เพิ่งเคยพิมพ์อะไรในนี้ครั้งแรกเลยแฮะ ตื่นเต้นจัง
วันนี้เราจะมาป้ายยา แนะนำหนังสือค่ะ เป็นหนังสือชุดที่เราชอบมาก รักมาก ถวายตัวเป็นแฟนคลับมาเกือบ ๆ สิบปีได้แล้ว (เวอร์มาก!) และอย่างที่หลาย ๆ คนน่าจะเดากันได้จากชื่อเรื่อง หนังสือชุดนี้มีชื่อว่า "A Series of Unfortunate Events" หรือที่ฉบับแปลไทยใช้ชื่อว่า "อยากให้เรื่องนี้ไม่มีโชคร้าย" นั่นเองค่ะ
หลาย ๆ คนน่าจะคุ้นชื่อขึ้นมาแล้วใช่ไหมคะ บางคนน่าจะเคยอ่านแล้ว ส่วนบางคนอาจจะเคยดูซีรีส์ในเน็ตฟลิกซ์ แต่สำหรับวันนี้ เราจะมาพูดถึงจักรวาลหนังสือกันค่ะ
หนังสือชุดนี้เป็นซีรีส์ยาวค่ะ ทั้งชุดมีทั้งหมด 13 เล่มด้วยกัน และถ้าพูดกันตรง ๆ ก็เก่ามากแล้วค่ะ เล่มแรกเริ่มตีพิมพ์ตั้งแต่ปี 1999 แต่กว่าจะจบเล่มสุดท้ายก็ปี 2006 นู่น รวม ๆ ก็คือหนังสือชุดนี้จบมาเกินสิบปีแล้ว
อ้าว แล้วทำไมถึงแนะนำหนังสือเก่าขนาดนี้
เพราะมันมีเสน่ห์ค่ะ จะว่าอวยก็ได้ เพราะอวยจริง (อ้าว...) ถ้าจะเล่ากันแบบรวบรัด หนังสือชุดนี้เป็นเรื่องราวของเด็กกำพร้าสามคนจากตระกูลโบดแลร์ค่ะ ที่จริงก่อนหน้านี้ก็ไม่กำพร้า แต่มากำพร้าเพราะทั้งพ่อแม่และบ้านถูกไฟไหม้ปริศนาเผาทำลายไปจนวอด เด็ก ๆ โบดแลร์ทั้งสามคนก็เลยต้องไปอาศัยอยู่กับผู้ปกครองคนอื่นแทน แต่ไม่รู้ว่าตระกูลนี้มีเชื้อสายโคนันหรือเปล่า ไม่ว่าเด็กทั้งสามจะไปอยู่ที่ไหน เรื่องเลวร้ายก็จะตามติดพวกเขาไปทุกหนทุกแห่ง
มองเผิน ๆ ก็เหมือนกับเป็นหนังสือที่ชวนให้หดหู่กับชะตาชีวิตของเด็กกลุ่มนี้ โดยเฉพาะถ้าอ่านแค่เล่มแรก ๆ อาจจะรู้สึกเลยว่าเรื่องมันวนลูปมาก ย้ายบ้าน ผู้ปกครองตาย ย้ายบ้านอีก วนไปเรื่อย ๆ
แต่อยากให้อดทนอ่านอีกนะคะ เพราะเรื่องราวที่แท้จริงจะเริ่มต้นตั้งแต่เล่มที่เจ็ดเป็นต้นไป...
