เราใช้คุ๊กกี้บนเว็บไซต์ของเรา กรุณาอ่านและยอมรับ นโยบายความเป็นส่วนตัว เพื่อใช้บริการเว็บไซต์ ไม่ยอมรับ
Dustman : ไอ้ธุลีดินผงผงาดค้ำจุนโลกHacker Dewdie
ตอนที่ 1 : กำเนิดไอ้ธุลี
  •           "ติ๊ด ติ๊ด ติ๊ด ติ๊ด ติ๊ด ติ๊ด ติ๊ด"

              เสียงนาฬิกาปลุกดังลั่นทั่วห้อง  มันดังทะลุโสตประสาทของชายหนุ่มผู้นอนหลับอยู่บนเตีียงนอนนุ่มๆ  เขาเอื้อมมือไปแตะสวิิตซ์เเพื่อปิดนาฬิกาปลุกนั้น แต่แล้วก็โดนไฟดูดจากนาฬิกาปลุก ทำให้เขาสะดุ้งจากเตีียงนอนทันที  ชายหนุ่มคนนั้นบิดขี้เกียจสักครู่แล้วหยิบนาฬิกาปลุก จ้องมองตัวเลขที่อยู่บนหน้าจอทีี่แสดงตัวเลขฐานสอง ทำให้เขาต้องตั้งสติเพื่อทราบคำตอบของเวลา เขาใช้ความคิดสักครู่ หลังจากนั้นก็วางนาฬิกาปลุกไว้เตียงนอน และมองไปยังทีี่นาฬิกาฝาผนัังที่อยู่ปลายเตียง เข็มสั้นและเข็มยาวชี้ไปยังเลขหก  เขาหยิบผ้าห่มออกจากร่างของตัวเอง จัดแจงผ้าห่ม หมอน ผ้าปูที่นอน และลุกจากเตียงวิ่งไปยัังกิ่งไม้แขวนผ้าเช็ดตัว หยิบผ้าเช็ดตัวเอามาห่ม ถอดชุดนอน จากนั้นเดินเข้าห้องน้ำเพื่อเตรียมตัวอาบน้ำ


              ในเช้าของวันนี้ เขาใช้ชีวิตในการทำธุระตอนเช้าประมาณ 20 นาที หลังจากนั้นจึงเดินลงมาจากชั้นสองของบ้าน หยิบรีโมต เปิิดโทรทัศน์ และกดปุ่มเปิดช่องรายการข่าวที่น่าสนใจ หลัังจากนั้นเขาจึงเดินไปยังครัวหลัังบ้าน ปล่อยให้โทรทัศน์ฉายรายข่าวการข่าวไปเรื่อยๆ ส่วนตัวของเขาเองหยิบขนมปังมาทาเนยและชงกาแฟใส่แก้ว ถือมาวางไว้ที่โต๊ะหน้าโทรทัศน์


              "มาดูข่าวในหัวข้อเรื่องอาชญกรรมกันนะครับ สำหรับข่าวที่เป็นหัวข้อใหญ่ๆ ของวันนี้กันนะครับ หนังสือพิมพ์สื่อใหญ่เขียนถึงเรื่องของนักเรียนชายวัยคึกคะนอง ที่ถือมีดอีโต้เล่มใหญ่เข้าโรงเรียน ในขณะที่กำลังเรียน เขาตัดสินใจหยิบมีดจากในกระเป๋าแสดงให้เพื่อนทั้งห้องได้เห็น จนทำให้นักเรียนภายในห้องเรียนรู้สึกหวาดผวา  นัักเรียนผู้หญิงร้องเสียงกรี๊ดหวี๊ดว๊าย เขาง้างมีดขึ้นและสัับซี่โครงหมู เลือดสาดกระเด็นเปื้อนผ้ากันเปื้อน เศษชิ้นเนื้อและกระดูกชิ้นเล็กๆ เกลื่อนกระจายโดยรอบๆ  เมืื่อเจ้าหน้าที่สำนักข่าวสอบถามครูประจำวิชาที่อยู่ในเหตุการณ์ เธอกล่าวกัับทีมงานว่า นี่คือวิชาทำอาหารโดยนักเรียนแต่ละคนจะต้องทำน้ำซุปกระดูกหมู จบข่าวอาชญกรรม "


