"ได้ๆ ไว้เย็นนี้เจอกันนะ ไหวใช่มั้ย โอเค มีอะไรก็โทรมาหาพี่นะ โอเค เจอกัน" ภพธรถอนหายใจเบาๆแล้วกดวางสาย ก่อนจะหันไปนั่งลงบนโซฟากับชนกันต์
"เป็นไร ทำไมหน้าเครียดงั้นอะ" ชนกันต์ถามเมื่อเห็นสีหน้าที่ไม่ค่อยดีของพี่ตัวเอง ภพธรถอนหายใจแล้วตอบอีกคน
"จำธนนท์ได้ใช่มั้ย"
"อื้ม"
"เขาเลิกกับคนชื่อรณเดชแล้วล่ะ ร้องไห้ใหญ่เลย เขาบอกว่าเขาโดนบังคับให้บอกเลิก ทั้งๆที่ไม่อยากเลิก นี่เลิกมาหลายวันแล้วนะเนี่ย พี่ก็เพิ่งรู้"
"ห๊ะ ใครบังคับ"
"เขาบอกว่าญาติของรณเดชเป็นคนบอกให้เขาเลิก เพราะเหตุผลอะไรเนี่ย พี่ก็ไม่แน่ใจ เอาจริงๆ พี่สงสารธนนท์ว่ะ" ภพธรพูด
"เออ ตอนนั้นพี่บอยพูดเหมือนเขารู้จักรณเดชใช่มะ"
"ผมจำไม่ได้หรอก"
"ตอมลองทักพี่บอยไปให้หน่อยดิ ให้เขาช่วยคุยกับรณเดชหน่อย"
"...เพื่ออะไรอะ ไม่เอาอะ" ชนกันต์ขมวดคิ้ว เขาไม่มีทางทักผู้ชายคนนั้นไปอีกเป็นอันขาด
"อย่างน้อยรณเดชก็จะได้เข้าใจว่าธนนท์ไม่ได้อยากเลิกแต่โดนบังคับไง คิดดูนะ ถ้ารณเดชเขาคิดว่านนท์ทิ้งเขาจริงๆ แล้วรณเดชเป็นคนที่ดูอันตรายอย่างที่พี่บอยเขาว่าอะ นนท์อาจจะถูกฆ่าหมกห้องได้เลยนะ" ภพธรพูดอย่างเป็นห่วง ส่วนคนฟังข้างๆก็หัวเราะเบาๆ
"พี่ก็คิดมากเกิ้นน"
"คิดมากแต่ก็ดีกว่าเกิดเรื่องแย่ๆขึ้นมั้ยล่ะ" ภพธรตอบ นิ่งๆแสดงให้เห็นถึงความจริงจังกับสิ่งที่เขาขอน้องชายไป ชนกันต์เงียบไปพักหนึ่งแล้วหยิบมือถือขึ้นมาเปิดไลน์แล้วเลื่อนหาแชทของชายที่ชื่ออนุวัฒน์ขึ้นยอดค้างไว้ถึง10กว่าข้อความ
อีกคนคงคิดว่าเขาลบไลน์หรือบล็อกทิ้งไปแล้วล่ะ
ก็ได้วะ
(เย็นนี้ว่างมั้ย ผมไปหาที่ร้านนะ มีเรื่องจะคุยด้วย)
ชนกันต์พิมพ์ไปแล้วเปิดจอทิ้งไว้ แน่นอนว่ามันขึ้น read ภายในไม่กี่นาที เพียงแต่คราวนี้มันไม่เหมือนเดิมตรงที่อีกฝั่งไม่แม้แต่จะส่งสติ๊กเกอร์กลับมา
------------------------------
18:00
ฝั่งชนกันต์
"ว่าไง" เสียงทุ้มดังขึ้นเพื่อเริ่มบทสนทนา หลังจากบรรยากาศในห้องเงียบสนิท อนุวัฒน์พิงโต๊ะทำงานของตัวเองแล้วกอดอกถามอีกคนที่รู้ดีอยู่เต็มอกว่า ชายตัวสูงตรงหน้ากำลังมีสีหน้าไม่ค่อยพอใจเขาเท่าไหร่นัก
"ผมมาคุยเรื่องรณเดช คือญาติของคนชื่อรณเดชบังคับให้นนท์บอกเลิก คุณช่วยไปบอกคนชื่อรณเดชได้มั้ย เผื่อเขาจะเข้าใจผิด จะได้ไม่ทำร้ายนนท์เค้า"
"มีแค่นี้ใช่มั้ยที่จะคุย"
"...." เมื่อคนตัวเล็กไม่ตอบ อนุวัฒน์จึงลุกออกจากโต๊ะและหวังจะจบบทสนทนา ทว่าอะตอมกลับพูดขึ้นเรียกร่างสูงให้หยุดเดิน
"มีคนส่งจดหมายมาหาผม"
"...."
