ในจังหวะที่กำลังเดินออกจากประตูโรงเรียนConor ได้พบกับสาวสวยคนหนึ่ง(Raphinaรับบทโดย Lucy Boynton)ยืนคาบบุหรี่ที่ไม่ได้จุดอยู่ที่ฝั่งตรงข้ามของถนน Conor เกิดสนใจเธอขึ้นมาเลยเข้าไปทำความรู้จัก เธอบอกว่าเธอกำลังจะไปเป็นนางแบบที่ลอนดอน Conor เลยชวนให้มาเล่นมิวสิควิดีโอให้วงตัวเองพร้อมกับขอเบอร์โทรศัพท์ไปด้วยใช่...ทุกอย่างเกิดขึ้นง่ายๆแบบไม่มีปี่มีขลุ่ย ทันใดนั้น Conor
Conor ไม่ประสาในเรื่องเพลงหรือดนตรีมากมายอะไรแต่เขาก็มีพี่ชาย (Brendanรับบทโดย Jack Raynor) ที่มีความชอบในดนตรีที่พอจะให้คำแนะนำได้ ทุกอย่างเริ่มแบบไร้แผนการ Conor และสมาชิกทุกคนค่อยๆเรียนรู้ลองผิดลองถูกและเก็บเกี่ยวทุกอย่างจากสิ่งรอบข้าง จากที่ไม่รู้ก็ค่อยๆเรียนรู้เรื่อยมา Conor ศึกษาเรฟเฟอเรนซ์จากวงต่างๆที่พี่ชายแนะนำมา ได้รู้ว่าจะถ่ายวิดีโอให้ดูน่าสนใจมากขึ้นต้องมีการแต่งหน้าทำผมและเสื้อผ้าที่ดึงดูดจาก Raphina ได้ Eamon (
Conor ไม่ได้มีฝันหรือเป้าหมายที่ยิ่งใหญ่ในตอนแรก ออกแนวตกกระไดพลอยโจนเสียด้วยซ้ำ ทุกอย่างดำเนินไปตามทางของมันไม่ต้องมีแผนการอะไรมากมาย แค่รู้ว่าอยากจะทำอะไรต้องทำอะไรต่อไปก็เท่านั้น นี่เป็นเหตุผลหนึ่งที่ทำให้รู้สึกผิดคาดที่หนังไม่ได้เล่าด้วยวิธีการสร้างเป้าหมายที่ยิ่งใหญ่ในตอนแรกแล้วจัดการล่าฝัน แต่กลับเล่าด้วยการเริ่มจากความต้องการเล็กๆตรงหน้าแล้วลงมือทำมันไปเรื่อยๆจนเป้าหมายมันใหญ่ขึ้นเองในตอนหลัง
ในระหว่างทางการฟอร์มวงSing Street เราจะได้เห็นแง่มุมในการจัดการปัญหาแบบเด็กๆของตัวละคร ที่อาจจะดูไม่เข้าท่าบ้างในบางสถานการณ์ ซึ่งก็เป็นธรรมดาของการเรียนรู้ที่มีผิดมีถูกปะปนกันไป ได้ฟังเพลงดีๆมากมาย และรู้สึกมีความสุขและอยากเอาใจช่วยทุกครั้งที่วงได้บรรลุเป้าหมายเล็กๆและเป็นรูปเป็นร่างขึ้นเรื่อยๆ เหมือนได้เติบโตไปพร้อมกัน
บางทีชีวิตคนเรามันก็เป็นแบบนี้อาจจะไม่ได้เริ่มจากการตั้งเป้าหมายที่ยิ่งใหญ่ หรือแผนการที่หรูหราอลังการ เพราะชีวิตไม่มีอะไรแน่นอน ทุกอย่างเปลี่ยนแปลงได้ทุกเมื่อ ไม่มีใครรู้อนาคต แค่เริ่มทำตามความต้องการตรงหน้า ทำสิ่งที่อยู่ใกล้ๆก่อน แล้วอะไรที่ยิ่งใหญ่กว่าก็จะค่อยๆตามมาเอง
เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น
Log in