/ 03 /
13 - 29 กรกฎาคม พ.ศ. 2563
ครึ่งเดือนหลังกรกฎาคมเป็นช่วงที่ทำงานหนักที่สุดเลยก็ว่าได้ เพราะสัปดาห์นี้เริ่มสอนศิลปะเด็ก ๆ อย่างจริงจังมากขึ้น มากขึ้นกว่าสัปดาห์ที่แล้วซะอีก สอนตั้งแต่อนุบาล 1 จนถึง อนุบาล 3 สอนเสร็จก็ต้องรีบไปเตรียมอุปกรณ์สอนศิลปะตอนบ่ายจนถึง 5 โมงเย็น พอกลับถึงบ้านก็เผลอหลับยาว เรียกว่าเป็นช่วงครึ่งเดือนแห่งการทำงานจริง ๆ
แต่ถามว่าสนุกไหม?
ก็ขอตอบด้วยความสัตย์จริงว่า "สนุกมาก และมีความสุขมาก"
อาจเพราะว่าเราสนิทกับเด็ก ๆ มากขึ้น เพราะเจอกันบ่อยครั้ง ทำให้เรา และเด็ก ๆ สนิทกันไว รวมถึงมีเรื่องเล่าต่าง ๆ มาเล่าให้กันฟังเสมอ ตั้งแต่เรื่องขนม นิทาน หรือแม้แต่เรื่องในชีวิตประจำวันว่าวันนี้พวกเขาเจออะไรบ้าง
บางคนก็เล่าว่าวันนี้มีแฟนแล้วนะ ตั้งสองคนเลย (ซึ่งจริง ๆ แล้วแฟนที่เจ้าจิ๋วว่าก็คือคุณครูประจำชั้นที่ใจดีของเขาน่ะแหละ ใครใจดีก็บอกเป็นแฟนหมดเลย 555555)
บางคนก็เล่าว่าที่บ้านน่ะมีขนมเยอะเลยนะคุณครู กินไม่ไหวเลย
บางคนก็เล่าว่าเนี่ยเพลงที่คุณครูเปิด เหมือนเพลงที่คนขับรถที่บ้านหนูเปิดเลย
หรือแม้กระทั่งเล่าว่าวันก่อนไปไหน และปิดท้ายว่า คิดถึงครูนะ
น่ารักชะมัดพวกจิ๋ว ✿ ´ސު`
การเรียนพิเศษศิลปะตอนเย็นกลายเป็นช่วงเวลาที่เราชอบมากที่สุด เพราะเราจะมีโอกาสได้สอนเด็ก ๆ ระบายสี รวมถึงแลกเปลี่ยนเรื่องเล่าให้กันฟังระหว่างเรียน
เราพูดคุยกันระหว่างที่สอนเจ้าจิ๋วระบายสี
และนั่งฟังเจ้าจิ๋วร้องเพลงโปรดของเขาตอนทำงาน
เรามักจะถามพวกจิ๋วเสมอว่าชอบสีอะไร และแนะนำสีให้เขาระบาย มากกว่าจะบังคับให้เขาระบายสีนั้น ๆ โดยตรง เพราะการแนะนำทำให้เราได้รู้ถึงความคิดเห็นของเด็ก ๆ ต่อสีนั้น ๆ เช่น
"เอาสีชมพู หม่าม้าชอบสีชมพู"
เป็นต้น
อาจไม่ใช่ทุกคนที่เชื่อคำแนะนำของเรา บางคนก็ใจร้อน เลือกระบายสีตามใจตัวเอง แต่เราไม่ได้มองว่าเขาทำผิดหรอกนะ เขาอาจจะอยากใช้สีนั้นจริง ๆ และคิดว่ามันสวยสำหรับเขา ตัวเราเองก็ค่อยไปแนะนำเขาทีหลังว่าควรใช้สีไหน
ตอนแรกเราคิดว่าเราควรจะปล่อยไปเลย ให้เด็กใช้จินตนาการ แต่พอได้แลกเปลี่ยนความคิดเห็นกับหัวหน้างานที่แสนใจดีของเรา ก็ทำให้เราฉุกคิดอะไรบางอย่างได้
" สำหรับพี่ ศิลปะในวัยนี้เป็นเรื่องของการลอกเลียนแบบมากกว่าจินตนาการนะ
พี่เชื่อแบบนั้น
ถ้าเขาเคยเห็นของจริง และรู้ที่จะเลียนแบบธรรมชาติก่อน
เดี๋ยวจินตนาการจะตามมาเอง "
เป็นความจริงอย่างที่หัวหน้างานว่าเด็กในวัยนี้ควรให้เขาเรียนรู้ธรรมชาติ และสังเกตธรรมชาติรอบตัวก่อน เมื่อนั้นเราเองก็เชื่อเหมือนกันว่าเด็ก ๆ จะเกิดจินตนาการที่ดีได้ ด้วยเหตุนี้งานศิลปะที่เด็ก ๆ ทำส่วนใหญ่จะเป็นเรื่องเกี่ยวกับธรรมชาติ ผลไม้ ท้องฟ้า ต้นไม้ ซึ่งเป็นสิ่งที่พวกเขาเคยเห็น และอยู่ใกล้ตัวพวกเขามาก ๆ
ลืมเล่าอะไรบางอย่าง หลังจากเรียนศิลปะเสร็จเราตัดสินใจว่าจะเล่านิทานวันละเรื่องให้พวกจิ๋วฟัง รวมถึงให้เจ้าจิ๋ววาดภาพให้เราเล็กน้อย ซึ่งนิทานที่เด็ก ๆ ส่วนใหญ่ชอบคือเรื่อง แมวน้อย 100 หมื่นชาติ พวกจิ๋วชอบใจมาก ล่าสุดสนิทกันจนนอนตักคุณครูฟังเลยนะ แล้วประเด็นยังเล่าไม่ทันจบเลย พวกจิ๋วรีบบอก “คุณครูขา หนูรักแมวมากเลยนะ หนูสงสารแมวจัง” พอได้ยินแบบนั้นเราก็หลุดขำพรืด จริงอย่างที่พวกจิ๋วว่า แมวในเรื่องน่ะน่าสงสารมาก ถ้าใครเคยอ่านคงจะรู้ว่าเจ้าแมวตัวเอกของเราน่ะ ตายมาแล้วหลายชาติ แต่ละชาติก็ตายได้น่าสงสารชะมัด ทั้งโดนลูกธนูปัก โดนหั่นครึ่ง โดนหมากัด โดนเชือกรัดคอ ถือเป็นการตายที่โหดมาก ถึงอย่างนั้นพวกจิ๋วบางคนก็ยังคงชอบ และพยายามเขย่าขาเราให้เล่าต่อจนจบ
สติ๊กที่เราซื้อมาแจกให้เด็ก ๆ ติดหลังฟังนิทานจบ
ครึ่งเดือนหลังกรกฎาคมก็ไม่ได้ใจร้ายซะหน่อย ออกจะน่ารัก และสนุกเชียวล่ะ วันหลังถ้ามีเวลา สัญญาว่าจะหานิทานสนุก ๆ ไปเล่าให้พวกหนูฟังกันอีกนะเจ้าจิ๋ว ·͜ ·♡
จริง
เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น
Log in