เรานั่ง metro ไปลงสถานี Central Train Station แล้วเดินต่อไม่เกิน 5 นาทีก็ถึงค่ะ
ลงเรียนวิชา Get to know Finland แล้วมีการบ้านให้ไปฟัง audio guide จากเว็บของ Ateneum เลยได้รู้จักรูปภาพสวยๆและน่าสนใจหลายภาพจนอยากไปเห็นของจริงด้วยตา บวกกับเข้าไปหน้าแรกของเว็บแล้วเจอว่ามี 2 exhibition นี้อยู่พอดี
อันแรกคือนิทรรศการรูปภาพดังๆจาก Duckberg ว่าง่ายๆคือการเอารูปภาพดังๆในฟินแลนด์มาวาดเป็นเวอร์ชั่นของ Donald Duck! แค่นี้ก็น่าสนใจมากกกกกกกกแล้ว แล้วยิ่งนิทรรศการที่สอง คือของ Von Wright Brothers สามพี่น้องศิลปินที่วาดรูป landscape และธรรมชาติต่างๆของฟินแลนด์ ที่เด่นๆเลยคือการวาดรูปสัตว์ปีก (นก เป็ด หงส์ ต่างๆ) แล้วก็พวก scientific illustrations ของสัตว์และพืชต่างๆ แล้วยังมีการสตาฟสัตว์ไว้ด้วย คือเรียกได้ว่าเป็นผู้ทรงคุณวุฒิต่อวงการศิลปะและวิทยาศาสตร์มาก
แล้วสองนิทรรศการมาจัดเวลาเดียวกันแบบนี้ ยังไงก็ต้องไปดูให้ได้ๆๆๆๆ
(หมายเหตุ: สองนิทรรศการนี้หมดไปแล้วนะคะ วันสุดท้ายคือวันที่ 25 ก.พ. 2018 เราไปมาวันที่ 23 ค่ะ)
โอ้โหหหหหห บอกได้เลยว่าประทับใจมากกกกกกกก เริ่มที่ตัวตึกก็สวยคลาสสิคแล้วอ่ะค่ะ
สำหรับที่นี่ ค่าเข้าราคานักเรียนอยู่ที่ 13 ยูโร แต่เพราะเรามี Museum Card ก็เหมือนประหนึ่งว่าเข้าฟรีนั่นเองงงงง
ถ้ามีมิวเซียมการ์ดก็เอาไปยื่นที่เคาน์เตอร์ขายตั๋ว ก็จะได้สติกเกอร์มาติดอกหนึ่งอัน แล้วก็ ถ้ามีเป้ มีเสื้อโค้ท ก็เอาไปฝากในล็อกเกอร์ให้เรียบร้อยก่อนนะคะ แต่ของเรา เราใช้ drawstring backpack เอาเข้าได้ แต่ต้องสะพายไว้ข้างหน้าค่ะ
ตัวนิทรรศการจะเริ่มที่ชั้นสอง ต้องขึ้นบันไดไปอีกชั้น ซึ่งบันไดก็สวยอีกแล้ว ไม่มีรูปตอนขึ้น แต่มีรูปที่ถ่ายจากข้างบนลงมา ซึ่งก็สวยพอๆกันเลยนะะะ
ต้องขอบอกก่อนว่า หนึ่ง คงจะไม่ได้มีรายละเอียดของทุกห้อง ทุกรูปขนาดนั้น เพราะจำไม่ได้ (อ้าว) สอง รูป เราถ่ายจากกล้อง Samsung Galaxy S6 แล้วก็ลงเลยแบบไม่ได้แต่ง ก็อาจจะไม่ชัด ไม่คมไปบ้าง สาม พูดตรงๆคือเราเป็นพวกเซนส์หยาบ เสพงานอาร์ทไม่เป็น บอกได้แค่สวย ไม่สวย ตีความอะไรแบบนี้คือเกินความสามารถ ยังไงก็อย่าดุน้องเลยนะคะ ._.
อ่ะ มา เริ่มที่ห้องแรกกันเลย ห้องClassics
ห้องนี้ก็จะรวมพวกรูปภาพคลาสสิค ดังๆทั้งหลายแหล่ และเป็นห้องที่อยู่ในรูปบน cover ด้วย
และนี่คือความประทับใจแรกต่อมิวเซียมนี้
เขามีงาน Van Gogh ด้วยค่ะ!!
