เสียงพลิกกระดาษปลุกคนที่ซุกร่างเปลือยเปล่าของตัวเองไว้ในผ้านวมผืนหนาให้ค่อยๆลืมตา จินเจอร์ใช้เวลาสักพักถึงรับรู้ได้ถึงความปวดเมื่อยที่ลามไปทุกส่วน หนักหน่อยคงจะเป็นบริเวณสะโพก คิ้วได้รูปขมวดมุ่น ครางอืออาในลำคออย่างขัดใจเพราะขยับแต่ละทีมันเจ็บไปหมด
จุ๊บ…
แต่แล้วสัมผัสอุ่นๆนุ่มบนหน้าผากก็ทำให้ได้สติขึ้นมาอีกหน่อย คนเพิ่งตื่นใจเต้นตึก ก่อนนัยน์ตาสีเข้มจะเหลือบมองใครอีกคนที่นั่งพิงหัวเตียง กำลังก้มหน้าก้มตาอ่าน—
“เฮ้ย!”
“ชู่ว…เดี๋ยวเจ็บนะ”
“เอามา”
“อยู่นิ่งๆจินเจอร์”
“หยุดอ่าน!”
คนข้างตัวถอดถอนใจเหมือนกำลังต้องสู้รบปรบมือกับเด็กเกเรอายุสองสามขวบ ท่าทางอย่างนั้นมันยิ่งทำให้เขาที่ตอนนี้ตอบโต้ไม่ค่อยไหวหงุดหงิดกว่าเก่า
“โรแมนติกนะเราอ่ะ”
“…” จำใจยอมรับสภาพตัวเองเลยได้แต่มุดลงผ้าห่มไปนอนกอดอกเงียบๆด้วยความอับอาย บางอย่างในอดีตก็ไม่ควรถูกเอามารื้อฟื้นในปัจจุบัน อะไรที่เคยคิดว่าเท่ที่สุดแล้วมันก็อาจจะดูน่าตลกเมื่อย้อนกลับไปมองด้วยตัวเองตอนนี้
แล้วบรรยากาศรอบตัวก็เงียบลง ยังไม่ทันสงสัยอะไรให้มากมายทั้งตัวก็โดนรวบไปกอดจนจมกับเนื้อหนังใครบางคนแทนที่จะเป็นเตียงนุ่มๆที่เขาเป็นเจ้าของ
“ทำไมต้องหวง?” เสียงกระซิบชวนจั๊กจี้วนเวียนรดหลังคอ มือหนาลูบไปมาตรงหน้าท้องทำเอาตัวเกร็งไปหมด
นันท์ทำตัวโคตรวุ่นวาย
“แค่อยากรู้ ที่ผ่านมาปิดเนียนจนไม่เคยเห็นอะไรเลย”
“ไปเอามาจากไหน?” ไอ้อารมณ์อ้อนที่ทำใจอ่อนยวบไม่เหลือรูปร่างทำให้จินเจอร์ต้องเปลี่ยนหัวข้อไปแบบดื้อๆ ว่าตามตรงคือยังทำใจไม่ค่อยได้กับนันท์เวอร์ชันนี้ ช่วงก่อนหน้าก็พอจะเห็นเค้าลางความวอแวของอีกฝ่ายอยู่หรอก แต่ก็ไม่ได้คิดว่าจะขนาดนี้
แล้วคนอย่างเขา คนที่ขนาดโดนทำตัวแย่ใส่ตั้งเยอะก็ยังตัดใจไม่ลง มาเจอแบบนี้จะให้ทำยังไงวะ แม่งเอ๊ย…
“พิ้ง”
“ตัวแสบ” เขาเข่นเขี้ยวเคี้ยวฟันเมื่อนึกถึงน้องสาวตัวดี ป่านนี้ไม่รู้ไปเที่ยวสบายใจเฉิบที่ไหนแล้ว ได้ยินเสียงรถออกตั้งแต่เข้ามืดนู่น
“นึกว่ามึงจะวาดกู” อ้อมแขนถูกรัดแน่นขึ้นนิดหน่อยเมื่อใครบางคนไม่ได้รับความสนใจเท่าที่ควร ฝ่ามือที่ไล้อ้อยอิ่งอยู่บนตัวเริ่มไต่สูงขึ้นเรื่อยๆ จินเจอร์เห็นท่าไม่ค่อยดีเลยพลิกตัวกลับไปหาให้ไอ้มือปลาหมึกนั้นไต่หลังเล่นแทน
แต่เหมือนจะคิดผิด เพราะพอทำงั้นนันท์ก็เลื้อยลงต่ำ…
“วาดมึงทำไม?” ทำท่าหาเรื่องแต่เสียงกลับสั่นอย่างอ่อนด๋อยที่สุด จินเจอร์เม้มริมฝีปาก รู้เลยว่าที่ร้อนๆนี่คือหน้าตัวเองต้องแดงมาก แต่ถ้าทำเป็นไม่รู้แล้วใครจะว่าอะไรได้
“ก็มึงชอบกู” ประโยคนั้นมาพร้อมกับแรงบีบที่เนื้อนุ่มตรงเนินสะโพก คนโดนกระทำสะดุ้งเฮือก อยากด่าแต่พูดไม่ออกจะตอบคำถามก็คิดไม่ทันสักอย่าง
“เกี่ยว…เกี่ยวตรงไหน?”