              "มาดูข่าวในหัวข้อเรื่องการบันเทิงบ้างนะคะ  คุณยุทธ์คะ!!  สัตว์อะไรที่แข็งแรงทีี่สุดคะ"

              "เอ...น่าจะเป็็นช้างกระมั้งครับ เพราะเห็นว่ามนุษย์ใช้ช้างลากท่อนซุงหนัักเป็นตันได้"

              "ผิดค่ะ"

              "อืม..งั้นก็น่าจะเป็นม้า เพราะม้าสามารถวิ่งและทำความเร็วสูงได้"

              "ผิดค่ะ"

              "อืม...คงไม่ใช่เสือแดงแน่นอน เพราะเสือแดงก็ตายไปแล้วนี่นา อืม..โอเค ยอมล่ะ"

              "ก็กระบือไงคะ"  พิธีกรรายการหญิงจ้องมองหน้าพิธีกรชายที่ทำหน้าสีหน้างง และพูดต่อว่า "ก็สัตว์กระบือยันเรือรบไงคะ"


              "งั้นต่อไปก็เป็นข่าวการพยากรณ์อากาศของวันนี้กันบ้าง ในช่วงนี้ขอส่งไมค์ต่อให้กัับน้องเปิ้ลที่น่ารักของเรากันนะครับ น้องเปิ้ลพร้อมไหมครับ เอาเชิญเลย"


              "เรามาเริิ่มกัันที่ต่างประเทศกันก่อนเลยนะคะ สำหรัับช่วงนี้ในต่างประเทศที่ทวีปอเมริกาก็เกิดพายุเฮอร์ริเคนก่อตััวในมหาสมุทรแอตแลนติกถึงสองลูก และกำลังเคลื่อนที่เข้าสู่อเมริกาภายใน 2 วันนี้ ทางการของอเมริกาจึงประกาศแจ้งเตือนให้ผู้คนเตรียมพร้อมเผชิิญกัับพายุและคอยรับฟังข่าวทุกๆ ชั่วโมง หรือ 60 นาทีต่อหนึ่งครั้ง  ไปกัันต่อที่ประเทศอินโดนีเซียเกิดแผ่นดินไหว ขนาด 4.7 ริกเตอร์อีกครั้ง นัับว่าเป็นเหตุการณ์แผ่นดินไหวที่เกิดขึ้นติดต่อกัันโดยไม่เคยมีีมาก่อนในประวัติศาสตร์ ซึ่งเป็นครั้งที่ 3 ในรอบหนึ่งเดือน ถ้าเกิดเป็นรอบเดือนก็ควรเตรียมผ้าอนามัยสำรองไว้  กลัับมาที่ประเทศไทยกัันบ้าง ในขณะนี้มวลอากาศเย็นจากบริเวณภาคบนตอนเหนือของประเทศไทยปกคลุมเข้าพื้นที่ ทำให้ภาคเหนือเริ่มมีอากาศเย็น และมีหมอกลงหนาจัด โดยวัดอุณหภูมิได้ต่ำสุดในระดัับที่ 16 องศาเซลเซียส ส่วนภาคกลางยังคงอยู่ในช่วงร้อน ไม่มีลมพััด ทำให้เกิดเหตุการณ์การฝุ่นปกคลุมเมือง  นักวิชาการเสนอแนะให้ประชาชนสวมใสหน้ากากอนามััย และพยายามหลีกเลี่ยงสถานที่ที่มีฝุ่นหนาจัด..."


