เรื่องย่อ
ตัวละคร
"แตกต่างแต่ลงตัว เปี่ยมด้วยความเป็นมนุษย์ปุถุชน และพลังในการสร้างปัญหา!"
Poppy Wyatt เข้าทำนองนางเอกสไตล์ Sophie Kinsella เป๊ะๆ... ตลก เปิ่น จิตใจดี บ้าบิ่น การกระทำสามารถทำให้รู้สึก 'เอาจริงดิ!' ได้ตลอดเวลา ในเรื่องนี้เพิ่มความขี้ขลาดและคิดถึงผู้อื่นมากเกินไปเข้ามาเป็น conflict ในตัวเธอที่ทำให้เรื่องราววุ่นวายใหญ่โต อันที่จริงก็ไม่ใช่ตัวละครที่มีเสน่ห์นัก (ถึงทั้งเรื่องจะมีเธอเป็น Point of View ก็ตาม)
แต่ Sam Roxton นี่แหละที่มีคาแรกเตอร์เท่ยิ่งกว่าเท่ เราไม่เคยคิดว่าพระเอกมาดนักธุรกิจจะโดดเด่นอะไรไปกว่าพระเอกอาชีพอื่นๆ แต่ Sophie Kinsella (ผู้น่าจะชื่นชอบผชสไตล์นี้มาก จากหลายๆเรื่องที่เธอเขียน) สร้างความแตกต่างให้ Sam Roxton จนพลิกมุมมองเราไปเลย เพราะการทำงานในแวดวงธุรกิจในตำแหน่งสูงระดับนั้น Sam จำเป็นต้องควบคุมทุกอย่างได้ ประสบการณ์สอนให้เขามีภาวะผู้นำ หนักแน่น ไม่คิดเล็กคิดน้อย ใจเย็น เอาตนเองเป็นศูนย์กลาง ออกจะแข็งทื่อจืดชืด จนทำให้ Poppy เกลียดขี้หน้า แต่ถ้าไม่ใช่เพราะ Sam แล้ว Poppy ก็ไม่อาจแก้ปมปัญหาทั้งหลายในชีวิตได้ เช่นเดียวกับที่ Poppy ช่วยให้ Sam รักษาความมั่นคงของบริษัทได้
(สปอยล์ หลงเป็นพิเศษเลยอะ ฉากที่ Sam ใช้ความรู้ด้านสถิติคำนวณว่าใครเป็นชู้กับคู่หมั้นของ Poppy คือทำไปด้ายยยยยยยยยยยย orz)
เรียกได้ว่าเป็นพระเอกที่มีประโยชน์และโรแมนติกซื่อๆที่สุดคนหนึ่ง!
ด้วยความที่ัตัวละครลักษณะนิสัยแตกต่างกันมาก ผู้เขียนเลยให้เราเห็นพัฒนาการตัวละครจากการปรับตัวเข้าหากันทีละขั้นทีละตอน Poppy สอนให้ Sam รู้ว่าตนเองสามารถทำผิดพลาดได้ หรือสอนให้รู้จักอ่อนโยนกับผู้อื่น ส่วน Sam สอนให้ Poppy เห็นคุณค่าและความกล้าหาญในตัวเอง รู้จักยืนหยัดในความรู้สึก ไม่ปล่อยให้ใครเอาเปรียบ อาจกล่าวได้ว่าไม่ใช่เพียงตัวละครที่วางคาแรกเตอร์ดี นิสัยของตัวละครก็สะท้อนแนวคิดหลักๆของเรื่องนี้ได้ดีเช่นกัน
จุดเดียวที่หงุดหงิดอยู่เล็กๆก็คือคาแรกเตอร์ของ Magnus...ดูเป็นตัวละครที่ไร้สาระ และแรงจูงใจในการกระทำก็ไม่ค่อยสมเหตุสมผล ในความจริงแล้ว Magnus ก็น่าจะมีหลายมุมมองความคิดไม่แพ้ตัวหลัก แต่ผู้เขียนไม่ให้ความสำคัญ จนบางทีก็ดูเหมือนละเลย และใช้ประโยชน์ตัวละครนี้ได้ไม่คุ้มค่าถ้าเทียบกับ Lucinda ที่ผู้เขียนเล่น twist plot ไปอี๊กกกกกกกกกกก
เนื้อเรื่อง
"สนุก ภาษาอ่านง่าย เต็มไปด้วยหัวเราะและตีแผ่จุดอ่อนของโลก Text ที่น่าครุ่นคิด"
I've got your number เป็นนิยายที่ขอกรีดร้องแรงๆเลยว่า ลำ-ดับ-พล็อต-ดี-มาก! สามารถอ่านจบได้เร็วจริงๆถ้าไม่ติดอะไร เพราะเนื้อเรื่องลื่นไหลสนุกสนาน เหตุการณ์อลเวงมีแต่จะเพิ่มขึ้น เพิ่มขึ้น พอเรื่องนี้คลายไป อีกเรื่องก็แล่นเข้ามาแทรก จนบางทีก็อยากกรี๊ดว่า ชีวิตยังทุกข์ไม่พออีกเร้ออออ อะไรจะซวยได้ซวยดี ประจวบเหมาะ บ้าบอได้ขนาดนั้น๕๕๕๕๕๕๕
โซฟียังรักษาอารมณ์ขันได้ไม่มีที่ติ เรื่องนี้เราอ่านไปหัวเราะไปเหมือนคนบ้า แต่พอถึงฉากที่อัดแน่นด้วยอารมณ์ก็ถึงกับน้ำตารื้น เราอินเพราะเหตุการณ์หลายๆอย่างมันโยงกับปัญหาในชีวิตเราได้ รู้ตัวอีกทีก็ร้องไห้แล้วอะไรประมาณนั้น (แต่ไม่ดราม่านะ เราเซ้นซิทีฟเอ๊ง)