“กูน่าจะถามมึงมากกว่า แก้วกาแฟ ก้อนลูกบาศก์ เสื้อเชิ้ต มันเกี่ยวกับกูตรงไหน?” พอหัวข้อบทสนทนาไหลมาในเรื่องที่เป็นชีวิตจิตใจของตัวเอง เขาก็ลืมสัมผัสหนักตรงด้านหลังตัวเอง รีบอธิบายตามประสาศิลปินเจ้าของผลงานโดยไม่ได้สังเกตเลยว่าคนตรงหน้าซ่อนยิ้มเจ้าเล่ห์ไว้ภายใต้ท่าทางตั้งใจรับฟัง
“ไม่ใช่แก้วกาแฟ แต่เป็นแก้วมัคใส่นมร้อน มึงชอบกินตอนเช้า” เพราะว่าทั้งหมดในสมุดทำมือเล่มนั้นถูกร่างเรื่อยเปื่อนจากดินสอ ภาพที่เกิดเลยเป็นขาวดำทำให้บางอย่างดูยากสักหน่อย
“ไอ้ก้อนที่เห็นอ่ะน้ำตาล มึงบ้าขนมหวานเลยวาดอันนี้ทีเดียวเลย”
“อือฮึ” ครางรับในลำคอพลางไล่มองคนที่เล่าให้ฟังในแบบสั้นจนติดห้วนตามฉบับคุณขิง นันท์อยากก้มลงไปปิดปากช้ำๆนั่นจะแย่ แต่ต้องพยักหน้าว่าสนใจเรื่องที่ถามไปอยู่เลยได้แต่เก็บอาการ
“ส่วนเสื้อเชิ้ตคือตอนที่มึง— อื้อ!”
แล้วสุดท้ายก็ไม่ทน เพราะไม่รู้จะฝืนไม่จูบแฟนตัวเองไปเพื่ออะไร
“มึงชักเยอะเกินไปละ นันท์!” เจ้าของชื่อทำตาใสแจ๋วตอนที่พลิกขึ้นคร่อมคนขี้โวยวาย เลิกคิ้วถามนิดหน่อยเหมือนไม่เข้าใจว่าทำอะไรผิด พอเห็นท่าทางอ้ำอึ้งเลยก้มหน้าลงไปบดจูบอีกครั้ง คราวนี้หลอกล่อให้คนที่แดงไปทั้งตัวเปิดปากสำเร็จ เขาแทรกลิ้นตัวเองเข้าไป เกี่ยวกระหวัดจนได้ยินเสียงเฉอะแฉะและสัมผัสได้ถึงลมหายใจถี่กระชั้นของจินเจอร์
“มะ ไม่เอา ฮื่อ…”
“นันท์อยากเอา”
สาบานว่าจินเจอร์โคตรเกลียดเวลาอีกคนแทนตัวเองด้วยชื่อเล่นแบบนั้น ไม่ยุติธรรมกับเขาสุดๆไปเลย
“มันปวด”
“งั้นขอดู” ไม่วว่าจะตอบอะไรไปสิ่งที่ได้กลับมาก็ชวนให้อ้าปากค้างไปหมด อย่างตอนนี้ที่นันท์ไล่จุ๊บตั้งแต่แผ่นอกเรื่อยลงถึงหน้าท้อง และดูเหมือนจะยังเคลื่อนต่ำลงไม่มีทีท่าว่าจะหยุด
“ดูอะไร— อึก! นะ นันท์” ปลายจมูกโด่งปัดผ่านส่วนอ่อนไหวอย่างไม่ใส่ใจเท่าไหร่แต่กลับทำจินเจอร์เกร็งไปทั้งตัวทว่าเสี้ยววินาทีต่อมาก็ต้องครางฮือเมื่อสัมผัสเปียกชื้นปาดป่ายอยู่ตรงที่บอกว่า ‘ปวด’ จนอ้างขอไม่ทำรักด้วย เขากัดริมฝีปากแน่น ความอายปนกับความรู้สึกแปลกประหลาดทำให้เสียงที่ออกจากปากมีแค่การครางไม่ได้ศัพท์
“เมื่อคืนไม่ได้เอาน้ำออกให้”
คนฟังเย็นวูบไปทั้งหลัง พอได้สติกำลังจะด่าเรื่องไม่ใช้ถุงยางบางคนก็ขยับมือให้พูดไม่ออกอีกครั้ง
“เฉยๆก่อน เดี๋ยวปวดท้อง”
“อือออ” ในใจเต็มไปด้วยประโยคล้านแปดแต่นิ้วยาวที่กำลังแทรกเกี่ยวบางอย่างทำให้จินเจอร์อยากจะร้องไห้
“แป๊ปเดียว มันเยอะ”
ก็เพราะใครเล่า!