              ชายหนุ่มเหลือบมองหน้าปัดนาฬิกาที่ข้อมือของตัวเอง และปิดรายการโทรทััศน์โดยทันที เขาหยิบแก้วกาแฟและจานขนมปังวางไว้ที่อ่างล้างจาน และหลังจากนัั้นหยิบกระเป๋า หยิบกุญแจบ้าน รถ เดินออกหน้าบ้าน เขาเอากระบวยตักน้ำในโอ่งจิ้งจกและรดน้ำที่ต้นไม้หน้าบ้าน เขาเหลือบมองไปที่บ้านข้างๆ เห็นสาวสวยคนหนึ่งกำลังใส่กลอนประตูบ้านและเตรียมตัวไปทำงาน


              "ไงบ้าง เช้านี้"


              "ก็สบายดีนะ"


              "ดูเธอหน้าตาซีดเซียวจัง  นอนหลัับไม่เพียงพอหรอกเหรอ"


              "เธอดูฉันออกด้วยเหรอ นี่ฉันรองพื้นหนามากเลยนะเนี่ย" สาวคนนี้กล่าวขึ้นและเบือนสีหน้าออกไปในระหว่างการสนทนา  "ก็เมื่อคืนฉััันกัับแฟนทะเลาะกันอีกแล้ว หลังจากที่เขาเลิกงาน เขาออกไปปาร์ตี้กัับกลุ่มเพื่อนข้างนอกตั้งแต่ตอนประมาณหนึ่งทุ่มโดยที่ไม่บอกฉัน  ฉััันก็โทรถามหาด้วยความเป็นห่วง แต่เขากลับตะคอกหาว่าฉันยุ่ง จนเราต้องมีปากเสียงกัน และเขาก็ปิดโทรศัพท์ใส่ฉัน ฉัันก็ไม่รู้ว่าเขาจะอยู่กับใคร ไปที่ไหนกันต่อ จนตอนนี้เขายังไม่กลับมาเลย มัันน่าเหนื่อยใจนะที่แฟนของฉันเป็นคนแบบนี้ ไอ้เราก็เป็นห่วง แทนที่จะคุยกัันดีๆ ก็มีปากเสียงใส่กัน"


              "เธอลองใจเย็นๆ ดูก่อนนะ เขาคงไปไหนไม่ได้ไกล เดี๋ยวเขาก็กลับมาเอง"


              "อืม..งั้นฉันไปก่อนนะพีท แล้วเจอกันตอนเย็นล่ะ"


              "โอเค บาย.."          


              แมรี่ คือชื่อของหญิงสาวของคนนั้น เป็นเพื่อนบ้านข้างๆ ที่ผมรู้จัก เธอเป็นคนน่ารัก มีเสน่ห์ และใจดีกับสิ่งมีชีวิตบนโลก ที่บ้านของเธอเลี้ยงหมาตัวหนึ่งชื่อว่าแมว เพราะมันมีนิสัยที่ไม่ชอบอ้อนเจ้าของ และเลี้ยงกระต่ายชื่อว่ากระทิง เพราะมัันชอบเอาวิ่งเอาหัวชนกรง นอกจากนี้แล้วเธอชอบทำเบเกอร์รี่มาให้ผมลองชิม ผมชิมด้วยความสุขเพราะนี่เป็นของจากเธอ เอ...ผมบอกคุณไปแล้วหรือยังว่าผมแอบชอบเธอ แต่ติดที่ว่าเธอมีแฟนแล้ว  

  •            ท่ามกลางหมอกฝุ่นจิ๋วที่ลงหนาในเช้าวันนี้ ผมจำเป็นต้องออกเดินทางไปทำงานในย่านอุตสาหกรรม ผมทำงานเป็นวิศวกรผู้ควบคุมกระบวนการก่อสร้างอยู่ที่นั้น ผมต้องทำงานอยู่ร่วมกับกลุ่มควันและละอองฝุ่นอยู่ทุกเวลา จึงจำเป็นต้องสวมใส่เสื้อผ้าที่รัดกุม เพราะถ้าเป็นเสื้อผ้าทั่วไป ตกเย็นกลับมาก็จะเกิดอาการคันตามร่างกาย และเป็นภูมิแพ้ รวมกระทั้งการสวมหน้ากากที่ป้องกันฝุ่นไม่ให้ฝุ่นเข้าหน้าเข้าตา เพราะมันจะเกิดผลกระทบในเวลาต่อมา


