พูดถึงวงการบันเทิงเกาหลีที่เน้นไปทางหนังและซีรีส์ เข้าใจว่าบ้านเราน่าจะชอบดูซีรีส์กัน แต่ส่วนตัวเราเป็นคนดูซีรีส์ยาวๆ ไม่ได้ แถมไม่ชอบซีรีส์เกาหลีซะด้วย (ที่ชอบมากๆ คือแดจังกึม, ซอนต๊อก และ Remember – War of the Son) แต่เฮ้ย เราพบว่าตัวเองชอบดูหนังของเกาหลีมากเลยแหละ และแนวหนังที่เกาหลีทำได้ดีมากๆ แบบนับถือเลยก็คือแนวดาร์กทริลเลอร์ แอคชั่นทริลเลอร์ อะไรก็ตามที่มันเน้นไปทางสืบสวนสอบสวน อาชญากรรม เล่นกับจิตใจคน หรือฟิล์มนัวร์ สะท้อนสังคม จบแบบเคว้งคว้างนี่เกาหลีทำได้ดีสุด
และเพราะงั้นเอง เราเพิ่งมาสังเกตว่าตัวเราดูหนังเกาหลีแนวนี้เยอะมากคุณ (ฮ่าๆๆ) ไอ้ครั้นจะเก็บไว้ดูคนเดียวมันก็อึดอัดใจ อยากเล่า อยากแชร์ อยากให้ทุกคนหันมาดูหนังเกาหลีกันมากๆ เพราะว่ากันตามตรง ทุกวันนี้เราอยากเก็บแผ่นหนังเกาหลีมาก แต่หลายร้านเลยที่หาเรื่องที่เราต้องการไม่ได้ แถมปัจจุบันก็ไม่ค่อยมีหนังเกาหลีเข้าไทยมากนัก บ้านซับก็ไม่แปลเพราะคนชอบดูซีรีส์มากกว่า เศร้าเลย ถ้าคนหันมาบริโภคหนังเกาหลีมากๆ เป็นเพื่อนเราก็คงจะดีไม่น้อย
แต่ว่าวันนี้ขอสาดความสนุกในแบบเล่นกับจิตใจคนหน่อย เราจะมาแนะนำหนังดาร์กทริลเลอร์ (และอะไรทำนองนั้น) ของเกาหลีที่เราเคยดู...และคุณต้องลองดูสักหนกัน
ซึ่งในส่วนนี้เป็นพาร์ทแรก และเราจะเรียงตามปีที่หนังฉาย โดยรีวิวสั้นๆ ของเรานี้ก็หวังว่าจะทำให้ทุกคนที่ได้อ่านเกิดความสนใจเนอะ ดูจบแล้วมาเม้าท์กันได้นะ
Memories of Murder (2003)
เริ่มต้นที่เรื่องแรก โอ้โห...เราโคตรชอบเรื่องนี้เลยล่ะคุณ มันเป็นหนังขึ้นหิ้งของ
บงจุนโฮ ผู้กำกับหนังเรื่อง
Parasite ที่กำลังดังอยู่ในตอนนี้ (
อ่านคอนเทนต์ Parasite ของเราได้นะ) และเป็นหนังเกาหลีอันดับต้นๆ ที่เราคิดว่าดีมากเรื่องหนึ่งเลย
หนังเรื่องนี้พูดถึงคดีฆาตกรรมต่อเนื่องในท้องถิ่นของเกาหลีใต้ (ที่เคยเกิดขึ้นจริงด้วยนะ!) หนังจะให้เราเห็นการทำงานของตำรวจท้องถิ่นและเสียดสีกันเต็มคราบตามแบบฉบับบงจุนโฮ ทั้งการจับแพะ การหาหลักฐาน การสืบสวนสไตล์ท้องถิ่น แต่ก็ทำให้เราค่อยๆ เห็นพัฒนาการของตัวละครที่ในท้ายที่สุดก็ค่อยๆ ถูกการสืบสวนครอบงำให้หมกมุ่น
