นี่คือสิ่งที่ผมสมควรจะได้รับจากสถิติทำงาน5 ปีไม่เคยลาพักร้อนสินะ
,
"นี่คือแฟ้มข้อมูลของเป้าหมายเขาเป็นพยานคนสำคัญที่เห็นผู้ต้องสงสัยในคดีวางระเบิดห้างสรรพสินค้าเมื่อสัปดาห์ก่อนแล้วก็เป็นหุ้นส่วนคนนึงของห้างนั้นด้วย นายก็แค่คุ้มกันเขาระหว่างที่เรายังสะสางเรื่องคดีไม่เรียบร้อย"
"นี่คือสาเหตุที่เรียกผมกลับมา?ไม่ใช่ว่าเรื่องแค่นี้ใครๆก็ทำได้รึไง"
เจ้านายผมหรี่ตามองผ่านแว่นสายตาแล้วส่ายหน้าแทนคำตอบ
"ต้องเป็นนายเท่านั้น"
แฟ้มสีดำถูกยัดใส่มือผมก่อนที่อีกฝ่ายจะออกจากห้องไปก่อนปิดประตูยังมีการหันมาบอกทิ้งท้าย
"อ๋อ...ต้องไปถึงตัวเป้าหมายก่อน 10 โมงตรงนะเขาต้องไปประชุมหรืออะไรนี่แหละ"
ผมถอนหายใจ ถือแฟ้มในมือเดินออกจากห้องตามไปอีกคนแล้วตัดสินใจว่าจะไปแวะซื้อกาแฟหาที่จอดรถแล้วก็ศึกษาข้อมูลของคนที่ต้องไปคุ้มอยู่ในนั้นจนกว่าจะใกล้ถึงเวลานัด
ในแฟ้มมีข้อมูลทั่วไป ชื่อ นามสกุล อายุ น้ำหนักส่วนสูง การศึกษา ... ซึ่งสิ่งเหล่านี้ไม่ใช่ข้อมูลที่จำเป็น สิ่งที่ผมต้องรู้ในตอนนี้คืออาชีพที่อีกฝ่ายทำอยู่ ขอบเขตของธุรกิจที่เจ้าตัวรับผิดชอบ เพื่อพิจารณาถึงความเป็นไปได้ว่าจะมีศัตรูอยู่กี่กลุ่ม และเป็นใครบ้าง
นี่ไง...หน้าที่สามของแฟ้มเป็นข้อมูลอาชีพที่ทำ หน้าที่ 4 ข้อมูลการฝึกอบรม และรางวัลที่เคยได้รับ โอ๊ย!ใส่อะไรมาเยอะแยะมากมาย
หน้าสุดท้ายถึงจะเป็นรูปภาพ...
ซึ่งก็...ฉิบหายแล้ว!
,
ผมขึ้นลิฟต์ไปถึงชั้นบนสุดของตึกในเวลา
วินาทีแรกที่มองไปแล้วเห็นอีกฝ่ายในเสื้อเชิ้ตสีดำนั่งอยู่หลังโต๊ะทำงานในใจผมก็ตะโกนออกมาอีกครั้ง
แม่งเอ๊ย! เวรตะไล!
เราเคยเจอกันเมื่อ
ตอนนั้นผมอยู่ในช่วงพักฟื้นหลังได้รับบาดเจ็บจากการปฏิบัติหน้าที่แล้วก็ใช้จังหวะนี้ลาพักร้อนต่อไปอีกครึ่งเดือน
การเป็นเจ้าหน้าที่หน่วยพิเศษต้องการคุณสมบัติหลายอย่างทั้งภาษา การคิดวิเคราะห์ ทักษะการต่อสู้หลายรูปแบบ และสิ่งที่ไม่จำเป็นจะต้องมีเลยคือ ‘ความรัก’ เพราะมันเป็นอุปสรรคที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในการทำงาน ดังนั้นการมีความสัมพันธ์ชั่วข้ามคืนจึงไม่ใช่เรื่องแปลกใหม่สำหรับผม
มันเกิดขึ้นนานๆครั้งในวันที่ผมว่างมากพอจะเบื่อหรือเหงา จนออกไปนั่งฆ่าเวลาในร้านบรรยากาศดีๆสักทีแล้วบังเอิญเจอคนที่ถูกใจ ความสัมพันธ์แบบนั้นมักจะจบลงทันทีที่เช้าวันใหม่มาถึงอาจจะมีครั้งที่ 2 แต่ก็ต้องอยู่ภายในความเข้าใจที่ตรงกันว่ามันเป็นแค่เรื่องของร่างกายและความต้องการ...ไม่มีความรู้สึกผูกพันหรืออะไรที่มากกว่านั้นเข้ามาเกี่ยวข้องเด็ดขาด
ดีลกันได้ก็โอเค...ถ้าไม่ก็คงต้องบาย
มีหลายครั้งที่ผมโดนตามตื๊อเพื่อสานต่อความสัมพันธ์ และคนที่ดื่มกาแฟดำแบบกระป๋องอยู่ตรงหน้านี้ก็คือหนึ่งในนั้น
เขาตามหาผมจนเจอในคืนถัดไปซึ่งนั่นก็ทำให้ผมแปลกใจอยู่ไม่น้อยไม่ใช่ว่าเรื่องบนเตียงเมื่อคืนที่ผ่านมามันแย่หรอกนะ มันดี ดีมากซะด้วยซ้ำ แต่ท่าทีนิ่งเฉยของเจ้าตัวหลังจากนั้นทำเอาผมโล่งใจคิดว่าเงื่อนไขของเราตรงกัน
