า คำว่า "ให้" ในบาทรองสุดท้ายนั้นไม่เพราะ บอกให้แก้เป็นคำว่า "ขอ"  ดังจะเห็นได้ว่าเราวงเล็บคำว่า "ให้" เอาไว้ เพราะต้นฉบับกลอนเรานั้นแต่งว่า "ให้พระองค์ผู้ทรงฤทธิไกร" พออาจารย์ให้แก้ จึงกลายเป็น "ขอพระองค์ผู้ทรงฤทธิไกร" มาจนปัจจุบัน 
         แล้วอาจารย์ก็บอกต่อว่า "ครูส่งกลอนเธอเข้าประกวดไม่ได้ เพราะคำในบาทสุดท้ายเกินจำนวนคำตามที่ฉันทลักษณ์กำหนด" สุดท้าย กลอนเราก็ได้คะแนนดี แต่ไม่ได้รางวัล
         กระนั้น นี่ก็ยังเป็นหนึ่งในบทกลอน(แต่งเอง)ที่เราชอบที่สุด และท่อนที่เราชอบที่สุด ก็คือท่อนที่ทำให้กลอนเราไม่ถูกส่งเข้าประกวดนี่ล่ะ
         แต่เอ... ทำไมเกิดจำขึ้นมาได้ว่า ตอนแรกที่แต่งเราแต่งว่า "ขอพรสิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่ยิ่งใหญ่" แล้วเพิ่งมาปรับเป็น "ขอพรสิ่งมิ่งมงคลแต่หนไหน" หว่า เอาเป็นว่า เวอร์ชั่นที่จำได้นี้ เพราะกว่าละกัน 



         แล้ววันเวลาก็ผ่านไป จบมัธยม จบมหาวิทยาลัย...

         วันหนึ่ง เพื่อนเรา(ซึ่งรู้ว่าเราชอบขีดๆเขียนๆคำให้เป็นกลอน)และคณะทำงานจะจัดทำหนังสือ เธอต้องการกลอนสุภาพที่แต่งให้ในหลวงรัชกาลที่ ๙ แล้วเธอก็โทรศัพท์มาหาเรา
         "แต่งกลอนให้สี่บท เกี่ยวกับในหลวง(รัชกาลที่ ๙)" 

         ได้!

         แล้วเราก็เอากลอนบทเดิมบทนี้มาปัดฝุ่น ปรับบางคำ เปลี่ยนบางท่อน ยืดออกเป็นสี่บท(จริงๆคือแต่งเพิ่มสองบทใส่เข้าไปตรงกลางระหว่างสองบทเดิม) แล้วส่งให้เพื่อน บอกเพื่อนว่า เรา(มีปัญญา)แต่งได้แค่นี้ ถ้าจะเอาหรูกว่านี้ ไพเราะกว่านี้ ต้องไปหาคนอื่นแต่งแล้ว
         หลังจากอ่านกลอนของเรา ไม่มีแม้สักคนตอบกลับมาว่า "เราเอากลอนเธอลงหนังสือไม่ได้ เพราะคำเกินจำนวนคำในฉันทลักษณ์"
         แล้วกลอนของเราก็ได้ลงในหนังสือเล่มนั้นจริงๆ (ไม่บอกหรอกว่าเล่มไหน อิอิ) 



         วันเวลาก็ผ่านมาอีกหลายปี มีเรื่องราวต่างๆเกิดขึ้นมากมายในชีวิต ทั้งสุข ทั้งเศร้า ผู้คนเข้ามาแล้วจากไป

         บทกลอนบทนี้ก็ยังคงอยู่ในความทรงจำ และแม้บทกลอนอาจปรับเปลี่ยนได้บ้างตามกาลเวลาและสถานการณ์ แต่เนื้อความในบทกลอนไม่เคยเปลี่ยนไป
         ...ความในใจของคนแต่งที่มีต่อคนในบทกลอนก็เช่นกัน...