ยิ่งกว่านั้นตอนจบยังชวนให้ยิ้มแห้งอีกด้วย เป็นหนังยาวๆ ที่มีดีเทลเยอะแต่เป็นอะไรที่ดีมากเลยล่ะ
เรื่องนี้น่าจะคุ้นหูและหลายคนน่าจะเคยดูกันมาแล้ว (หรือเปล่าหว่า) ไงก็ตาม มันเป็นหนังขึ้นหิ้งของเกาหลีใต้ แถมยังถูกฮอลลีวู้ดซื้อลิขสิทธิ์ไปรีเมคด้วย แต่ไม่ปังเท่าเวอร์ชั่นออริจินัลหรอก แหะๆ
หนังเรื่องนี้พูดถึงชายคนหนึ่งที่ถูกจับไปขังไว้ในสถานที่แห่งหนึ่งนาน 15 ปีโดยไม่มีเหตุผล จนกระทั่งวันหนึ่งเขาได้ออกมา เขาจึงพยายามตามหาเจ้าคนที่จับเขาไปขังเพื่อให้ได้รู้ว่าทำไมจึงต้องทำแบบนี้
ความจริง Oldboy ดูเหมือนเป็นหนังล้างแค้นธรรมดา แต่มันพิเศษกว่าตรงที่พล็อตมันเหวี่ยงไปมาและพาไปสู่การเฉลยปมที่ชวนให้รู้สึกกระอักกระอ่วนไม่น้อย นอกจากนั้นภาพดีมากกกก มุมกล้องสุดจะสวย เป็นเทคนิคที่ดีมากถ้าคิดในมุมมองที่ว่านั่นคือหนังที่ฉายในปี 2003 อ่ะนะ
A Bittersweet Life (2005)
รู้เปล่าว่าเรื่องนี้มีฉายาว่าอะไร เค้าบอกกันว่านี่คือหนังแก๊งสเตอร์ที่ดีที่สุดของเกาหลีใต้ และพอเราได้ดูก็รู้สึกว่า เออ...จริงว่ะ ไม่ได้ขี้โม้นะเนี่ย ถ้าใครชอบแนวบู๊ๆ หน่อยคือต้องดูเรื่องนี้เลย แต่มันไม่ได้บู๊อย่างเดียวไง มันบู๊แบบมีเหตุผล ก็แค่คนคนหนึ่งที่อยากมีรักปะ?
ตัวหนังพูดถึงชายคนหนึ่งที่ทำหน้าที่คล้ายๆ นักเลงประจำโรงแรม คอยคุมคอยจัดการกับพวกที่ชอบสร้างปัญหาในโรงแรม และเป็นลูกน้องแสนเชื่อฟังของเจ้านาย จู่ๆ วันหนึ่งเจ้านายให้เขาไปตามดูว่าเด็กเสี่ยเนี่ยมีหนุ่มมาติดจริงมั้ย ถ้ามีก็จัดการซะ และพระเอกของเราเมื่อตามดูก็พบว่ามันเป็นเรื่องจริง แต่...แต่เขากลับไม่รายงานเจ้านาย ทีนี้มันก็เลยเกิดเรื่องขึ้น
แบบ...โอ๊ยยย เราชอบพระเอกเรื่องนี้มาก มันเป็นหนังแก๊งสเตอร์แต่มีฟีลโคตรเศร้าแฝงอยู่อ่ะ โดยเฉพาะกับตอนจบที่จบได้ดีมากๆ ในความคิดเรา กับการฉายภาพซ้ำเหตุการณ์เดิมในเรื่องแต่มีอีกมุมที่เราไม่เห็นนี่มันจุกมากๆ คิดถึงซีนนี้ทีไรก็เศร้าแปลกๆ อ้อ Soundtrack ก็ดีมากด้วยเหมือนกัน
The Chaser (2008)
