ในระหว่างที่ผมเดินทางกลับบริษัทเพื่อเตรียมประชุมความคืบหน้าของโครงการให้กับหัวหน้าของผมได้รับทราบ ผมขี่รถมอเตอร์ไซต์จอดข้างทาง และเดินเข้าไปในร้านสะดวกซื้อ ลมเย็นจากในร้านพัดปะทะหน้า ทำให้ผมรู้สึกสดชื่น ผมเห็นผู้ชายคนหนึ่งสวมหน้ากากสีดำ ยืนถือปืนเล็งไปที่พนักงานเคาเตอร์ และมีพรรคพวกชายหน้ากากดำอีกสามคน กำลังหยิบธนบัตรหลายฉบับใส่ลงในกระเป๋าสะพายหลัง
"พี่ครับ พี่จะทำอะไรเนี่ย"
ผมเอามือจับแขนของชายถือปืน เขารีีบสะบัดแขนออกทันที ผมพยายามหยิบกระบอกปืนจากชายคนนั้น เขาใช้ศอกฟาดใบหน้าของผมอย่างรุนแรง ทำให้สติหลุดชั่วขณะ เขาใช้ขาถีบจนผมเซล้มลงหลังแตะพื้น เขาใช้เท้าเหยียบหน้าอกและจ่อปืนเล็งหน้าผม
"มึงคิดว่ามึงเป็นใคร มึงคิดว่าจะเป็นฮีโร่ผู้ผดุงคุณธรรมค้ำจุนโลกเหรอ ถุย มึงโลกสวยไปหน่อยไหม" เขาถ่มน้ำลายอัดใส่หน้าผม ผมรู้สึกโกรธหัวเป็นฟืนเป็นไฟ พยายามดิ้นตะเกียตะกาย กำหมัดชกเข้าที่เท้าของเขา แต่เขาลงน้ำหนักบนเท้ามากขึ้น จนผมเจ็บลิ้นปีี่และหายใจไม่ออก เขาก้มตัวต่ำลงมา เผชิิญหน้ากับผม "มึงก็แค่มนุษย์ธรรมดาคนหนึ่งที่ไม่มีวันจะต่อกรกับสัตว์ดุร้ายที่ซ่อนอยู่ในลำกล้องนี่ได้หรอก"
หลังจากนั้นเขาเอาปืนมาเล็งบริเวณหน้าผาก
"เวลาเข้าถ้ำเสือ จงระวังเสือไว้บ้างนะหนุ่มน้อย"
หลังจากพูดจบ ผมถุยน้ำลายใส่เขา สีหน้าแววตาโกรธแค้นเป็นอย่างมาก เขาเหนี่ยวไก กระสุนเจาะทะลุหน้าผากของผม ผมชักดิ้นชักงอ โดยทีี่ไม่สามารถควบคุมมือควบคุมเท้าได้เลย ผมหน้ามืด ตาลาย คล้ายจะเป็นลม เหมือนคนไม่มีกําลังและหมดแรงจะยืนจะลุกจะเดินไป และแล้วทุกอย่างวูบดับลงสนิท
สักครู่หนึ่งผมรู้สึกตัวเองอีกครั้ง และลุกขึ้นยืนเห็นแผ่นหลังของเขา
"พี่ชาย พี่ชาย" ผมเอามือสะกิดทีี่บ่าของเขาให้เขาหันกลับมา "ถ้าคิดอยากจะเป็นเสือ เคยเช็คประวัติเหยื่อแล้วหรือยังฮะ"
หลังจากที่ผมพูดจบ เขามีสีหน้าตกใจเป็นอย่างมาก แล้วเขาก็ยิงปืนใส่ผมรัวๆ เสียงปืนคำรามราวกับเสียงมัจจุราลั่นกลองรบ คมเขี้ยวกระสุนเจาะทะลุผ่านร่างกายของผม กระทบผนังของร้านสะดวกซื้อจนเป็นหลุมกระสุน หลังจากนั้นไม่นาน ลูกกระสุนหมดจากรังเพลิง
"ไอ้ปีีศาจ แกทำสัญญากับซาตานใช่ไหม แกมันเป็นตัวอะไร แกมันไอ้ตัวนรกส่งมา พวกเรา ถอย"
ชายหน้ากากดำที่เป็นหัวหน้ารีบวิ่งหลบหนีไปอย่างรวดเร็ว ส่วนลูกน้องอีกสองคนทิ้งกระเป๋าสะพาย กระโดดข้ามเคาเตอร์ วิ่งตามลูกพี่ และในไม่ช้าเสียงไซเรนของตำรวจดังขึ้น ผมคิดว่าผมไม่สามารถอยู่ทีี่นี่ได้อีีกต่อไป ผมดึงพลังจากตัวเอง และค่อยๆ จางหาย จนไม่มีใครเห็นตัวของผม
..........