         ปีนี้เป็นปีที่ห้า นับแต่ในหลวงรัชกาลที่ ๙ เสด็จสวรรคต 

         ยังคงจำได้ดี ว่าตัวเองร้องไห้หนักหนาเพียงใดเมื่อห้าปีที่แล้ว ยังจำได้ดี ว่าตัวเองไปคุกเข่าร่ำไห้อยู่หน้ารูปปั้น(เรียกรูปปั้น..ล่ะมั้ง)ของท่าน ซึ่งตั้งอยู่ที่บ้าน 
         
         หนังสือที่พิมพ์ออกมาสืบเนื่องจากวันสวรรคตยังคงอ่านไม่จบ เพราะไม่กล้าอ่าน เกรงว่าฝืนอ่านไป หน้ากระดาษจะเต็มไปด้วยคราบน้ำตาเสียก่อน
         ..แต่ก็ซื้อเก็บไว้นะ 


         นี่ก็ผ่านมาห้าปีแล้วสินะ

         ยังคงยกมือไหว้ทุกครั้งที่เห็นพระบรมฉายาลักษณ์ ยังคงเข้าไปกราบพระบาทของรูปปั้นที่บ้าน บางที นึกครื้มอกครื้มใจ ก็ไปยืนเล่าโน่นนี่นั่นให้ท่านฟังอยู่บ่อยๆ (ชาวบ้านเขาคุยกับตุ๊กตา ฉันคุยกับสิ่งศักดิ์สิทธิ์) 
         และทุกครั้งที่เงยหน้าแล้วพบรอยยิ้มบนพระพักตร์ จะรู้สึกเหมือนได้รับพลังชีวิตให้ก้าวเดินต่อไป 



         วันคล้ายวันพระราชสมภพปีนี้ พระองค์ท่านเสด็็จกลับสู่สวรรคาลัยแล้ว แลอาจกำลังมองกลับลงมายังพื้นดินผืนนี้ ด้วยความผูกพันและห่วงใย 

         พสกนิกรตัวเล็กๆคนหนึ่งยังคงหวังให้ท่านทรงพระเกษมสำราญอยู่เสมอ แม้จะรู้ตัวว่าบุญบารมีไม่มากพอที่จะกล่าวคำอวยพรใดๆ 

         และพสกนิกรตัวเล็กๆคนนี้ขอสัญญาว่า จะปฏิบัติหน้าที่ของตนอย่างสุดความสามารถที่สุดเท่าที่คนธรรมดาคนหนึ่งจะทำได้
         เป็นกำลังใจให้พสกนิกรคนนี้ด้วยนะคะ 


         เนื่องในโอกาสที่วันพ่อแห่งชาติ ๕ ธันวา เวียนมาอีกครั้ง ขอใช้พื้นที่ตรงนี้เขียนบทความบทนี้แทนความในใจ ว่ายังคงระลึกถึงคนบนฟ้าเสมอ และจะระลึกถึงตลอดไป 

         สุขสันต์วันคล้ายวันพระราชสมภพนะเพคะ :D 
         (ต้องกราบขออภัยเป็นอย่างสูงที่ใช้ราชาศัพท์ผิดๆถูกๆด้วย แหะ)

       
          ด้วยเกล้า ด้วยกระหม่อม ขอเดชะ


         ก่อนจบ ขออนุญาตประชาสัมพันธ์ เนื่องจากตั้งแต่ประมาณ 2 กุมภาพันธ์ 2566 เป็นต้นมา ทาง minimore เปลี่ยนรูปแบบเว็บใหม่ ผลที่เกิดขึ้นคือ งานเขียนเรา...ไม่มีคนอ่านเลย (คาดว่าหาเจอยาก)ตั้งแต่วันที่ 7 กุมภาพันธ์ 2566 เป็นต้นไป เราจึงตัดสินใจกลับไปเขียนเรื่องราวในบล็อกเดิมของเราแทน คุณผู้อ่านที่ถูกจริตในงานเขียนของเรา สามารถติดตามไปอ่านได้ที่

         https://alwaysfay.blogspot.com/2023/02/blog-post.html

         ขอบพระคุณสำหรับการติดตาม และขอบคุณทาง minimore ที่ให้พื้นที่เราได้ขีดๆเขียนๆเรื่องราวตั้งแต่วันแรกจนถึงวันนี้
         จนกว่าจะพบกันใหม่
         สวัสดีค่ะ
Views

เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น

Log in