เสียดายที่หลังจากพ้น Climax อันลุ้นจิกหมอนไปแล้ว กลับตัดจบห้วนๆค้างๆซะงั้น แต่เข้าใจว่ามันสไตล์โซฟีอีกแล้ว คงจะจงใจให้เรื่องจบแบบไม่จบ นี่เดาเอาเอง orz เลยกลายเป็นว่าฉากจบไม่ค่อยตราตรึง แต่ฉากอื่นๆตอนใกล้ๆจบนี่สิ อื้อหืออออออออออ ของเค้าดีจริง
เราว่า I've got your number มีความครบอะ อารมณ์ไม่ต่างจากดูหนังรอมคอมดีๆสักเรื่อง เนื้อหาสบายสมอง มีความน่ารักชวนเขินของการ text หากัน ซึ่งในอีกแง่ก็ทำให้เห็นข้อเสียของสังคมที่ติดต่อกันทางนี้ด้วย เราไม่อาจตัดสินใครจาก text หรือ email ของเขา เพราะ "ไม่มีใครใส่โลกทั้งใบของตนเองลงไปใน Inbox" กระทั่งรู้จักตัวตนจริงๆกันแล้ว มนุษย์ก็ยังมีแง่มุมที่หลบซ่อนไว้มากมายไม่รู้จบ ปัญหาก็คือสิ่งที่เรียกว่า อคติ ที่จะทำให้เราตามืดบอด มองอะไรบิดเบือนไปจากความเป็นจริง ก่อนที่จะตัดสินใคร อย่าลืมตัดสินตนเองด้วยว่าใช้ตนเองเป็นบรรทัดฐานต้ั้งแต่เมื่อไหร่ มีิสิทธิอะไรไปกล่าวหาว่าเขาเป็นคนอย่างไร หรือ 'ควร' เป็นคนอย่างไร
อีกประเด็นที่เราชอบคือหนังสือนำเสนอการมีความกล้าที่จะต่อสู้กับปัญหาในชีวิต บางปัญหาเกิดขึ้นเพราะความกลัวของตัวเราเอง และบางปัญหาก็เกิดขึ้นโดยไม่มีเหตุผล เข้าทำนอง 'Things happen' ด้งนั้นก็ทำได้แค่ 'Confront it' แม้มันจะต้องแลกมาด้วยการสูญเสียความสัมพันธ์กับคนรอบข้างบ้าง สูญเสียทางที่ไม่ได้เลือกบ้าง อย่างน้อยที่สุด การเผชิญหน้ากับมันก็ทำให้เราเติบโตขึ้น ไม่ทางใดก็ทางหนึ่ง
ความรู้สึกส่วนตัว
ใครที่ชอบนิยายรักโรแมนติกคอมเมดีล้วนไม่ควรพลาดด้วยประการทั้งปวง Sophie Kinsella ไม่เคยทำให้เราผิดหวัง ถ้าให้เปรียบเทียบแล้ว เราชอบ I've got your number มากกว่า Finding Audrey, Wedding night, Undomestic goddess เพราะว่ามันสนุกกว่า จริงๆนะ ล้านเปอร์เซ็นต์ ถ้าจะติก็คงเป็นเรื่องภาษาที่ติดกระด้างนิดหน่อย แต่ก็ถือว่าสละสลวยใช้ได้สำหรับหนังสือ Chick lit ทั่วไป เพราะมันปนๆด้วยภาษาวัยรุ่น ภาษา Text ด้วยนั่นแหละ
ขอปิดท้ายด้วยโควทที่ทำน้ำตาซึม
"You could have taken an easier path"
"Of course"
"But you didn't"
"That's my rule for life"
ช่างเป็นคำพูดที่อธิบายทุกอย่างในชีวิตได้จริงๆนั่นแหละ บางครั้งเราก็รู้ดีแก่ใจว่าเลือกทำอะไรที่มันโง่เง่าในสายตาคนอื่น แต่สำหรับเราแล้ว มันกลับสำคัญมากกว่าเรื่องไหนๆ ดังนั้น อย่าให้อะไรมาพรากความรู้สึกนั้นไป ความรู้สึกกล้าหาญและหนักแน่นที่จะทำในสิ่งที่ความรู้สึกของเราบอกว่า 'ใช่ มันถูกต้องแล้ว'
ยืนยันว่าเป็นหนังสือดีๆถูกจริตที่หาได้ยากยิ่งสำหรับเรา ถ้าคุณเป็นแฟนของโซฟีอยู่แล้วแต่ยังไม่ได้อ่าน จงรีบอ่าน! แต่ถ้ายัง...อยากลองตกเป็นทาสนักเขียนคนนี้มั้ย ฮืออออออออออออออออ ประทับใจค่ะ วางแพลนจะซื้อ Can you keep a secret และ Remember me? ของโซฟีต่อรัวๆ เอาเงินชุ้นไปเลย!
-ilysm.
เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น
Log in