สารภาพว่าตอนแรกไม่รู้มาก่อน จนเพื่อนชี้ให้ดู นี่ยืนอ้าปากค้างเลย โคตรเป็นบุญตาอ่ะคุณ เราได้เห็นงานของศิลปินระดับโลกที่ได้ยินชื่อมาตั้งแต่เด็ก โหหหหหหห ใกล้ขนาดเห็นฝีแปรง เห็นสีสดๆ ใกล้จนถ้าจะเอื้อมมือไปจับก็แตะได้เลย (ตอนแรกเพื่อนนึกว่างานไม่จริงด้วยซ้ำ นางบอกว่าไม่มีทางที่เราจะได้เข้าใกล้งานVan Goghขนาดนี้5555555)
มาที่อีกงานที่เราชอบในห้องนี้
ขอโทษทีค่ะที่รูปมันเบี้ยวๆ พอดีมันอยู่สูง ต้องถ่ายมุมเสย ฮือออออออ
คือคุณ Edelfelt นี่ก็เป็นคนดังอีกคนของฟินแลนด์ เราชอบงานเขาตั้งแต่เห็นจากเว็บตอนทำการบ้านในคลาส เราชอบความงานละเอียด แสง เงาที่ทำให้มันรู้สึกละมุนๆ ยิ่งได้ไปเห็นงานของจริงเขาที่มิวเซียมในเมือง Porvoo ก็ยิ่งชอบ ไม่รู้จะอธิบายยังไง แต่ชอบสไตล์งานเขามาก รูปนี้เราก็ยืนดูอยู่นานเลย แปลกดีทั้งที่แค่เป็นรูปนี่แหละ แต่เรารู้สึกเหมือนยืนอยู่ที่หาดช่วงบ่ายๆเลย
และรูปนี้ก็มีสิ่งที่เราตั้งใจมาดูววววววว เวอร์ชั่น Duckburg!
ถ้าอยากรู้รายละเอียดมากกว่านี้ เชิญฟัง audio guide ที่นี่ ค่ะ
เราได้ยินเรื่องรูปนี้บ่อยมากๆๆๆๆตอนเรียนวิชา get to know finland พอได้มาเห็นของจริงเลยค่อนข้างตื่นเต้นมากทีเดียว (ถ่ายรูปคู่ไปด้วย5555555) แต่ สารภาพ เราไม่ได้ชอบรูปนี้มากเป็นพิเศษเท่าไหร่ค่ะ ;-; (แต่ก็มีแผนจะไปดูอีกเวอร์ชั่นของรูปนี้ที่เมือง Tampere นะ)
จริงๆในห้องนี้ก็ยังมีรูปเด่นๆของคุณ Ederfelt และศิลปินท่านอื่นๆอีก (มีรูปของ Edward Munchด้วย!) และมีรูปจาก Duckberg อีกหลายรูป แต่ถ้าให้เราเขียนทุกรูป เราต้องตายก่อน55555555555 ถ้าสนใจ ขอข้ามแล้วกันนะคะ
ไปที่ห้องถัดไปที่อยากพูดถึง
ห้อง Kalavala
คือ Kalevala เนี่ยเป็น Finnish National Epic จะพูดว่าเป็นวรรณคดีแห่งชาติของเขาก็ว่าได้ เป็นบทกลอน/บทเพลงเกี่ยวกับตำนานฮีโร่ วีรบุรุษ เวทมนต์ ธรรมะชนะอธรรม ประมาณนี้ และเป็นแรงบันดาลใจให้ศิลปินหลายท่าน แน่นอนว่าเราต้องได้เรียนมาแล้วในคลาสหลายรูป จริงๆคือเกือบทุกรูปในห้องนี้ เราก็เห็นผ่านจอมาหมดแล้ว พอได้มาเห็นของจริงก็คือเกือบพุ่งเข้าใส่5555555555555
ขอพูดถึงแค่สองรูปแล้วกัน เราไม่อยากให้เยิ่นเย้อ