หลังจากที่ผมทำงานในวันนีี้เสร็จเรียบร้อยแล้ว ผมเดินทางกลับบ้าน ระหว่างทางก่อนถึงบ้านประมาณ 200 เมตร ผมเห็นกลุ่มชาวบ้านหลายคนยืนมุงดูอะไรบางอย่างทีี่ข้างทางถนนดินลูกรัง ผมขับรถมอเตอร์ไซต์เข้าไปใกล้อย่างช้าๆ และจอดมอเตอร์ไซต์ไว้ข้างๆ แขวนหมวกกันน๊อคไว้กับกระจกมองหลัง ดับเครื่องยนต์ และเดินเข้าไปในฝูงคนที่มุงดูนั้น
"ขอดูด้วยคนครับ ขอดูหน่อย"
"อ้าว พีีท.." แมรี่ทีี่ยืนอยู่ในกลุ่มคน หันหน้ามาทักทายผม "ขอโทษค่ะ ขอทางให้กับเจ้าของหน่อยค่ะ เขามาแล้ว"
ฝูงคนแหวกทางเดินให้ผม ผมเดินเข้าไปใกล้ เจอสัตว์ตัวเล็ก อ้วนๆ ขนสีส้มนอนอยู่บนพื้น ผมเดินเข้าไปหาช้าๆ นั่งชันเข่า เอามือแตะที่ลำคอของมัน พลิกหัว และเผยใบหน้าของมัน ผมรู้สึกตกใจจนหน้าซีีด เพราะสิ่งทีี่เกิดนั้นมันเป็น
บลูด๊อก!!!!
แมวของผมนอนสลบอย่างแน่นิ่ง ร่างกายไม่ไหวติง ไม่มีลมหายใจ ไม่มีบาดแผล มีแต่ร่างกายที่ไร้วิญญาณที่อยู่ตรงหน้าของผม ผมเอามือปิดปาก อดกลั้นความรู้สึก แต่แล้วน้ำตาก็ไหลออกมาโดยทีี่ผมห้ามมันไม่ได้ ผมเอามือชกพื้นดินอย่างเต็มแรงโดยไร้ความเจ็บปวด น้ำตาก็ไหลออกมาเป็นชุด หยดน้ำตาร่วงหล่นลงสู่พื้น ผมร่ำร้องไห้สักครู่ แล้วหลังจากนั้น ผมเอามือสองข้างโอบกอดแมว ยกร่างมันขึ้นมาอยู่ในอ้อมแขน ยืนขึ้น และเดินออกมาจากกลุ่มคนโดยไม่มองหน้ามองตาใครเลย
"ลาก่อนนะ บลูด๊อก หวังว่าชาติหน้าเราคงจะได้เจอกันอีก"
ผมกล่าวคำร่ำลาแมวของผม ในช่วงเย็นของวันนี้ ผมค่อยๆ บรรจงเอาร่างของมันวางลงบนที่นอนนุ่มๆ ที่ปูอยู่ในบ้านกล่องกระดาษลังของมัน ผมเอาดอกไม้วางไว้ข้างๆ พร้อมกับจดหมายโปสการ์ดทีี่เขียนข้อความแสดงความรู้สึกจากใจของผม ถึงแม้ว่าแมวมันจะอ่านสิ่งทีี่ผมเขียนไม่ออกก็ตามเถอะ แต่ผมเชื่อว่าแมวคงจะไปเจอกับสลีบจ๊อบ ผู้พัฒนาซอฟแวร์แปลภาษาคนเป็นภาษาแมว ทีี่อยู่บนสรวงสวรรค์
ผมเอามันหย่อนลงในหลุมทีี่ผมขุดไว้ แล้วค่อยๆ เกลี่ยหน้าดินปิดหลุม ครั้งแล้ว ครั้งเล่า น้ำตาก็ไหลเปื้อนใบหน้าอีกครั้ง ผมรีบโกยดินมาปิดหลุมอย่างรวดเร็วเท่าทีี่จะทำได้ เพื่อไม่ให้ตัวเองต้องเสียใจไปมากกว่านี้ ในทีี่สุดหลุมถูกปิดมิดชิด ผมเอามือตบดินให้เรียบๆ เงยหน้ามองขึ้นดูต้นฉำฉา อวยพรให้ให้มันไปสู่ที่ชอบทีี่ชอบ มีทีี่นอนหรู มีอาหารดีๆ เพื่อจะได้ไม่ต้องกินแมลงสาบและจิ้งจกเหมือนในชาตินี้
ผมเดินกลับบ้านด้วยหัวใจห่อเหีี่ยว เปิดช่องโทรทัศน์รายการข่าวทีี่ผมช่วยเหลือพนักงานร้านสะดวกซื้อเมื่อตอนบ่าย เปิดดูข่าวต่างประเทศที่รายงานข่าวภัยต่างๆ ทั่วโลก มีสกู๊ปพิเศษข่าวต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นทีี่สหรัฐอเมริการที่เกิดพายุปั่นป่วนรุนแรง ที่อินโดนีเซียทีี่กำลังรายงานข่าวภูเขาไฟระเบิด ทีี่ญี่ปุ่นทีี่เกิดคลื่นสึนามิถล่มชายฝั่ง แต่แตกต่างกับประเทศไทยที่เจอฝุ่นจิ๋วตามรบกวน
ผมเดินไปที่ห้องครัว เปิดตู้เก็บอาหารมันฝรั่งทอดกรอบ ผมเห็นกล่องอาหารเม็ดของเจ้าบลูด๊อกวางหลายกล่อง ผมคิดว่าไหนๆ ก็ไหนๆ แล้ว จะทิ้งก็น่าเสียดาย ในเมื่อมันไม่อยู่ ผมอยากจะลองชิมอาหารมันสักครั้ง ว่าแล้ว เขย่ากล่อง เปิดกล่อง ผมมองทีี่รูปการ์ตูนที่อยู่บนผลิตภัณฑ์หน้ากล่อง และข้อความเล็กเขียนไว้ "อาหารทีี่ยิ่งใหญ่ มาจากปลาทูที่อร่อยยิ่ง" ผมหยิบอาหารเม็ดใส่ปาก เคี้ยวไปเคี้ยวมา และผมคายทิ้งออกทันที เพราะมันมีีรสชาติเหมือนที่ชวนแหวะมาก
เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น
Log in