"เขาบอกผมเป็นแค่หนึ่งในของเล่นที่พี่เล่น" ชนกันต์พูดพร้อมดึงถุงกระดาษออกมาแล้ววางทิ้งไว้บนโต๊ะ ก่อนจะหันไปเผชิญหน้ากับบอย
"พี่จะว่าไง"
"...."
"...."
"...."
"ผมเป็นแค่ของเล่นจริงๆใช่มั้ย" อะตอมพูดด้วยน้ำเสียงที่ดังขึ้น หนักขึ้น สีหน้าของชายผิวขาวผอมเปลี่ยนไปทันทีเมื่อเห็นว่าในดวงตากลมกำลังสั่นคลอน
"ไม่ ไม่ใช่แบบนั้นนะ" บอยตอบ
"ถ้าเป็นคนอื่นอาจจะใช่ แต่สำหรับอะตอม มันไม่ใช่.."
"แล้วพี่มีอะไรมายืนยันว่าพี่ไม่ได้มองผมแบบนั้น" อะตอมถามต่อ ทว่าอีกคนกลับใช้ความเงียบเป็นคำตอบ และนั่นก็เพียงพอสำหรับชนกันต์แล้ว
"โอเค" ชนกันต์พยักหน้าแล้วเดินสวนออกจากห้องไป เป็นครั้งแรกที่ไม่ได้รู้สึกแบบนี้มาเนิ่นนาน ความรู้สึกจุกแน่นในอก ความรู้สึกเจ็บชาจนน้ำตาคลอแต่ก็ไม่อยากร้องไห้ ความรู้สึกอึดอัด โกรธจนอยากต่อยหน้าอีกคนให้รู้แล้วรู้รอด
แต่ก็ช่างมันเหอะ
ผมโง่เอง
-----------------------
21:00น.
"เราโอเคจริงๆใช่มั้ย"
"ครับพี่ ขอบคุณนะครับ" ธนนท์ยกมือไหว้ขอบคุณคนที่อายุมากกว่า หลังจากภพธรขับรถมาส่งถึงบ้าน
"จริงๆพี่ไม่ควรถามเราเลยว่าโอเคมั้ย ตาบวมขนาดนี้ 55555" ภพธรหัวเราะแล้วเดินกลับไปขึ้นรถ
"มีอะไรก็โทรหาพี่ได้ตลอดนะ สู้ๆ"
"ครับ ขอบคุณอีกครั้งนะครับ" เด็กตัวสูงยิ้มบางๆแล้วยืนโบกมือให้อีกคนที่ขับรถออกไป ก่อนจะเดินกลับเข้าบ้าน
คืนนี้น่าจะนอนหลับลงบ้างแหละนะ
เหนื่อยชะมัด
ธนนท์เอื้อมมือไปเปิดไฟ แต่เขาสังเกตเห็นว่าไฟในห้องนั่งเล่นเปิดอยู่ทั้งๆที่ไม่มีใครอยู่บ้าน
เราลืมเปิดไฟเหรอวะ?
เอ๊ะ หรือ....โจร?
เด็กหนุ่มคว้าไม้กวาดที่พิงอยู่ข้างผนังมาเป็นอาวุธติดตัวทันที ในใจก็เตรียมมือถือพร้อมที่จะกดโทรออกหาตำรวจแล้ว แต่เขาขอเช็คก่อนว่าอะไรที่กำลังอยู่ในบ้านของเขา
เอาวะ เป็นไงเป็นกัน
ฟึ่บ!
ธนนท์เดินเข้าห้องนั่งเล่นแล้วหันไปมองยังโซฟาทันที ภาพที่เห็นคือชายคนหนึ่งกำลังนั่งไขว่ห้างรออยู่ที่โซฟาสีน้ำตาล และนั่นก็ทำเอาใจของเขาตกวูบลงกับพื้น
"พี่.."
"กลับมาซักทีสินะ" เสียงและคำพูดที่เปลี่ยนไปทำเอาคนฟังกระตุกวาบในอก ธนนท์ยังกำไม้กวาดแน่นแนบติดตัว เอาจริงๆ หลังจากที่เขาบอกเลิกไป เขาก็กลัวมาตลอดว่าอีกฝ่ายจะส่งคนมาฆ่าเขามั้ย
วันนี้เขาตายแหงๆ
"พี่แหนมมีอะไรรึเปล่าครับ? แล้วพี่เข้ามาได้ยังไง.."