คนตาดุเกือบหลุดหัวเราะให้สีหน้าอัดอั้นของอีกฝ่าย อ่านจากสายตาก็รู้ว่ากำลังด่ากันแน่ๆแค่ตอนนี้พูดไม่ออก และเขาก็จงใจให้มันเป็นแบบนั้น
สัมผัสนุ่มแน่นตรงปลายนิ้วทำให้ฝ่ายแกล้งกลืนน้ำลายลงคออย่างยากลำบาก ยิ่งเงยหน้าไปเจอคนผิวน้ำผึ้งกำผ้าปูที่นอนแน่นจนมันยับย่น ใบหน้าแดงก่ำหันข้างเหมือนอยากซ่อนอารมณ์ปั่นป่วนกับฟูกสีขาว นันท์หายใจสะดุดไปหลายวินาทีจังหวะที่ได้ยินเสียงอื้ออึงในลำคอและหางตาที่ปิดสนิทมีหยดน้ำกลิ้งหล่นลง
“เสร็จ…รึยัง?” พูดปนหอบก่อนทั้งร่างจะสะดุ้งเมื่อนันท์กดนิ้วเข้ากับบางจุดสำคัญ
“ใกล้หมดแล้ว” สายตาคมดุที่เห็นทุกอย่างต้องรีบเสไปทางอื่น เขาเองก็เสียงสั่น ความรู้สึกที่มียังสดใหม่เกินกว่าจะควบคุม นันท์รู้สึกได้ว่ามันกำลังพลุ่งพล่านและใกล้จะล้นทะลัก ใจไม่อยากให้เป็นแบบนั้นเลยเพราะจินเจอร์จะรับไม่ไหว
แต่แบบนี้มัน…
“ที่เหลือกูทำเอง— อื้อ! ไอ้เลว!”
รอยยิ้มร้ายกระตุกบนมุมปากของคนที่ทำท่าจะถอนนิ้วออกแต่สุดท้ายก็กระแทกกลับเข้ามาเต็มแรง มากไปกว่านั้นคือกะให้โดนจุดอ่อนไหวแบบเต็มๆจนน้ำตาคลอ
“อาบน้ำกัน”
“คนชั่ว”
“ไม่เหนอะหนะ?” จินเจอร์กันฟันมองมือหนาที่เช็ดไปกับทิชชู่เหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้นทว่าตาคมดุยังวิบวับอย่างไม่น่าไว้ใจ เขาทั้งเขินทั้งหงุดหงิด ไหนจะรำคาญตัวเองที่มันรวนไปหมด คิ้วสวยขมวดเข้าหากันโดยไม่รู้ตัว และพอเป็นแบบนั้นก็โดนจูบหน้าผากไปอีกที
“ไม่ทำครับ เห็นแล้วว่าช้ำ” ไม่เคยจะรู้ว่านันท์มีเสียงนุ่มๆซ่อนไว้ใช้กับใครเขาเหมือนกัน คนฟังพยักหน้าแบบขอไปทีเพื่อกลบเกลื่อนประโยคบ้าบอนั่น เห็นแล้วว่าช้ำ…เฮอะ ให้ตายเถอะพัทธนันท์ ส่วนไหนของร่างกายที่ช้ำแล้วมันเป็นเพราะใคร
หมั่นไส้จริงๆ
.