               ผมขับมอเตอร์ไซต์ไปที่ทำงาน โดยในระหว่างที่ขับอยู่นั้น ผมคิดถึงเรื่องการกำจัดฝุ่นจิ๋วที่ว่านี้ไปเรื่อยๆ ดูเหมือนว่ามันจะไม่มีทีท่าจะลดลงเลย ซ้ำร้ายยังทวีความรุนแรงในด้านปริมาณที่เพิ่มขึ้นวันแล้ววันเล่า โดยยังไม่มีมาตรการการแก้ปัญหาที่แน่ชัดจากเบื้องบน  เมื่อวานผมเปิดเช็คข่าว ก็ได้รับคำตอบว่าปริมาณฝุ่นละอองในอากาศวัดได้ที่ 150 แต่เช้าวันนี้มีคนส่งข่าวว่าปริมาณฝุ่นละอองวันนี้อยู่ทีี่ 200 ซึ่งเป็นปริมาณที่น่าเป็นห่วงเป็นอย่างยิ่ง 


               เมื่อถึงที่ทำงาน ผมเดินไปยังบริเวณที่กำลังก่อสร้าง เห็นคนงานหลายคนกำลังทำงานอยู่ในพื้นที่แห่งนี้ ผมเริ่มตรวจดูโครงสร้าง ความแข็งแรงของโครงสร้าง อุปกรณ์วัสดุ ประสานงานกับผู้ทำงานช่าง และอื่นๆ อีกมากมายในบริเวณที่ก่อสร้างแห่งนี้  ผมเดินตรวจไปเรื่อย และมองชมวิวข้างนอกที่ชั้นทีี่ 3 ของอาคารแห่งนี้ ก็เห็นควันจากปล่องเตาเผาที่อยู่ห่างออกไปจากพื้นที่แห่งนี้ไม่ถึง 100 เมตร ปล่องนั้นมาจากโรงงานอุตสาหกรรมทีี่ต้องเผาจากสารเคมีโลหะหนัก ทำให้บางวันเกิดอาการระคายในโพรงจมูก  ผมวิงวอนว่าอยากให้งานนี้เสร็จเร็วๆ เพื่อจะได้หลีกหนีจากควันที่อันตรายนั้น


              ผมทำงานไปเรื่อยๆ จนถึงเที่ยงของวันนี้ ผมเริ่มมีอาการหน้าซีด มองท้องฟ้าและสิ่งต่างๆ ไม่ชัด ความร้อนจากแสงแดดแผดเผาลงมาทำให้ผมรู้สึกตัวแดงผิดปกติ ผมรู้สึกมีอาการสั่นและหวั่นไหว ผมเดินเข้าห้องน้ำ ถอดหน้ากาก เอาน้ำมาล้างหน้า ส่องกระจก เห็นภาพที่น่าตกใจเป็นอย่างยิ่ง ตาผมแดงก่ำ ใบหน้าแดงและรู้สึกร้อน เกิดผื่นแดงขึ้นตามลำคอ  ผมคิดว่าวันนี้ผมทำงานไม่ไหว จึงต้องขอลาหยุดการทำงานในวันนี้ 


                ผมรีบเดินทางกลับบ้านด้วยสภาพร่อนแร่ ผมพยายามตั้งสติให้ได้มากทีี่สุด เพื่อคอยบังคับตัวเองให้อยู่บนถนนได้อย่างปลอดภัย เมื่อผมถึงบ้าน ผมเอารถเข้าจอด และเปิดประตูบ้านอย่างเร็ว วิ่งไปห้องน้ำ ถอดเสื้อ ถอดกางเกงไว้ที่หน้าประตูห้อง และหยิบผ้าขนหนูอย่างไม่รีรอ เปิดฝักบัว ให้น้ำกระทบร่างกาย เพื่อให้ร่างกายอุ่นได้บ้าง  หลังจากอาบน้ำเสร็จ ผมเช็ดตัว สวมเสื้อผ้า นอนลงบนเตียงนอน จนเผลอหลับไป