รูปใหญ่มากกกกกกก ถ้าจำไม่ผิดเหมือนจะใช้ในงานWorld Expoหรืออะไรสักอย่าง อันนี้เป็นตำนาน Aino สาวงามที่ไม่อยากแต่งงานกับพ่อมดแก่ ก็เลยหนีลงน้ำไปเป็นภูติน้ำแทน แบบวาดของAinoในรูปนี้ก็คือภรรยาของศิลปินเองด้วย
คุณ Akseli Gallen-Kallela คนนี้เป็นหนึ่งในศิลปินผู้ยิ่งใหญ่ของฟินแลนด์ เขาวาดรูปจากตำนาน Kalavala ไว้หลายรูป แล้วก็รูปอื่นๆด้วย ก่อนมาที่นี่เราได้ไป Gallen-Kallela Museum มิวเซียมที่แปลงมาจากบ้านของเขามาแล้ว (นิทรรศการข้างในตอนนั้นเป็นเรื่องรอยสัก เราเลยเฉยๆค่ะ แต่ตัวมิวเซียมสวยมากกกก ถ้ามีเวลาอาจจะรีวิวค่ะ แค่ทางไปมิวเซียมก็สวยโคตรๆๆแล้ว) เราก็เลยสนใจมากเป็นพิเศษ และเราก็ไม่ผิดหวังค่ะ งานนี้ฟีลลิ่งยิ่งใหญ่มาก คือก็พูดอะไรไม่ค่อยเป็น แต่สวย สวยมากจริงๆค่ะ
งานที่สอง จากคุณ Akseli Gallen-Kallela คนเดิม
งานนี้เราลืมถ่ายรูปไว้ เพราะอะไรเดี๋ยวจะบอก555555555555 เอาเป็นว่า ขออนุญาตขอรูปจากเว็บของAteneum นะคะ
คร่าวๆคือเป็นเรื่องของLemminkäinen ชายหนุ่มที่ตายไปและแม่ของเขาก็พยายามมาชุบชีวิตเขา ถ้าอยากอ่านรายละเอียดมากกว่านี้ อยู่ในลิ้งข้างบนเลยค่ะ
ความน่าสนใจของรูปนี้ คือตอนจะวาด คุณGallen-Kallelaถ่ายรูปตัวเองเป็นแบบพระเอกในรูป และแม่พระเอกก็คือแม่ของเขาเอง ลงทุนถึงขนาดที่พูดเรื่องเศร้าๆกับแม่ จนทำให้แม่ร้องไห้ เพื่อจะได้วาดออกมาได้สมจริงที่สุด เราประทับใจมาก555555555
คือเราก็พูดไม่ค่อยเป็นอ่ะนะ แต่เราชอบความสีหม่นๆ แล้วก็การตัดขอบรูป ให้ความรู้สึกเหมือนเป็นรูปประกอบตำนานจริงๆ รูปอื่นของศิลปินคนนี้ที่เป็นธีมKalevala ก็จะสไตล์นี้หมดค่ะ
แน่นอนว่างานชิ้นเอกนี้ต้องมีรูปจาก Duckberg ด้วย55555555555 ขอยืมรูปอีกทีนะคะะ
แหะ รูปเล็กไปหน่อย รูปบนทางขวานะคะ ทางของ Duckberg ไม่ใช่แม่กับลูกค่ะ แต่เป็น Uncle Scrooge (ซึ่งเป็นเป็ดที่รวยที่สุดในโลก5555555555) กับ Donald Duck
จากเศร้าๆหันมาเห็นรูปนี้คือขำเลยอ่ะค่ะ ขำความจริงจังในการเขียนแคปชั่นมาก55555555555555
และ สิ่งนี้ๆๆๆ สิ่งที่ทำให้เราวี้ดว้ายจนลืมถ่ายรูปมา
โดยสรุปคือ ชอบที่นี่มากกกกกกกกกกก มาก มากกกกกกกกกกกก สารภาพว่าอยู่ไทยไม่เคยไปพวก art museum เลย หอศิลป์เคยไปครั้งเดียวคือไปดูนิทรรศการภาพถ่ายฝีพระหัตถ์ พอได้มาดูที่นี่แล้วประทับใจมาก คือดูงานอาร์ทไม่เป็นหรอก เซนส์หยาบ แต่ชอบจัง ดูแล้วรู้สึกเป็นคนจิตใจอ่อนโยน เป็นปัญญาชนขึ้นมา บางงานนี่ดูได้นานๆไม่เบื่อเลย อยากดูทุกรายละเอียด อยากรู้ว่าเบื้องหลัง กว่าจะมาเป็นรูปตรงหน้าเรา ศิลปินคิดอะไร ทำอะไรไปบ้าง