.
.
ไอน้ำอุ่นเกาะกระจกเงาขึ้นเป็นฝ้าขุ่น ห้องอาบน้ำของเขาเป็นชาวเวอร์ง่ายๆ บรรยากาศดูดิบนิดหน่อยเพราะจินเจอร์เลือกตกแต่งด้วยปูนเปลือย โทนสีดำและเงิน ตลกดีที่บริเวณแค่นี้มีผู้ชายตัวไม่เล็กสองคนยืนอาบน้ำกันเงียบๆ เขาทำเป็นไม่สนใจอีกคนที่เก็บไม้เก็บมือเอาไว้ถูสบู่ให้ตัวเอง กลิ่นหอมสดชื่นของครีมเหลวลื่นในมือทำให้รู้สึกดีขึ้นนิดหน่อย ที่บอกว่าปวดความจริงมันออกไปทางเมื่อยมากกว่า นันท์เมื่อคืนเหมือนคนตายอดตายอยากแต่ส่วนที่ทำให้เขาประสาทกินสุดคือการพยายามควบคุมตัวเองที่ก็ทำไม่ค่อยจะได้ของเจ้าตัว ไม่อยากจะใช้คำนี้กับผู้ชายตัวใหญ่สูงชะลูดแถมดุเหมือนหมาอย่างนี้เลย
เออ…แต่มันก็น่ารักนั่นแหละ
“เหม่ออะไร?” ข้อมือข้างซ้ายโดนจับรั้งไว้ให้มองคนพูด จินเจอร์กระพริบตาปริบมองคนที่อยู่ๆก็จริงจัง ท่าทางกังวลกับการกวาดมองเขาเหมือนกลัวจะเจ็บตรงไหนทำให้ต้องหัวเราะออกมา
“อะไร?” เขาทำเป็นไม่รู้เรื่อง ใช้มืออีกข้างฟอกสบู่ต่อตรงท้ายทอย สุดท้ายเลยโดนคนขี้โมโหรวบมือสองข้างแล้วดึงไปดูใกล้ๆ
“รู้สึกไม่ดีตรงไหนรึเปล่า?”
วูบนึงที่หัวใจเต้นแรงขึ้นมาจนต้องกัดปากตัวเองไม่ให้หลุดอาการอะไรออกไป แต่ไม่ได้รู้เลยว่านั่นจะทำให้นันท์ยิ่งขมวดคิ้วมุ่นเพราะเข้าใจผิดเป็นอย่างอื่น
“เลิกเหม่อแล้วรีบอาบน้ำให้เสร็จ เดี๋ยวกูไปซื้อยา” จินเจอร์ชะงักมองคนที่เปิดน้ำล้างร่างกายตัวเองไวๆ ขยี้ผมที่สระเมื่อไหร่ไม่รู้ให้หมดฟอง ใช้เวลาไม่ถึงห้านาทีก็ปิดน้ำและทำท่าจะเดินออกไปจริงๆจนต้องรีบคว้าแขนรั้งเอาไว้
“นี่—”
“ทำไม? เอายาลดไข้มั้ย เผื่อก่อน”
“นันท์คือ—”
“เจ็บคอด้วยรึเปล่า? เออซื้อมาให้หมดเลยแล้วกัน”
“นี่…จะออกไปทั้งอย่างนี้หรือไง?”ใบหน้าเรียวพยักเพยิดไปยังร่างกายของใครบางคนที่ยังตื่นตัวจนเห็นแล้วปวดแทนจินเจอร์เผลอเลียปากด้วยความประหม่าตอนเห็นใบหูของคนที่เกือบจะวิ่งไปร้านยาขึ้นสีแดงก่ำ เขากลั้นหายใจ ก่อนจะค่อยๆสูดอากาศเข้าลึกแล้วผ่อนลง พลิกข้อมือเป็นฝ่ายจับฝ่ายที่ยืนแข็งทื่อให้ใจเย็นลงหน่อย
“ช่างน่า…”
“ไหนพูดอีกทีแบบมองหน้าหน่อย”
“ใช่เวลาเล่นเหรอจินเจอร์?”