เป็นหนังไล่ล่าฆาตกรต่อเนื่องที่โคตรดีอีกเรื่องของเกาหลี หนังพูดถึงคนคุมซ่องคนหนึ่งที่ส่งหญิงบริการไปให้ลูกค้า แต่เขามาเอะใจได้ว่าไอ้เจ้าลูกค้าคนนี้มันเป็นคนเดียวกันกับที่ทำให้เด็กในซ่องเขาหายตัวไปหลายคนนี่หว่า
หนังมันชวนลุ้นแล้วอีฆาตกรก็จิตมาก เราชอบตรงที่ใส่ความมีปมให้ตัวละคร มันทำให้ดูสมจริงเข้าไปอีก แถมตัวละครในเรื่องก็เป็นสีเทาๆ มันดูเป็นมนุษย์ดีอ่ะ
ในเรื่องจะมีลูกสาวของเหยื่อที่ต้องมาติดสอยห้อยตามพระเอกด้วย ถือเป็นการใส่ความอบอุ่นลงไปเล็กน้อย แก้อาการคลื่นเหียนจากฉากชวนแหวะในเรื่องได้พอดี
เรื่องนี้
เรา-แนะนำ-ให้-ไป-ดู! ต้องดูเลย มันดีมาก มันเป็นหนังฟิล์มนัวร์ที่โคตรดี ไม่เสียชื่อผู้กำกับบงจุนโฮสักนิด (
อ่านคอนเทนต์แนะนำหนังน้ำดีของบงจุนโฮได้เลยนะ) เราว่าถ้าทุกคนได้ดูกันก็น่าจะชอบเหมือนเรานั่นแหละ
หนังพูดถึงป้าคนหนึ่งที่ต้องเลี้ยงลูกชายไม่เต็มเต็ง แล้วจู่ๆ วันหนึ่งตำรวจดันมาจับลูกชายไปด้วยข้อหาฆาตกรรม แถมอีลูกชายสติไม่ดียังโดนตำรวจหลอกล่อให้รับสารภาพ คนเป็นแม่จึงต้องลงทุนลงแรงสืบหาความจริงด้วยตัวเอง
หนังมันเจ๋งตรงที่นำเสนอการสืบสวนแบบป้าแก่ๆ นี่แหละ มันไม่มีทางถูกผิดที่แท้จริงไง มีแบบที่ไปผิดทางหรือเข้าใจผิดคนเหมือนกัน แต่เราชอบความฟิล์มนัวร์ของหนังที่เอาจริงก็คือไม่มีตัวละครตัวไหนมีด้านสว่าง ทุกคนเป็นสีเทาทึมๆ กันทั้งนั้นแม้กระทั่งตัวป้าเอง อีกอย่างนะคุณ...ใครชอบหนังภาพสวยดูเรื่องนี้ได้เลย กำกับภาพดีมาก เลิฟ
หนังเรื่องนี้ก็เป็นแนวล้างแค้นอีกแล้ว เพียงแต่ตัวเอกเป็นผู้หญิง และเราคิดว่าหากใครที่รับความรุนแรงไม่ได้ไม่ควรดูเรื่องนี้นะ เพราะเลือดสาดพอควรทีเดียว
ตัวหนังจะพูดถึงผู้หญิงคนหนึ่งที่อาศัยอยู่กับสามีบนเกาะที่ห่างไกล และเธอถูกสามีทำร้ายร่างกายอยู่ตลอดเวลา ทั้งการตบตีและการใช้เป็นเครื่องมือสนองอารมณ์ทางเพศที่รุนแรง จนกระทั่งวันหนึ่งเธอพยายามจะพาลูกหนี แต่เกิดเหตุการณ์บางอย่างขึ้นทำให้เธอคลุ้มคลั่ง และคนบนเกาะนี้ก็ไม่ปลอดภัยอีกต่อไป หึๆๆ
หนังเรื่องนี้เน้นการแสดงออกถึงความคิดล้าหลังที่ว่าชายเป็นใหญ่ จะทำอะไรก็ถูกต้องเสมอ แถมยังมีเรื่องของศีลธรรม การทารุณทางเพศ และการเป็นชุมชนปิดปากที่น่าสนใจอีกด้วย