ว่าง่ายๆคือดูแล้วอิ่มใจ
ยิ่งเราเคยเรียนมาก่อนแล้วในคลาส พอได้เจอของจริงยิ่งฟิน ฟินมากในฟินแลนด์55555555555 //มุขเลมสุดๆ
อีกอย่างคือคนที่นี่ take museum seriously มาก อาจจะเพราะแต่ก่อนเราไปมิวเซียมที่อื่นก็ไม่ได้ตั้งใจดูคนที่ไปขนาดนั้น พอมานี่ถึงได้รู้สึกว่ามันเป็นที่ฮอทฮิตจริงๆนะ มีทั้งวัยรุ่น พ่อแม่พาลูกมา ทั้งเด็กเล็ก เด็กโต เด็กน้อยในรถเข็น (เด็กที่นี่เรียบร้อยด้วยแหละ ไม่ค่อยเจอวิ่งๆกรี๊ดๆเลย เดินตามพ่อแม่แจ5555555) คู่แฟนก็มี แก๊งสาวแซ่บ คนแก่ที่มากันเป็นคู่ มาคนเดียว ในรถเข็น มีหมดทุกประเภทจริงๆ
ยิ่งวันต่อมาเรากลับไปอีกรอบ เป็นวันสุดท้ายของนิทรรศการพอดีเลยกะว่าถ้ามีเวลาจะไปซ้ำ แต่คนเยอะมากกกกกกกกก แถวยาวขดไปขดมาหลายชั้นเลย
อาจจะเพราะที่นี่มาง่ายๆมากๆด้วยมั้ง จะมาด้วยmetro bus tram ได้หมดเลย public transportationของที่นี่ก็เอื้อให้เอารถเข็นมาได้ง่ายด้วย มีทางลาดให้ พอมาถึงที่นี่ก็มีทางลาด มีลิฟต์ให้เหมือนกัน
แต่จะเพราะอะไรก็ตาม เราประทับใจ และดีใจแทนเจ้าหน้าที่จริงๆค่ะ ;__;
ถ้าให้คะแนน เราให้ 4.5 / 5 จะให้มากกว่านี้ถ้ามีเครื่อง audio guide ให้เดินถือฟัง จะได้เข้าใจแต่ละงานมากขึ้น
แนะนำนะคะ ถ้าใครมาฟินแลนด์ แล้วพอมีเวลา แนะนำให้มา มาง่ายมากๆ ยิ่งถ้านั่ง tram มา มี stop จอดหน้ามิวเซียมเลย หาอ่านเรื่องพวกรูปภาพดังๆอะไรมาก่อนก็ดี พอมาแล้วจะได้อินเหมือนเราเนอะ
ก็ จบแค่ตรงนี้ก่อน แหะ เขียนนานมาก ข้ามวันก็ยังไม่เสร็จ ไม่คิดว่าจะมีรายละเอียดเยอะขนาดนี้ ใครที่อ่านมาถึงตรงนี้ก็ขอบคุณมากนะคะ แล้วถ้ามีเวลาจะมาเล่าถึงมิวเซียมที่ไปอีกนะ นี่เป็นครั้งแรกที่เขียนบล็อก ถ้ามีอะไรอยากติชม ก็ยินดีเสมอค่ะ
See you later!
ปล. สารภาพว่าช่วงหลังๆของนิทรรศการ Von Wright Brothers ดูแบบไม่มีสติมาก เพราะทีเซอร์เพลงใหม่ของวงที่ชอบออกพอดีค่ะ พอดูทีเซอร์จบปุ๊บคือไปเลย ใจลอยข้ามทวีปไปเกาหลีเลยทีเดียว555555555555555555
ภาพสวยมาก รู้เลยว่ามี passion ค่ะ รออ่านนะคะ