พอเถียงไม่ได้ก็ดุอีกละ
คนผิวน้ำผึ้งโคลงหัว ตัดสินใจเบียดร่างเข้าไปใกล้ ไม่สนสีหน้าตื่นๆจนดูตลกของผู้ถูกกระทำและยื่นหน้าเข้าไปกระซิบบางอย่างที่ทำให้คนที่แทบจะทำอะไรไม่ถูกอยู่แล้วความคิดกระจัดกระจายกว่าเก่า
“ถ้าเทียบกันตอนนี้ มึงอาการน่าเป็นห่วงกว่ากูอีกพัทธนันท์” แกล้งงับหูซะหน่อยเพราะมันเขี้ยวมาก มีอย่างที่ไหนดุเดือดทั้งคืนแล้วเช้ามาเหมือนเพิ่งได้สติ พอห่วงก็ห่วงเหลือเกินเหมือนกับเขาจะละลายหายไปตรงนี้งั้นแหละ
“มันปวด…แบบเมื่อยๆ ไม่ได้ขนาดนั้น”
“…”
“แต่มึงอ่ะ น่าจะปวดมากเลยป้ะ?”
“ขิง ไม่ตลกนะ” สรรพนามที่เปลี่ยนไปทำให้ใครบางคนหยักยิ้ม จินเจอร์ถอยหลังจนชิดผนังปูนสีเทาขณะดึงอีกฝ่ายให้ตามมาใกล้ เลื่อนมือซุกซนขึ้นไปเกลี่ยหัวไหล่แน่นตึงก่อนจะหลุดหัวเราะอีกครั้ง
ไม่ได้รู้เลยว่าตาหยีๆกับรอยยิ้มนั้นทำให้ใครบางคนนึกอยากขย้ำตัวเองแค่ไหน
“มึงต่างหาก โคตรตลก”
“คนเขาเป็นห่วงเนี่ย”
“อยากให้เป็นตัวของตัวเอง ไม่ต้องเกรงใจหรือเป็นห่วงขนาดนั้นหรอกน่า”
นันท์ใจเต้นเมื่อคนที่คิดว่าน่ารักที่สุดแล้วยังน่ารักเพิ่มได้อีกเรื่อยๆ ความตรงไปตรงมากับท่าทีเอื่อยเฉื่อยทั้งที่ปลายจมูกโด่งขึ้นสีแดงมันให้ความรู้สึกน่ากัดจนต้องเม้มปากควบคุมตัวเอง ถึงจะใจดีด้วยแต่ก็ไม่ได้แปลว่าควรฉกฉวยรับไว้ทุกโอกาส
“แต่ไม่เอาแล้วไง ให้มึงพักก่อน” นึกว่าจะได้รับรอยยิ้มตื้นตันใจของคนตรงหน้าเป็นรางวัล ทว่าทั้งหมดที่เกิดขึ้นมีเพียงการที่จินเจอร์จิ๊ปาก เอาแขนคล้องคอพลางเงยหน้าขึ้นมองเขาอย่างเอือมระอาที่สุด
“รู้มั้ยร่างกายคนเรามันมีหลายส่วน?”
“ละ แล้วเกี่ยวอะไร?” เสียงทุ้มสั่นเมื่อคนผิวน้ำผึ้งหันหลัง กลืนน้ำลายลงคออึกใหญ่ให้ร่างกายที่ไม่รู้ไปแอบออกกำลังกายตอนไหนถึงได้—
“ใส่เข้ามา…ตรงนี้” จินเจอร์รีบตัดบทและหันหน้าเข้าผนังทันที สายตาที่รุกล้ำกันไปถึงไหนต่อไหนทำเอาคนใจกล้าใกล้สติแตกเต็มทน ที่ทำอยู่ก็คือเชิญชวนจนแทบจะขึ้นให้อยู่แล้ว ถ้ายังบอกว่าเกรงใจอีกจะต่อยให้ปากแตกเลย
จะเลือกมือหรือจะเลือกเขา ยืนอยู่ตรงนี้ทั้งคนยังต้องคิดอีกหรือไง?
