ฉันเงยหน้ามองท้องฟ้าให้ลืมเหนื่อย...
เท้ายังคงวิ่งต่อไปในสวนขนาดวิ่งพอดีเมื่อย
ประมาณ 5 กิโลจากจุดเริ่มต้นวนมาถึงจุดเริ่มต้นที่ได้กลายเป็นจุดจบ บางวันใจมันก็ขี้เกียจตั้งแต่กิโลเมตรที่ 2 เช่นวันนี้เป็นต้น
ดีที่วันนี้เป็นเย็นของวันธรรมดา ผู้คนเลยไม่มากหน้าเท่าวันเสาร์ อาทิตย์ ที่เรียกได้ว่าขับหาที่จอดเหนื่อยกว่าออกวิ่ง
ลมพัดมาปะทะตัวเหมือนให้กำลังใจให้วิ่งต่อ แต่ลมเย็นในหน้าร้อนทำให้มีความสุขจนฉันต้องเงยหน้าวิ่งรับลม อีกสักครึ่งชั่วโมงก็ใกล้พระอาทิตย์ตกดิน ฟ้าวันนี้เมฆขาวซ้อนกันบางๆ ด้านฝั่งตะวันตก เหมือนจะรอเป็นแบคกราวนด์ให้ซันเซ็ต
ฉันเผลอยิ้มออกมามีความสุขลำพัง
เท้าวิ่งไปเรื่อยๆ จนสุดท้ายก็อดใจไม่ไหวต้องหยุดวิ่ง หยิบมือถือออกมาจากกระเป๋าคาดเอว แล้วถ่ายท้องฟ้าตอนนี้เอาไว้ ฟ้าที่เกิดขึ้นครั้งเดียวบนโลก
#skyaday
ฉันมักจะลงรูปและใส่แฮชแทกนี้ รวมถึงหลายคนบนโลกใบนี้
ในความชอบที่คล้ายกัน ถ้าเป็นเพื่อนกันจริงๆ คงน่ารักดีที่จะเอ่ยปากชวน
" ไป! ไปเดินเล่นมองฟ้ากันสักแป๊บมะ?"
" แกรรร...เห็นฟ้าบนสะพานลอยป่ะ ตอนห้าโมงสิบห้าอ่ะ สีโคตรโรแมนติคเลย"
ครั้งนึงฉันเคยมองท้องฟ้า แล้วความรู้สึกมันก็ทะลักขึ้นมาในสมองว่า นี่มันคือความสุขนี่นา
ความสุขที่เกิดขึ้นง่ายมาก ฉันแค่ยืนอยู่ตรงที่เดิม แหงนหน้ามองท้องฟ้า แทบไม่ต้องพยายามทำอะไร
หรือใช้คำว่าพยายามจะไม่ทำอะไรจะใช่กว่า
ความสุขที่อธิบายไม่ค่อยถูกก็ค่อยๆ เป็นภาพในหัว ยิ่งถ้ามีเพลงเปิดคลออยู่ในหูด้วยแล้วล่ะก็ แป๊บเดียวก็ยิ้มออกมาได้แบบงงตัวเองเลย
แล้วก็เหมือนทุกวัน ฉันวิ่งจนจบ มองเมฆบนฟ้าที่วิ่งเป็นเพื่อน
...
ตอนนี้ท้องฟ้าบนหัวคุณหน้าตาเป็นแบบไหน
หวังว่ามันจะทำให้คุณเผลอยิ้มออกมาเหมือนกันนะ
เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น
Log in