30 ตุลาคม หรือจะ
จัดตั้งให้เป็น -2 พฤศจิกายนดีนะ
การเริ่มต้นเขียน เป็นสิ่งที่ยากเย็นที่สุด อ้างจากใครสักคนที่เคยกล่าวไว้ ขออภัยที่จำที่มาไม่ได้ แต่หากได้ลองเขียนแล้วจะรู้ว่า การประคองเรื่องให้อยู่ในทิศทางที่ต้องการก็ยากเย็นไม่แพ้กัน
หลายๆคนกล่าวไว้ (อีกแล้ว จำไม่ได้อีกแล้วว่ามีคนไหนบ้าง) ว่าการจะเขียนให้ได้ดีก็ต้องมาจากการอ่านให้มากก่อน ปัญหาก็คือ อ่านเท่าไหร่ก็เหมือนจะไม่พอเสียที เหมือนคำกล่าวว่าการเรียนรู้ไม่มีวันสิ้นสุด แต่เงินในกระเป๋านั้นมีวันสิ้นสุด แปรผกผันกับปริมาณหนังสือ และจำนวนหนังสือที่ยังคงไม่ได้อ่านก็เพิ่มขึ้นทุกที เช่นเดียวกับหนังสือเล่มใหม่ๆ ที่อยากอ่านก็เพิ่มขึ้นทุกที ซึ่งก็แปรผกผันกับเวลาในชีวิตประจำวันเช่นกัน
จนบัดนี้แล้ว ก็ยังเกิดคำถามสงสัยในใจทุกครั้งว่า อะไรทำให้หนังสือเล่มหนึ่งๆ มีความน่าสนใจ ดึงดูดใจ ทำให้คนตัดสินใจซื้อ พล็อตเรื่อง ตัวละคร บทสนทนาเฉียบคม อะไรอีก? คงไม่ได้นับรวมความหนา ดังที่คนคุ้นเคยคนหนึ่งกล่าวไว้ว่าทำไมหนังสือราคาเกือบสามร้อยถึงหนาไม่ถึงนิ้ว หากคนเขียนฟังแล้วอาจจะร้องไห้
พล็อตเรื่อง สังเกตว่าหนังสือรุ่นใหม่ๆ จะมีความสดใหม่และซับซ้อนของพล็อตมากกว่ารุ่นก่อน ซึ่งก็ดูจะเป็นเรื่องธรรมดา เมื่อเทียบกับอุตสาหกรรมภาพยนตร์ ละคร ก็เป็นเช่นนี้ทั้งนั้น
ตัวละคร จะรู้ได้อย่างไรว่าคนๆ นี้จะน่าสนใจ แต่ก็อีก สังคมที่ไหนที่ทุกคนล้วนน่าสนใจบ้าง? ถ้าไม่มีคนน่าเบื่อ ก็ไม่มีคนน่าสนใจ แต่จะทำอย่างไรให้คนน่าเบื่อเดินเรื่องไปได้ แล้วยังเรื่องการคุมตัวละครให้อยู่กับร่องกับรอย
บทสนทนาที่เฉียบคม หากมีมากเกินไป ก็คงไม่ต่างจากสติกเกอร์ท้ายรถสิบล้อ หากน้อยเกินไปก็เบาโหวงเหลือทน
ข้าพเจ้าเคยหวังว่าจะเป็นนักเขียนได้ และถ้าเป็นไปได้ก็อยากลอง"ไว้ฝีมือ"ให้ประจักษ์สักหน แต่ดูจากปริมาณนักเขียน นักกำลังจะเขียน นักอยากเขียน นักสักแต่ว่าเขียน นักเคยเขียน ฯลฯ ก็ได้แต่ถอนใจ ส่วนเรื่องนี้ ก็จัดว่าเป็นการลองเขียน มีพล็อตเป็นการบ่น ตัวละครเป็นคนเรียบๆ ขี้บ่น ผู้ชอบสนทนายืดยาวไม่ตรงจุดก็แล้วกัน
เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น
Log in