"เราเคยให้กุญแจสำรองกับพี่เอง ลืมไปแล้วเหรอ"
เออว่ะ
"อ..อ่า ใช่ แหะ ผมลืม"
"แปลกดี เลิกกันไปไม่ถึงอาทิตย์ ลืมไปหมดซะละ" แหนมลุกขึ้นเดินไปดูตู้ปลาแล้วพูดยิ้มๆ แต่คำพูดเหล่านั้นกลับเสียดแทงหัวใจของเด็กหนุ่มจนอยากร้องไห้อีกรอบให้รู้แล้วรู้รอดเสียเหลือเกิน นนท์กำไม้กวาดแน่นจนสั่นเพราะมันเป็นเครื่องมือเดียวที่เขาใช้ระบายอารมณ์อึดอัดในตอนนี้ได้
"แล้วตกลงพี่มีอะไรเหรอครับ"
"พี่มาถามครั้งสุดท้าย เพื่อความแน่ใจ" ร่างสูงหันมาเผชิญหน้ากับอีกคน แล้วยืนกอดอกถาม
"ตกลงเราคิดจะเลิกกับพี่จริงๆใช่มั้ย?" ธนนท์รู้สึกเหมือนมีอะไรมาจุกเข้าที่อก ความรู้สึกเย็นวาบแผ่ซ่านไปทั่วร่างอีกครั้ง นี่เขาต้องพูดคำแย่ๆออกไปอีกแล้วเหรอ
"อ่า.."
"คราวนี้มองหน้าพี่ดีๆ" เสียงทุ้มพูดแกมสั่งพร้อมกับเดินเข้าหาเด็กตรงหน้าจนเด็กหนุ่มประหม่า
"มองหน้าพี่แล้วพูดว่าอยากเลิกกับพี่สิ แล้วคราวนี้พี่จะไม่กลับมาจริงๆ" รณเดชพูดเรียบๆแต่แฝงไปด้วยความคมหนัก ธนนท์ได้แต่เม้มปากแล้วพยายามมองหน้าอีกคน
เขาจะพูดยังไงไม่ให้ร้องไห้ล่ะ
ทำยังไงดี
"ว่าไง"
"ผม..ผมไม่.." เด็กตัวสูงรู้สึกถึงความร้อนแผ่ซ่านไปทั่วใบหน้าจนชา แก้มสีแทนเปื้อนแดงจากเลือดที่สูบฉีด มือของเขาเย็นเฉียบจากความกลัวแต่ภายในกลับร้อนวาบจากความตึงเครียด และกดดันจนเหมือนจะเป็นลม เขาไม่รับรู้อะไรอีกแล้วว่าตอนนี้เขากำลังมีสีหน้าแบบไหน กำลังทำหน้ายังไง
น้ำตาไหลรึยัง เขายังไม่รู้เลย
ธนนท์ตัดสินใจพูดออกไปด้วยน้ำเสียงสั่นอย่างเห็นได้ชัด พร้อมกับช้อนตามองชายตรงหน้าทั้งๆที่น้ำตาคลอเอ่อจนเห็นภาพไม่ชัด
"ผมไม่..ได้รัก"
"เข้าใจแล้ว" จู่ๆ รณเดชก็ตอบแทรกขึ้น ธนนท์ไม่เห็นว่าคนอายุมากกว่ากำลังมีสีหน้าที่ค่อนข้างจะตกใจปนประหลาดใจ ก่อนจะเปลี่ยนเป็นสีหน้าปกติดังเดิม เนื่องจากน้ำตาบดบังจนแว่นเบลอ แหนมเดินสวนทางกับธนนท์ที่ยังคงยืนอยู่กับที่และกำไม้กวาดแน่น ก่อนที่ความมืดจากฝ่ามือปริศนาจะครอบดวงตาที่มีแว่นบดบังและปิดปากจากทางด้านหลัง เด็กหนุ่มดิ้นและร้องอื้ออึงทันทีแต่กลับสู้แรงจากคนตัวใหญ่กว่าจากด้านหลังไม่ไหว กลิ่นหอมจางๆลอยเตะจมูกกล่อมประสาทให้เขาเริ่มเข้าสู่ห้วงนิทรา เสียงและภาพสุดท้ายที่ธนนท์เห็นและได้ยินก่อนที่เขาจะสลบไป คือภาพของรณเดชยืนคุยกับชายตัวสูงใหญ่ในชุดสูทประมาณ2-3คนที่กำลังถือกระเป๋าเดินทางสีดำใบใหญ่แล้วหันหน้ากลับมามองเขาที่นอนอยู่กับพื้น ก่อนที่ทุกอย่างจะดับสนิท
"พาตัวเขาไป"
-----------------------
วันต่อมา
"อะตอม? เฮ้ย อะตอม!"