สัมผัสแข็งขืนที่แทรกตรงกลางระหว่างต้นขาที่หนีบแน่นทำให้เผลอหายใจหอบ ลืมสนิทว่าทำแบบนี้มันปั่นป่วนไม่แพ้ของจริง ที่สำคัญคือนันท์ดันพิงหน้าผากไว้กับหลังไหล่เขา กระซิบขอบคุณเสียงแผ่วแล้วก็มาหายใจวนเวียนอยู่ใกล้ๆ
“อ่า…ดี” เขาร้องอื้ออึงเมื่อคนด้านหลังเปลี่ยนมาเป็นเกยคางและกระซิบเสียงพร่าอยู่ข้างหู หอบแก้มสลับกับขบเม้มไปทั่วขณะที่ค่อยๆเพิ่มความเร็วขึ้นทีละนิด
“เจอร์ เจอร์ครับ…”
“ฮื่อ” สุดท้ายก็ทำได้แค่หลับตาแล้วเชิดหน้าพิงอกหนากลับไป ยังยืนยันคำเดิมว่านันท์ทำเกินไปมาก
“คนเก่ง นันท์ช่วยนะ”
เกินไปมากจริงๆ
มือหนาเลื่อนมากอบกุมด้านหน้าอย่างใส่ใจเมื่อเห็นใครบางคนตื่นตัว นันท์กระแทกกระทั้นหนักจนได้ยินเสียงเนื้อกระทบกันดังก้องในห้องน้ำ ความลื่นของสบู่บนตัวจินเจอร์ยิ่งช่วยให้มืออีกข้างไล่ลูบไปเรื่อย จนถึงแผ่นอกก็บดขยี้บางส่วนจนใครบางคนหลุดร้องชวนให้รังแกมากกว่าเดิม
“รู้สึกมั้ย?” ภาพหลังคอที่ขึ้นสีแดงจางและเสียงลมหายใจขาดห้วงชวนให้นันท์ก้มลงไปกัดเลียจนอีกคนตัวสั่น เขาพึมพำคำพูดที่สร้างความรู้สึกเหมือนหล่นวูบจากที่สูงแล้วถูกดึงขึ้นมาใหม่ กระซิบชมซ้ำๆปนไปกับคำถามลามก แม้ไม่มีคำตอบออกมาให้ฟังแต่เสียงครางอื้อในลำคอก็มากพอที่จะอธิบายทุกอย่าง
“นันท์รู้สึกเยอะเลยครับ”
“อึก…ฮ่ะ”
“จินเจอร์เก่ง คนเก่ง”
“มะ ไม่ไหวแล้ว”
“ชู่ว อยากอยู่กับเจอร์นานๆ อย่าทิ้งนันท์ไปก่อน”
“แต่มัน…”
เพราะร่างกายอุ่นร้อนจนหัวสมองว่างเปล่า จินเจอร์อ้าปากรับนิ้วยาวที่สอดเข้ามาแทนรอยจูบ ดูดดึงเอาใจขณะในหูเต็มไปด้วยประโยคพวกนั้น เคยได้ยินแต่คนเราจะดิบขึ้นเมื่อมีเซ็กส์ แต่ทั้งหมดที่เกิดขึ้นตอนนี้คือคำพูดที่ไพเราะแบบประหลาด สรรพนามที่ไม่ถูกใช้เรียกในชีวิตประจำวัน และคำที่เหมือนจะอ้อนวอนขอแต่ความจริงกลืนกินกันไปตั้งนานแล้ว
“มันทำไม? มันเสียวเหรอครับ?”
“อย่า…พูด” ห้ามด้วยคำพูดอย่างเดียวไม่ได้เลยต้องรั้งคอมาจูบปิดปากทับอีกที เหมือนจะเห็นรอยยิ้มร้ายกับสายตาพอใจของใครบางคน ความรู้สึกในอกท่วมล้นทั้งที่ร่างกายไม่ได้แนบสนิทแบบสุดทาง
“คนเก่งเสียวตรงไหนครับ?”
“นันท์ มะ ไม่เอา”
“เอาสิ เอานันท์แรงๆเลย” คำพูดดูขัดแย้งกับการกระทำ มือหนาขยุ้มสะโพกและดึงรั้งให้จินเจอร์กระแทกกลับมา และทุกอย่างก็ทวีมากกว่าเก่าทั้งที่ทิศทางของสองแรงตรงกันข้าม วิ่งชนเข้าหา ฝังลึกลงไปในผิวเนื้อร้อนผ่าวของกันและกัน
“รักมั้ย…จินเจอร์รักกันมั้ย?”