I Saw the Devil (2010)
หนังล้างแค้นเกาหลีอีกแล้วจ้า เรื่องนี้เป็นเรื่องดังเลยนะ แต่แน่นอนว่ามีภาพของความรุนแรงเหมือนกัน
หนังเรื่องนี้เกี่ยวกับตำรวจคนหนึ่งที่ตามไล่ล่าฆาตกรที่ฆ่าภรรยาซึ่งกำลังตั้งครรภ์ของเขาอย่างโหดเหี้ยม พล็อตเรียบๆ แบบนี้แหละ แต่ตัวหนังใส่ความรุนแรงเข้าไปไม่น้อย ซึ่งแน่นอนว่าการกระทำของตัวละครนั้นมีเหตุผล ไม่ว่าจะทั้งตัวพระเอกเองหรือตัวฆาตกรเองก็ตาม ทั้งหมดนี้จะเกี่ยวข้องกับปมทางจิตวิทยาอยู่มากโขเลย
ยิ่งกว่านั้นคนที่มารับบทพระเอกคือพระเอกจากเรื่อง A Bittersweet Life ส่วนฆาตกรต่อเนื่องรับบทโดยพระเอกจาก Oldboy คิดเองละกัน (ฮ่าๆๆ)
The Man from Nowhere (2010)
เราจะบอกไงดีล่ะ...หนังเรื่องนี้มันคือ Léon: The Professional เวอร์ชั่นเกาหลีอ่ะคุณ ถ้าใครชอบความสัมพันธ์แนวๆ นั้นก็น่าจะโอเคกับเรื่องนี้นะ
สำหรับหนังเรื่องนี้จะเป็นเรื่องราวของอดีตตำรวจที่มาเปิดร้านจำนำของเงียบๆ คนเดียว ไม่สุงสิงกับใครที่ไหน คนเดียวที่ชอบพูดกับเขาคือเด็กหญิงที่อยู่ห้องข้างๆ แต่วันหนึ่งเด็กคนนี้ถูกจับตัวไป เขาเลยต้องตามไปช่วยเหลือเพื่อพาตัวเธอกลับมา
โอ้โห มันแบบ...บู๊นะ เป็นหนังแอคชั่นที่ชวนระทึกและน่าติดตามเพราะมันมีซีนตื่นเต้นเยอะมากแถมยังไม่ได้เอะอะใส่ๆ จนคนดูเอียน นอกจากนั้นยังมีความอบอุ่นบางๆ จากสายใยของสองตัวละครหลักนี่แหละ ลีอองเกาหลีไง อืมๆ
อืม...ตอนแรกเราไม่รู้จักหนังเรื่องนี้ แต่ในวิชา Life and Privacy ที่ได้เรียนตอนอยู่มหาลัย อาจารย์เปิดเรื่องนี้ให้ดู (อ้อ ใช่ค่ะ มีวิชานี้จริงๆ 5555) อาจารย์เปิดเรื่องนี้ให้ดูแล้วก็ทำให้อารมณ์ของเด็กทั้งคลาสหม่นไปตามๆ กันเลย
หนังเรื่องนี้พูดถึงครูหนุ่มคนหนึ่งที่ย้ายไปสอนที่โรงเรียนสอนคนพิการทางการได้ยินซึ่งตั้งอยู่ในที่ห่างไกล แต่พอเขาได้เข้าไปคลุกคลีกับที่นั่นจริงๆ ก็ได้รู้ว่า แท้จริงแล้วสถานที่แห่งนี้ไม่ได้ช่วยเหลือเด็กพิการเหล่านั้น แต่มันคือนรกต่างหาก