หนังสือจะค่อย ๆ พาพวกเรา (และเด็ก ๆ โบดแลร์) ไปทำความรู้จักกับองค์กรลับที่มีชื่อว่า V.F.D. (หรือว.ฟ.ด.ในภาษาไทย แปลตรงตัวมาก ประทับใจ) พวกเราจะได้เรียนรู้ความลับขององค์กรนี้ผ่านรหัสและเบาะแสที่กระจายอยู่ทั่วทั้งเรื่อง จนถึงจุดหนึ่ง ความซวยของเด็ก ๆ โบดแลร์จะไม่ใช่แค่เรื่องบังเอิญอีกต่อไป แต่มันคือเรื่องที่มีการวางแผนมาแล้วเป็นอย่างดี และมีจุดประสงค์ที่ชัดเจนด้วยเหมือนกัน
ความสนุกของหนังสือชุดนี้คือทั้งเรื่องสามารถเชื่อมโยงเข้าหากันได้ว้าวมาก การอ่านงานเขียนของสนิกเก็ตก็เหมือนกับการต่อจิ๊กซอว์ ชิ้นส่วนทั้งหมดกระจายอยู่ในทุกเล่ม ซุกซ่อนพรางตัวอยู่ในนั้น ขึ้นอยู่กับว่าเราจะมองหามันเจอหรือเปล่า
การอ่านหนังสือชุดนี้ซ้ำอาจจะทำให้เราเห็นอะไรบางอย่างที่เผลอมองข้ามไปตอนอ่านครั้งแรก คำตอบของปริศนาในเล่ม 12 อาจจะเคยมีพูดถึงมาแล้วในเล่ม 4 โดยที่เราไม่รู้ด้วยซ้ำว่านั่นคือเฉลย และด้วยความที่ปริศนาที่ซ่อนอยู่ในหนังสือเรื่องนี้มีเยอะมาก แถมสนิกเก็ตเองยังแทบไม่ได้ออกมาเฉลยหรือยืนยันว่าทฤษฎีไหนถูก ปริศนาเหล่านั้นก็เลยยังเป็นที่ถกเถียงกันมาจนถึงตอนนี้ (ใช่ค่ะ แม้ว่าหนังสือจะจบมาเกินสิบปีแล้วก็ตาม)
สำหรับคนที่ยังไม่เคยอ่านหนังสือชุดนี้ก็ขอแนะนำค่ะ เหมาะมากสำหรับช่วงกักตัวที่อาจจะไม่มีอะไรทำตอนนี้ ฉบับแปลไทยยืมอ่านฟรีได้ในแอพ TK Library ค่ะ (ไม่ได้ค่าโฆษณา) แต่ถ้าสะดวกก็แนะนำว่าอ่านฉบับภาษาอังกฤษดีกว่าค่ะ ภาษาของเรื่องนี้ไม่ยากมาก (เห็นดาร์ค ๆ แบบนี้ ยังจัดเป็นวรรณกรรมเยาวชนอยู่นะ!) และในหนังสือมีมุกเล่นคำค่อนข้างเยอะ พอแปลแล้วอรรถรสตรงนี้หายไปพอสมควรเลยค่ะ
อะไรนะคะ อ่านเรื่องนี้จบไปแล้ว โอ้ ดีมากค่ะ แต่เดี๋ยวก่อน อย่าเพิ่งไป เรายังมีหนังสืออีกหลายเล่มที่พร้อมจะนำเสนอค่ะ! / ทำเสียงทีวีไดเรกต์
จริง ๆ แล้วหนังสือที่อยู่ในจักรวาล Snicketverse (ซึ่งก็คือคำเรียกรวม ๆ ของจักรวาลนี้) ยังมีอีกหลายเรื่องเลยค่ะ แต่มันเศร้าตรงจนถึงตอนนี้ก็ยังมีแปลไทยแค่ 13+1 เล่มเอง และหนังสือที่ยังไม่ได้แปลหลายเล่มก็ช่วยไขปริศนาในหนังสือชุดหลักของเราด้วย น่าเสียดายมาก แต่ไม่เป็นไร เรามาคุยกันทีละเล่มแล้วกันนะคะ