แบบนี้อีกแล้ว
“บอกนันท์หน่อย”
พออารมณ์พุ่งขึ้นสูงคำพูดเรียกร้องก็ตามมา เว้าวอนราวกับกลัวว่าจะไม่รักทั้งๆที่เวลาเป็นปีที่ผ่านไม่เคยมีอะไรเปลี่ยนไป
“บอกรักนันท์หน่อย” จินเจอร์กัดฟัน มือที่ปรนเปรอกันเร่งจังหวะเร็วขึ้นเหมือนอยากเอาใจ ริมฝีปากร้ายกาจป้อนจูบสลับกับหอมทุกส่วนของเขาไม่หยุดเพื่อบอกว่ายอมทุกอย่างแล้ว ขอแค่ได้ฟังคำที่ขอก็จะยอมทำทุกอย่าง
“รัก…รักนันท์”
เขาได้ยินเสียงคนด้านหลังขบกรามกรอด จังหวะเคลื่อนไหวรุนแรงและถี่รัวกว่าเก่า เท่านั้นคนพูดก็พร่ำบอกซ้ำๆเมื่อรับรู้ว่าสิ่งที่ออกจากปากมีอิทธิพลกับคนฟังขนาดไหน
“รักคนเดียว…รักตลอด อ๊ะ!”
“อ้าปาก” เหมือนคำนั้นจะไปกระตุ้นสัญชาตญาณที่ถูกซ่อนไว้ภายใต้การขัดเกลาของสังคม นันท์สั่งเสียงเข้มและหยักยิ้มร้าย ให้ความรู้สึกอันตรายจนไฟฟ้าแล่นปราดไปทั่วสันหลัง
“แลบลิ้นออกมา อีกนิด”
“อื้อ!”
เพี้ยะ!
“หนีบขาแน่นๆ” แววตาพ่ายแพ้และคล้ายจะกล่าวโทษทำให้นันท์เลิกคิ้ว เขาก็แค่จูบ บดริมฝีปากและเคล้นคลึงไปทั่วร่างกาย พออีกคนรู้สึกเยอะไปหน่อยก็เลยเผลอคลายหน้าขา เขาเลยเปลี่ยนมือที่เล้าโลมมาฟาดบั้นท้ายจนขึ้นสีแดงจาง
ทำอะไรผิดตรงไหนกัน?
เพี้ยะ!
“นะ นันท์”
“เจอร์ชอบ”
เพี้ยะ!
“อ๊า! นันท์!”
“เจอร์ชอบให้นันท์ตี”
“ไม่…ไม่ใช่”
เพี้ยะ! เพี้ยะ!
นันท์จูบซับน้ำตาที่หยดลงตามแนวแก้ม หน้าท้องขมวดเกร็งเมื่อรับรู้ได้ว่าตัวเองใกล้ถึงปลายทางเต็มที
“เวลาโดนตีเจอร์รัดแน่น” โกหกคำโตเพราะความจริงร่างกายที่สัมผัสกันไม่ลึกซึ้งขนาดจะรับรู้ ทว่าคำพูดเท็จพวกนั้นกลับทำเอาคนฟังหมดเรี่ยวแรงอย่างช่วยไม่ได้
“นันท์…นันท์” ระบบประมวลผลพร่าเบลอและเหลือเพียงคำเดียวที่ปรากฏเมื่อหลับตา รู้สึกเท่าไหร่ก็ทำได้แค่เรียกชื่ออีกคนนึงย้ำๆ หันหน้าไปอ้อนขอจูบแล้วก็หอบหายใจ พอเริ่มปรับตัวได้ก็เรียกร้องใหม่อีกวนซ้ำไม่รู้กี่รอบ
“รักจินเจอร์”ใครบางคนกระตุกเกร็ง ปลดปล่อยออกมาเพียงเพราะประโยคง่ายๆที่มีชื่อตัวเองต่อท้ายทำหน้าที่เป็นกรรม
“จินเจอร์ของนันท์ คนเก่ง ดีที่สุดเลย” ครางเครือตอบกลับเพราะตัวอ่อนไปหมดแล้ว ความร้อนผ่าวที่อยู่ระหว่างร่างกายยังขยับต่อเนื่อง เสียดสีแนบแน่นและรุนแรง