"ห๊ะ ว่า?" เจษดีดนิ้วปลุกสติคนนั่งเหม่อจนสะดุ้ง ก่อนจะถามด้วยน้ำเสียงหงุดหงิด
"มึงเป็นเหี้ยไรอีกเนี่ยห๊ะ"
"กูแค่คิดอะไรเรื่อยเปื่อย"
"คิดเรื่อยเปื่อยหรือคิดถึงพี่บอย?" แอมมีเท้าคางถามพร้อมกับยกแก้วกาแฟขึ้นดื่ม
"สัส กูบอกกี่ครั้งแล้วไม่ต้องพูดชื่อเขา" อะตอมขมวดคิ้วอย่างไม่พอใจ เขาไม่อยากได้ยินชื่อคนแบบนั้น
"อ่ะๆ ไม่พูด แต่มึงก็ยอมรับหน่อยดิวะว่ามึงคิดถึงพี่เขาอยู่อะ ไม่งั้นมึงไม่มานั่งซึมเป็นส้วมงี้หรอก" ชายหน้าหวานหยุดแซวแล้วเอื้อมมือไปตบบ่าอีกคนเบาๆคล้ายกับให้กำลังใจ
"ให้เวลามันหน่อยมึง รู้จักกันมาตั้งนาน จะให้ลืมภายในสองชั่วโมง มันเป็นไปไม่ได้หรอก" เจษพูดอย่างเข้าใจก่อนจะยื่นมือไปรับอาหาร
"พอ หยุดดราม่า มากินได้ละ"
"กูไม่หิวอะ" อะตอมพูด
"ช่วงนี้กูปวดท้อง ไม่ค่อยอยากกินไรเลย"
"ไปทำไรมาปวดท้อง"
"ไม่รู้ แต่แบบ..ปวดอะ มันมวนๆไงไม่รู้"
"มึงแค่ปวดขี้ป่าว" เจษหัวเราะ
"แต่กูไม่ขี้ไง ไม่อยากกินอะไรแบบนี้ด้วยอะ กูว่าเหม็น เหม็นไปหมดเลย" ชนกันต์พูดพร้อมกับชี้อาหารตรงหน้าที่เป็นคะน้าผัดน้ำมันหอย เจษก็พยักหน้าอย่างไม่คิดอะไร แต่แอมมีกลับหยิบมือถือขึ้นมาเล่นสักพัก แล้วพูดอะไรบางอย่างที่ทำเอาคนฟังเครียดหนักกว่าเดิม
"เฮ้ย ตอม มึงท้องปะวะ?"
"ห๊ะ"
"เนี่ยกูเสิร์ชหาอาการ มึงเหมือนคนท้องสัส"
"สัสไม่มีทาง กูใช้ถุงยางตลอด" อะตอมเถียง
"ใช้ถุงยาง แล้วมึงกินยาคุมฮอร์โมณมึงบ้างรึเปล่า" เจษเคี้ยวอาหารตุ้ยๆแล้วถาม ใช่ มันก็อารมณ์เดียวกันกับผู้หญิงที่ต้องกินยาคุมไว้ก่อนเหมือนกันน่ะแหละ
แต่เขาไม่ได้กินไง
"....."
"ตรวจมั้ยมึง" แอมมีหันไปมองหน้าเพื่อนอย่างเป็นห่วง
"ล่าสุดที่มึงนอนกับพี่บอยคือวันไหน" เจษถาม
"ประมาณสิ้นเดือนที่แล้ว"
"ช่วงนั้นมันช่วงที่มึงกำลังจะเข้าฮีทนี่"
"งั้นก็ไม่ท้องดิ มันไม่ได้เป็นช่วงฮีทอะ" อะตอมขมวดคิ้วแล้วนวดขมับตัวเอง เผื่อว่าจะช่วยลดความเครียดลงได้บ้าง
"บางทีมึงอาจจะแค่เครียด นอยด์จนทำให้ร่างกายผิดปกติก็ได้เว่ย" แอมมีพูดแล้วหันไปตักข้าวให้เพื่อนตัวเอง ทว่าอะตอมกลับหยิบกระเป๋าตังค์แล้วลุกออกจากโต๊ะไป
"เฮ้ย มึงไปไหน"
"เดี๋ยวกูมา กูไปร้านยาแปป" ชนกันต์พูดแล้วเดินข้ามถนนไปยังร้านขายยาที่ตั้งอยู่ตรงข้าม ปล่อยเพื่อนสองคนนั่งงงๆอยู่ที่เดิม
ใช่
เขากำลังไปซื้อที่ตรวจครรภ์
Tbc
เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น
Log in