ซึ่งไม่ใช่...การเจอกันครั้งนี้ ทำให้ผมรู้เลยว่ามันไม่ใช่แค่เรื่องของร่างกาย ดวงตาสีเฮเซลคู่นั้นบอกว่าเขาต้องการเจอผมอีกเมื่อเรากลับมาที่ประเทศบ้านเกิดโดยไม่ต้องใช้คำพูด แน่นอนว่าผมปฏิเสธไปอย่างเด็ดขาด
ระหว่างที่ผมกำลังเดินจากบาร์ริมทะเลกลับมาที่ห้องพักโดยมีอีกฝ่ายตามมาด้วยเงื่อนไขที่ว่า ‘แค่มาส่งเท่านั้นและห้ามเข้าไปในห้องพักของผมอย่างเด็ดขาด’อยู่ดีๆก็มีวัยรุ่นคนนึงวิ่งตรงมาทางนี้ และคว้ากระเป๋าสตางค์ผมไปทันทีที่สวนกันรู้อย่างนั้นผมก็หันตัวกลับ ตั้งใจจะวิ่งตาม แต่อีกคนที่เดินมากลับเร็วกว่า เขาคว้าตัวเจ้าเด็กนั่นไว้ทัน ล็อคแขนไว้ก่อนจะกดตัวอีกฝ่ายเข้ากับฝาผนังและตบกระเป๋าของผมคืนมาอย่างรวดเร็ว
แต่เจ้าพวกนี้ดันทำงานเป็นทีมพอเห็นว่าเพื่อนจนมุมแล้ว พวกที่เหลืออีกสี่คนก็ออกมาช่วยเพื่อนตอนนั้นเองที่ผมได้รู้ว่าเขาสู้เป็น แล้วก็ฝีมือดีซะด้วย
ความวุ่นวายเล็กๆจบลงที่อีกฝ่ายซัดแก๊งโจรขโมยกระเป๋าหมอบไปสามส่วนผมแค่ 2 แต่ 1 ในนั้นมีปืนพกแบบที่ประดิษฐ์ขึ้นมาเอง ตำรวจมาถึงหลังจากที่พวกเราจัดการทุกอย่างเรียบร้อยแล้ว
แต่เราทั้งคู่ยังต้องไปสถานีตำรวจต่อเพื่อบันทึกเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นหลังจากนั้นความผิดพลาดก็เกิดขึ้น เราจบลงบนเตียงอีกครั้งแต่คราวนี้กลับเป็นที่โรงแรมหรูซึ่งอีกฝ่ายพักอยู่
และนั่นทำให้ช่วงเวลาพักผ่อนของผมพังลงไปเป็นท่าผมตัดสินใจเก็บของและบินกลับประเทศทันทีในวันถัดไป พร้อมกับความคิดตั้งใจแน่วแน่เลยว่าคงจะต้องเลิกทำอะไรแบบนี้ไปอีกสักพัก แล้วเปลี่ยนแผนมาเก็บตัวอยู่บ้านกับแมวที่เลี้ยงไว้ดูโทรทัศน์ ออกไปซื้อเสื้อผ้า ทำอาหาร ออกไปเดินเล่น ดื่มกับเพื่อนๆหรือขับรถเล่นบ้าง อย่างที่ไม่ได้ทำมานาน ...จนกระทั่งโดนเรียกตัวกลับมาทำงานในวันนี้
“สวัสดีครับ”
“ยินดีที่ได้พบ คุณมาช้ากว่าที่ผมคิดไว้”
ฝ่ายที่นั่งอยู่ลุกขึ้นโยนกระป๋องกาแฟดำลงถังขยะที่มุมห้องอย่างแม่นยำแล้วเดินตรงมาทางนี้ก่อนจะยกมือขึ้นแตะแผ่นหลังบริเวณเหนือสะโพกจนผมต้องเบี่ยงตัวหลบเขาเหลือสายตามามอง มุมปากยกขึ้นเป็นรอยยิ้มเล็กน้อยที่หายไปอย่างรวดเร็วก่อนจะยกมือขวาที่ว่างขึ้นมาดูนาฬิกา
“ผมมีประชุมกับสภาอุตสาหกรรมตอนสิบโมงตรงรีบไปเถอะ เดี๋ยวจะสาย”
“ครับ”
ผมรับคำแค่นั้นก่อนจะเดินตามอีกฝ่ายออกจากห้อง ลงลิฟต์ไปยังลานจอดรถแล้วก็ต้องชะงักไปนิดหน่อยตอนเห็นเขาเดินตรงไปยังมุมจอดรถพิเศษที่ถูกกันไว้โดยเฉพาะ ซึ่งมีฟอร์ดมัสแตงสีแดงที่ติดแถบสีขาวคู่กันยาวตลอดคันไม่ต่างจากรถแข่งจอดอยู่
สิ่งแรกที่ผมคิดคือคนระดับนี้เขาไม่มีคนขับรถส่วนตัวกันหรือไง ส่วนความคิดต่อมาน่ะเหรอ?
เวรเอ๊ย! ผมเกลียดสีแดงชะมัด!
END
เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น
Log in