ตัวหนังว่าหม่นแล้ว พอรู้ว่าสร้างมาจากเรื่องจริงก็ยิ่งหม่นไปใหญ่เลย แน่นอนว่าการสร้างหนังเรื่องนี้ขึ้นมานั้นก็เพื่อต้องการตีแผ่วงการการศึกษาและกระบวนการยุติธรรมนี่แหละ ถ้าคิดภาพไม่ออกลองนึกถึงการที่คุณเป็นเด็กคนหนึ่งที่พิการทางการได้ยินแล้วถูกผู้ใหญ่ทารุณทางเพศสิ คุณฟ้องใครไม่ได้ และไม่มีความช่วยเหลือใดๆ เข้ามาหาคุณ นั่นแหละนรกล่ะ
Children… (2011)
หนังเรื่องนี้สร้างมาจากเรื่องจริงอีกเหมือนกันจ้า เป็นดราม่าสืบสวนที่ดูเพลินได้อีกเรื่องหนึ่งเหมือนกัน โดยหนังเรื่องนี้จะพูดถึงเด็กนักเรียนประถมห้าคนที่ยกพวกกันไปเที่ยวบนภูเขา แต่ว่าหลังจากนั้นเด็กๆ กลับหายตัวไปไม่มีใครหาเจอ
เรื่องจริงที่เจ็บปวดกว่านั้นคือพ่อแม่ที่ไม่ลดละความพยายามในการตามหาตัวลูกและเชื่อว่าพวกเขายังมีชีวิตนี่แหละ หนังเรื่องนี้จะพูดถึงในมุมมองนั้นและการสืบสวนในแบบท้องถิ่นที่เป็นธรรมชาติ รวมถึงทฤษฎีต่างๆ ที่หลายฝ่ายพูดถึงกันเกี่ยวกับการหายตัวไปของเด็กๆ ว่ามีเบื้องลึกเบื้องหลังยังไงกันแน่
ปิดท้ายพาร์ทแรกด้วยหนังเรื่องนี้เลย เราดูครั้งแรกกับที่บ้าน จำได้ว่าตอนนั้นทุกคนลุ้นกันมาก ลุ้นแบบสุดๆ เพื่อเอาใจช่วยนางเอกของเรื่อง เพราะนางเอกเรื่องนี้ "ตาบอด" แต่เจ้าตัวดันไปมีส่วนเกี่ยวข้องกับฆาตกรต่อเนื่องเข้าเลยถูกอีกฝ่ายตามล่า
หนังมันสูตรตลาดมากๆ แต่คุณเอ๋ยยย มันโคตรลุ้น หนังมันสนุกตรงที่หยิบเอาความบกพร่องทางการมองเห็นของนางเอกมาขยี้นี่แหละ เราพูดได้เลยว่าหนังมันระทึกสุดๆ และมีปมที่ชวนให้ติดตามตลอดทั้งเรื่องจริงๆ
นอกจากนั้นซีนที่เราโคตรประทับใจและเป็นซีนที่ทุกคนลุ้นกันสุดๆ ลุ้นแบบจิกหมอนคือซีนไล่ล่าในสถานีรถไฟ นึกภาพผู้หญิงตาบอดคนหนึ่งที่ต้องหนีฆาตกรต่อเนื่องโดยที่ตัวเองมีตัวช่วยแค่หมานำทาง วิดีโอคอล และสติ สิ
เอาล่ะ สำหรับวันนี้จัดไปประมาณนี้ก่อนแล้วกัน ดึกแล้วไม่รู้มีใครอยู่อ่านหรือเปล่า แต่จู่ๆ ก็มีอารมณ์อยากเขียนขึ้นมาอ่ะเนอะ (ฮ่าๆๆ) พาร์ทต่อไปจะเร่งเขียนในวันสองวันนี้แน่นอน เลือกเรื่องที่ถูกใจแล้วตามเก็บไปช้าๆ ได้เล้ยยย
เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น
Log in