                ผมตื่นขึ้นมาเพราะแมวที่ผมเลี้ยงเลียหน้าของผม มันมีชื่อว่าบลูด๊อก เพราะมันแข็งแรงมาก มันเคยกระโดดจากหลังคาบ้านไปยังบ้านหนึ่ง แต่พลาดท่าตกถึงพื้น ขาหัก แต่มันไม่ตาย แมวส่งเสียงเรียกผมใหญ่เลยราวกับว่ามันหิวอาหาร ผมมองนาฬิกาปลุกบนหัวเตียงนอนอีกครั้ง ก็เห็นเลขฐานสอง ผมวางมันทีี่เดิม และมองนาฬิกาฝาผนัง ก็ทราบว่ามันเป็นเวลาหกโมงเช้ากว่าๆ แล้ว จึงรีบไปเทอาหารให้เจ้าบลูด๊อก และจัดการทำธุระให้เสร็จในตอนเช้า และเตรียมไปทำงานที่แสนน่าเบื่อ


                เช้าของวันนี้รถหนาแน่นคับคั่งมาก ส่งผลให้จราจรติดขัด ซึ่งมันไม่เคยเป็นมาก่อน ทั้งรถใหม่ รถที่่ใช้งานสองสามปี และรถเก่าๆ ที่ใช้งานมากกว่า 10 ปี แออัดอยู่บนท้องถนน ผมพยายามขับมอเตอร์ไซต์ซิกแซกไปมา และไปจอดหลังรถขึ้น ที่ไม่สามารถมุดไปได้แล้ว เมื่อไฟสัญญาณจราจรแสดงไฟเขียว รถเก่าที่อยู่ข้างหน้า เร่งเครื่องเร่งเต็มที่ ทำให้ควันดำถูกพ่นออกมาปะทะหน้าของผม ผมไม่พอใจเป็นอย่างมาก จึงไปเคาะกระจก


                "พี่ๆ....รถพี่ควันดำ เลิกเอามาวิ่งเถอะ"

      
                "มึงมีปัญหาอะไร ไ-----  รถกูยังวิ่งได้ มันไปหนัก ---- มึงหรือไง"


                "ก็พี่เล่นปล่อยควันมาใส่ผมอย่างนี้ แล้วผมจะเป็นยังไง"


                "เรื่องของมึง กูไม่เห็นว่าปัญหามันเกี่ยวอะไรกับกูเลย ไอ้-------"   แล้วเขาปิดกระจก เหยียบคันเร่งและเร่งเครื่อง รถวิ่งผ่านสี่แยกไปอย่างรวดเร็ว พร้อมปล่อยควันให้เต็มพื้นที่ 


                  ในระหว่างการทำงานของวันนี้ ผมตรวจงานไปเรื่อยๆ กลุ่มช่างก่อสร้างทำงานอย่างขะมักเขม้น และแข็งขันในการทำงาน


                "เอ๊ะ!!! "               
                 ผมร้องขึ้นมา เพราะเท้าของผมดันไปเหยียบสิ่งใดสิ่งหนึ่ง  ผมมองไปที่พื้น ปรากฏว่าผมมีแท่งเหล็กที่ช่างก่อสร้างวางเอาไว้ แทงทะลุเท้าและเผยให้เห็นยอดแท่งเหล็ก ผมตกเป็นอย่างมาก และดึงเท้าขึ้นมาด้วยปฏิกิริยาตอบสนองฉับไว แท่งเหล็กหลุดออกจากเท้าผม ผมถอดรองเท้าบู๊ทหนาออก มองเท้าตัวเอง ปรากฏว่ามันไม่มีร่องรอยการบาดเจ็บและไม่มีความรู้สึกเจ็บปวดจากการแทงเลย ผมสามารถเดินได้ปกติ 