“อืม…” เสียงทุ้มต่ำกับของเหลวหนืดที่ไหลเปื้อนไปตามซอกขาทำให้คนที่ค่อยๆได้สติกลับคืนมารู้สึกอยากจะเป็นลมแล้วหายไปจากตรงนี้ให้มันจบเรื่อง ทว่านัยน์ตาสีเข้มก็ต้องวกกลับไปมองคนที่จู่ๆก็เปิดฝักบัวอีกครั้ง ยืนนิ่งยอมให้คนดุคนนั้นชำระร่างกายอย่างเงียบเชียบ หัวใจยังทำงานหนักเพราะรอยริ้วสีแดงบนแก้มของฝ่ายที่ดูแลกันโดยไม่ต้องขอ“อย่ามอง” โดนบอกแบบนั้นพร้อมกับถูกจุ๊บหน้าผากแล้วก็จับหมุนตัวเข้าผนังอีกรอบ ชะงักนิ่งยามที่นันท์คุกเข่าลงไปทำความสะอาดให้จนหมด พูดอะไรไม่ออกไปถึงตอนที่คนตาดุแต่แก้มแดงเอาผ้าเช็ดตัวมาซับน้ำให้พร้อมกับใส่ชุดคลุมเสร็จสรรพ จากนั้นก็ค่อยใช้ผ้าผืนเดียวกันนั่นแหละไปเช็ดตัวเองแล้วก็เอามันผูกเอว ดันหลังเขาออกมาจากห้องน้ำและกดลงให้นั่งปลายเตียง นันท์เดินวุ่นวายสักพักและกลับมาพร้อมกับผ้าเช็ดผมผืนเล็ก ขยับมือสางผมให้จนแห้งหมาดแล้วก็ก้มลงมาจุ๊บปากเร็วๆปิดท้าย
จินเจอร์กำลังจะเป็นบ้าเข้าให้จริงๆแล้ว
“อยู่บนนี้ จะออกไปซื้อข้าวกับยา กินเสร็จจะได้นอนพัก”
“นะ นอนอะไร เพิ่งตื่นเมื่อกี้”
“แน่ใจว่าไม่ง่วง?” คนโดนรู้ทันเพราะเผลอแสดงท่าทางอ่อนเพลียออกไปได้แต่เบือนหน้าหนี ไม่เคยมีใครวุ่นวายมาดูแลขนาดนี้เลยทำตัวไม่ถูก
“เออ จะทำอะไรก็ทำ”
นันท์หยักยิ้ม ยีผมฟูของอีกคนอย่างมันเขี้ยว
“แบบนี้สำนวนเขาเรียกอะไรนะ?” นันท์ถาม ทำท่าครุ่นคริดแต่สายตาฉายแววเจ้าเล่ห์อย่างปิดไม่มิด
“สำนวนอะไร?” คนที่รู้ตัวว่าจะโดนแกล้งได้แต่ถามกลับเพราะทำอะไรไม่ได้ ก่อนประโยคคำตอบถัดไปจะทำให้ต้องเอี้ยวตัวไปหยิบหมอนใบใหญ่มาไล่ปาใส่คนที่คว้ากุญแจรถแล้ววิ่งหนีออกจากห้องไปหวุดหวิด
“ตบก้นแล้วลูบหลังป่ะ?”
“ไอ้นันท์มึง!” เสียงหัวเราะลั่นดังแม้ไอ้ตัวดีจะไม่อยู่ในห้องแล้ว จินเจอร์กำหมอนแน่นหน้าแดงก่ำ ไม่รู้ว่าต้องโมโหหรือต้องอายก่อนเป็นลำดับแรก
“แต่ใช้ตบก็ไม่ถูกเนอะ เพราะกูฟาด”
“จะไปไหนก็ไปเลยไอ้หน้าชั่ว!” ยัง…ยังไม่วายตะโกนไล่หลังมาให้เขาด่ากลับไป จินเจอร์กัดปากอย่างหงุดหงิดพลางซบหน้าลงกับฝ่ามืออย่างพ่ายแพ้
อือ แพ้…ราบคาบเลยด้วยถ้าเป็นคนนั้นน่ะ
____________________
จ้าาาาาาา~
ขอยาดไม่พูดอะไรนอกจากจ้าาาาาาา
เห็นคนรักกันแล้วรำคานอ่ะค่ะ อะไรคือการไปขอให้เขาบอกรักอ่ะคะ
รอบที่แล้วก็ทีนึงแล้วนะคะคุณพัทธนันท์
ส่วนคุณขิงก็น่าจับมาตีๆๆจริงเลย
เอ๊ะ แต่ถึงเราไม่ตีก็มีคนตีอยู่แล้วเนอะ
อ๋อ ไม่เรียกตี ไม่เรียกตบด้วย เขาบอกต้องใช้ฟาด
เกินค่ะ เกินไปมากกกกกก
#เหลือศูนย์
เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น
Log in