มาพูดถึงหนังสือเล่ม +1 ที่ว่าก่อน เล่มนี้ไม่พูดถึงไม่ได้แน่ ๆ เป็นหนังสือผู้รอดชีวิต หนังสือผู้ถูกเลือกให้มาแปลไทยร่วมกับชุดหลักทั้ง 13 เล่ม ใช่ค่ะ เรากำลังพูดถึง Lemony Snicket's Unauthorized Autobiography หรือที่มีชื่อไทยว่า "เลโมนี สนิกเก็ต อัตชีวประวัติไม่ธรรมดา"
หนังสือเล่มนี้ตีพิมพ์ออกมาระหว่างเล่ม 8 (The Hostile Hospital) กับเล่ม 9 (The Carnivorous Carnival) และเป็นกุญแจสำคัญในการเฉลยปมปริศนาใหญ่ ๆ ของเรื่อง
คนที่เคยอ่านแล้วน่าจะเห็นว่าในหน้าสารบัญมีแต่ลิสต์คำถามท็อปฮิตติดอันดับในใจนักอ่านทั้งนั้น แต่คนแบบสนิกเก็ตไม่มีทางเฉลยอะไรตรงไปตรงมาค่ะ ดังนั้นคำตอบของคำถามพวกนั้นน่ะมีนะ มีแน่ แต่อธิบายกันแบบอ้อมเขาอ้อมทะเลจนอยากจะถามว่านี่พี่เฉลยแล้วจริง ๆ เหรอ
ถ้าเปรียบว่าชุด ASoUE เป็นจิ๊กซอว์ หนังสือเล่มนี้ก็จะเป็นภาพเฉลยในแบบที่มีคนปัดแก้วน้ำหกใส่ เห็นภาพนะ แต่เบลอจนต้องนั่งคิดแล้วคืดอีกแปดตลบว่าตกลงมันคือรูปอะไรกันแน่
เมื่อนานมาแล้ว ผู้เขียนเคยให้สัมภาษณ์เกี่ยวกับหนังสือเล่มนี้ว่า ความจริงแล้วก็ไม่ได้อยากปล่อยเล่มนี้หรอก เพราะคิดว่าแค่ข้อมูลในหนังสือ 13 เล่มก็มากพอที่จะใช้แก้ปริศนาในเรื่องได้แล้ว แต่ไป ๆ มา ๆ กลายเป็นว่ายังไม่มีใครเดาได้สักคน จนสุดท้ายก็ต้องปล่อยเล่มนี้ออกมาช่วยอยู่ดี อาจจะเป็นสาเหตุที่ดูฝืนใจช่วยแบบเบลอ ๆ อย่างที่เห็นนี่ล่ะค่ะ
มาถึงเล่มถัดไปคือ The Beatrice Letters ค่ะ เล่มนี้อาจจะไม่คุ้นหูนักอ่านบ้านเราเท่าไหร่เพราะไม่มีแปลไทย ไม่มีอีบุ๊ก ยังไม่พิมพ์ซ้ำ ไม่มีอะไรเลย แต่ก็เป็นอีกเรื่องที่ช่วยไขปมใหญ่ ๆ ในเรื่องได้เยอะเหมือนกันค่ะ โดยเฉพาะเรื่องราวในอดีตที่เกี่ยวกับตัวเลโมนีเองกับเบียทริซ
หนังสือเล่มนี้ปล่อยออกมาก่อนเล่ม 13 ได้ไม่นาน (และมาพร้อมกับคำโปรยว่า "สงสัยว่าจะเกี่ยวข้องกับเล่ม 13" เอ้า ก็แหงสิ...) ทั้งเล่มประกอบด้วยจดหมายโต้ตอบระหว่างเลโมนีกับเบียทริซ โบดแลร์ที่สอง หรือลูกของคิท สนิกเก็ต ที่เด็ก ๆ โบดแลร์ช่วยรับเลี้ยงนั่นเอง
(ซึ่งเล่มนี้อ่านแล้วจะสงสารเลโมนีมาก ฉบับแรก ๆ จะเห็นเลยว่าเลโมนีนึกว่าตัวเองกำลังคุยกับเบียทริซคนแม่อยู่ ทั้งที่ความจริงแล้วกำลังคุยกับหลานตัวเอง...)
แต่ยืนยันอีกครั้งว่าหาอ่านยากมากจริง ๆ ค่ะ ท้อใจมาก ถ้าหาไม่ได้ก็ไม่เป็นไรหรอกค่ะ เราไปดูเล่มอื่นที่หาอ่านง่ายกว่านี้แทนดีกว่า
เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น
Log in