                ผมไม่แน่ใจในร่างกายของผม ผมจึงง้างเท้าเตะผนังคอนกรีตอย่างสุดแรง ในจังหวะที่เท้ากระทบกับผนัง เท้าของผมแตกละเอียดเป็นเม็ดทรายเม็ดเล็กๆ กองบนพื้น ผมทรงตัวด้วยขาตัวเองหนึ่งข้าง หลังจากนั้นในไม่ช้าเม็ดทรายเล็กๆ รวมตัวก่อร่างสร้างรูปตรงท่อนขาที่ขาด กลายเป็นเท้าผมเหมือนเดิม   ผมรู้สึกเหมือนว่าผมได้รับพลังพิเศษ มันเป็นเหมือนพลังของจิ้งจกที่ถูกตัดหาง ไม่สิ มันเป็นพลังของการแตกตัวเป็นชิ้นส่วนเล็กๆ  

  •      

               เย็นวันนี้ ในระหว่างที่ผมกำลังพรวนดินสวนหน้าบ้านของผม ผมได้ยินเสียงทะเลาะจากบ้านแมรี่ พร้อมกับเสียงโครมครามเอะอะโวยวาย ทำให้ผมหันไปมองไปที่บ้านของแมรี่ แฟนของเธอเดินออกจากบ้าน ปิดประตูบ้านดั่งลั่น เปิดประตูรั้ว ขึ้นรถเก๋ง โดยแมรีี่เปิดประตูเดินออกมาหน้าบ้านและพูดจาตะคอกใส่


                "ไ---- ชาติ ----- มีมึงยังนี้กูไม่เอาหรอก ไปตายกับนังนั่นให้พ้นๆ ซะ"


                "กูจะไปไหนก็เรื่องของกู ไ-- --  เลี้ยง --- เอาไว้ ยังดีกว่าเลี้ยงมึงซะอีก"


                รถเก๋งของแฟนเธอ รีบขับออกไปจากบ้านเธออย่างรวดเร็ว พร้อมกับแมรี่ที่เอารองเท้าขว้างปาตามหลังมา หลังจากนั้นไม่นาน แมรี่ยืืนร้องไห้ และเดินไปเก็บรองเท้าที่ตกบนพื้นถนนหน้าบ้าน เธอเดินกลับมา ปิดประตูรั้ว 


                "แมรี่ แมรีี่....เป็นอะไรบ้างหรือเปล่า"

              
                "โถ พีีทเองหรอกเหรอ  ขอโทษด้วยที่ฉันส่งเสียงดังไปหน่อย"


                "ไม่เป็นไรหรอก เกิดอะไรขึ้นกับเธอเหรอ"


                "ก็ฉันจับได้ว่าแฟนของฉันไปมีความสัมพันธ์ชู้สาวกับคนในทีี่ทำงานนะสิ ถ้าฉันจับไม่ได้ไล่ไม่ทันป่านนี้คงไปคาบไปกินแล้ว  ให้ตายเถอะ มาคบกับผู้ชายเจ้าชู้นี้มันแย่ซะจริงๆ จะให้ทำอย่างไรให้เลิกนิสัยแบบนั้นได้สักที เมื่อไหร่เขาจะรู้จักพอ และมองเห็นคุณค่าของเรา ตอนทีี่เข้ามาจีบก็ทำตัวดูดี แต่พอหลังๆ ก็ออกลายกันแบบนี้ อยู่ๆ กันไปก็เบื่อๆ"


                "อย่าร้องไห้เลยนะ เช็ดน้ำตาก่อนสิ เธอรักเขามากเกินไปจนลืมรักตัวของตัวเองหรือเปล่า เธอยอมให้เขามากขนาดไหน แล้วเขากลับทำร้ายเธออย่างนั้น อย่ามัวแต่คิดวิตกกังวลเรื่องงนี้ไปเลย เธอเปลี่ยนเขาก็ไม่ได้หรอก แต่เธอเองก็มีวิธีจัดการตัวเองให้เขาเลือกอยู่กับเธอมากกว่าคนของเขานะ"


                ".........."


                "อืม....ขอบใจนะพีท"  แมรี่ส่งยิ้มกลับมา "เอาเค้กหน้าเละไหมล่ะ มันเป็นเค้กสูตรใหม่ของฉันนะ"


เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น

Log in