แกรู้จักชิกิงามิมั้ย?
มันคือตุ๊กตากระดาษที่มีวิญญาณของเทพสถิตอยู่ มีหน้าที่ปกป้องและทำทุกอย่างตามที่เจ้าของสั่ง
... แกเองก็ต้องเป็นอย่างนั้น
สักวันนึงนายน้อยจะโตขึ้นเขาจะรับช่วงต่อทุกอย่างไปจากฉัน แต่มันไม่มีทางหรอกที่เขาจะดูแลทั้งหมดๆได้ด้วยตัวคนเดียว แกต้องอยู่ข้างเขา ปกป้องเขา คอยจัดการทุกอย่างรอบตัวของเขาให้เรียบร้อยและสมบูรณ์แบบที่สุด
นี่คือเหตุผลที่แกเกิดมา
นี่คือสาเหตุที่แกยังมีชีวิตอยู่
,
นายท่านเป็นคนพูดน้อย...
นั่นอาจจะเป็นประโยคที่ยาวที่สุดที่ท่านเคยพูดกับเขา
เขาเกิดในครอบครัวที่รับใช้ตระกูลนี้มายาวนานรุ่นต่อรุ่น เมื่อเกิดมาจะได้รับการดูแลอย่างดี และมีระเบียบ โตขึ้นจะถูกส่งให้ไปเรียนในโรงเรียนชั้นนำผลการเรียนจะต้องเป็นเลิศ จะต้องมีความรู้รอบด้าน เพื่อที่ได้เป็นกำลังสำคัญให้กับผู้นำรุ่นต่อไปของตระกูล
หลังจากที่นายท่านพูดกับเขาเช่นนั้นได้ไม่นานท่านก็ล้มป่วย แล้วนายน้อยที่ใช้ชีวิตอยู่ต่างประเทศก็ต้องกลับมาและขึ้นมาแทนที่ของนายท่าน
“เตรียมรถไว้เรียบร้อยแล้วครับ”
เขาพูดกับนายน้อยที่เดินออกจากลิฟต์มาด้วยท่าทางทีสง่างามเหมือนทุกครั้ง เมื่อเห็นว่าอีกฝ่ายหันมาพยักหน้ารับและเดินผ่านไปโดยที่ยังคงคุยกับหุ้นส่วนธุรกิจต่อจนถึงหน้าประตูเขาก็เดินตามไปจนถึงรถ ก่อนจะอ้อมมาเปิดประตูให้
นายน้อยของเขาจับมือกับหุ้นส่วนบอกลา และขึ้นรถ ดึงประตูไปปิดเองก่อนที่เขาจะได้ปิดให้ตามหน้าที่เห็นอย่างนั้นเขาเลยเดินอ้อมมายังที่นั่งอีกฝั่ง ขึ้นรถ แล้วขับรถออกไป
ทันทีที่รถเคลื่อนตัว... นายน้อยก็พูดออกมา พร้อมกับถอดเสื้อสูทแล้วโยนไปที่เบาะหลัง คลายปมเนคไท ปลดกระดุมสองเม็ดบน
“ฉันเกลียดไอ้งานผู้บริหารอะไรนี่เป็นบ้า”
“...”
เขารับฟังแต่เงียบ เมื่อไม่ใช่คำถาม เขาเองก็ไม่มีหน้าที่ตอบ
“เฮ้...ไม่ตอบอะไรกลับมาหน่อยเหรอ?”
“ผมฟังอยู่ครับ...”
“โอเคๆ เรื่องของเรื่องคือฉันไม่ชอบงานเอกสาร ไม่ชอบงานที่ทำได้แค่นั่งโต๊ะกับเข้าห้องประชุมไม่ชอบไล่จับผิดคนโน้นคนนี้ แล้วก็สั่งให้คนอื่นทำอะไรตามที่ต้องการ พอเขาทำมาไม่ได้ดั่งใจ ฉันก็ได้แต่สั่งให้เขากลับไปทำใหม่ อยากไปลงมือลุยเองซะทุกอย่างจริงๆ”
“ผมทราบครับ”
“ขอบคุณที่ตอบ พวกตาแก่เวรนั่น ต่อหน้าก็ครับๆๆๆผมเห็นด้วยครับ แต่ก็ลับหลังก็ต้องพูดจาดูถูกว่าฉันไม่รู้เรื่องอะไรสักอย่างอยู่แล้วมองแว๊บเดียวก็รู้ ปวดประสาทจริงๆ พอได้มาทำเองแล้วเข้าใจเลยว่าทำไมพ่อถึงเส้นเลือดในสมองแตกได้– เอาล่ะ วันนี้ต้องทำอะไรต่ออีกมั้ย?”
“ไม่มีแล้วครับ”
“หาอะไรกินกันเถอะ นายอยากกินอะไรเป็นพิเศษมั้ย?”
“ไม่มีครับ”
“งั้น...ฉันอยากกินอาหารจีนร้านที่เราไปกินด้วยกันวันก่อนจำได้มั้ย?”
“จำได้ครับ”
“โอเค ระหว่างนั้นของีบแป๊บนึงแล้วกันถึงร้านแล้วปลุกด้วยนะ”
“ครับผม..”
เสียงทุ้มๆที่เคยพูดอยู่ของอีกฝ่ายเงียบไปแล้วและเปลี่ยนเป็นเสียงกรนเบาๆนั่นทำให้มุมปากของยกเขาขึ้นเป็นรอยยิ้มอ่อนหวานแบบที่ไม่เคยมีใครได้เห็น
จนกระทั่งรถติดไฟแดง เขาหันไปมอง พบว่าอีกฝ่ายหลับในท่าที่ไม่ค่อยไม่สบายนัก ถึงได้หายใจไม่สะดวกแบบนั้น
เขายื่นมือไปประคองใบหน้าที่ก้มอยู่ในเงยขึ้นหัวใจแทบจะหยุดเต้นตอนที่ปลายนิ้วสัมผัสได้ถึงไรหนวดที่เพิ่งขึ้นบนสันกราม ไม่ทันได้ผละมือออกมา อีกฝ่ายก็ก้มหน้าลงเหมือนเดิมโดยไม่รู้ตัว
...ริมฝีปากคู่นั้นสัมผัสลงมาบนมือของเขาพอดี
นั่นทำให้เขารีบดึงมือตัวเองมือกลับมากุมหน้าอกเอาไว้ รู้สึกได้ถึงหัวใจที่เต้นผิดจังหวะไปหมดจากกลางฝ่ามือ ก่อนที่สัญญานไปจราจรจะเปลี่ยนเป็นสีเขียว...
เขาขับรถอีกครั้งหัวใจยังคงเต้นระรัว และนึกถึงช่วงเวลาที่ผ่านมา
นายท่านให้เขาได้เรียนรู้ทุกอย่างเพื่อที่วันนึงจะได้เป็นกำลังให้นายน้อย ภาษา มารยาท การคิดคำนวณ คิดวิเคราะห์ การบริหารจัดการและวางแผน เพื่อที่จะสามารถรับมือกับทุกอย่างที่สามารถเกิดขึ้นได้
...แต่ไม่เคยมีใครสอนเลยสักครั้ง ว่าเขาควรทำอย่างไรกับความรู้สึกนี้
เขาไม่เคยได้เรียนรู้ ว่าควรรับมือกับความรู้สึกที่เรียกว่า ‘ความรัก’ อย่างไร
END
เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น
Log in