พี่ Y : พี่อ่าเป็นลูกร.10 แต่แม่พี่ไม่ได้เป็นมเหสีนะ เค้าไม่ได้แต่งตั้ง เนี่ยพี่ก็กำลังรอเค้าแต่งตั้งเป็นองค์หญิงอยู่
ฉัน : อ๋อหรอ
พี่ Y : ที่ตรงอนุฯอ่าเป็นของพี่หมดเลยนะ พ่อพี่ยกให้
ฉัน : อ๋อหรอ
ฉันได้แต่เออออไปโดยไม่โต้แย้งอะไร คราวนี้อาการของพี่ Y ค่อนข้างหนักมาก แต่ก็ยังคุยกับคนอื่นรู้เรื่อง ยังบอกได้ว่าต้องการหรือไม่ต้องการอะไร แต่เรื่องโลกใบที่สองของพี่ Y ฉันเองก็ไม่รู้ว่าอย่างนี้เรียกว่าอาการหนักถึงขั้นไหน วันหนึ่งในเช้าที่ร้อนอบอ้าวฉันเดินถือหนังสือออกไปนั่งอ่านริมระเบียงชั้นหนึ่ง พี่ Y นั่งอยู่ตรงนั้นหลังโต๊ะเลื่อนได้ที่เต็มไปด้วยกระดาษระบายสีและหนังสืออ่านเล่น
พี่ Y : นี่รู้มั้ยพี่กับแฟนอ่านะพบรักกันที่ร้านหนังสือดอกหญ้าที่อนุฯแหละ
ฉัน : ตอนนี้ร้านปิดไปตั้งนานแล้วนี่
พี่ Y : ใช่ น่าเสียดายเน้อ
หลังจากคุยกันพักใหญ่แบบรู้เรื่องบ้างไม่รู้เรื่องบ้าง พี่ Y ก็รู้ว่าฉันเปิดร้านหนังสืออิสระอยู่ที่บ้าน
พี่ Y : มาเปิดร้านหนังสือที่อนุฯสิ เดี๋ยวพี่ยกให้ห้องนึงฟรีๆเลย พี่อยากรำลึกความหลัง
ฉัน : อืม จะลองคิดดูละกัน
บทสนทนาของพี่ Y กับฉันหลังจากนั้นกลายเป็นเรื่องชักชวนมาเปิดร้านหนังสือที่อนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิ ถ้าเป็นได้อย่างนั้นคงเป็นทำเลทองของฉันจริงๆ แต่เรื่องนั้นมันเป็นจริงแค่ในโลกใบที่สองของพี่ Y ที่ฉันเข้าไปเอาแน่เอานอนอะไรไม่ได้เลย หลังๆฉันจึงเลี่ยงเจอหน้าพี่ Y ด้วยความรำคาญใจ เพราะพี่ Y พูดแต่เรื่องเดิมๆ ไม่เรื่องร้านหนังสือที่อนุฯก็เรื่องรอการแต่งตั้งเป็นองค์หญิง ก่อนฉันจะออกจากวอร์ดประมาณ 5 วันพี่ Y ก็ชิงออกไปก่อนฉัน แต่อีก 3 วันถัดมาก็เข้ามาแอดมิทด้วยอาการที่หนักกว่าเดิม คือคุยไม่รู้เรื่อง พูดไม่เป็นคำจนจับใจความไม่ได้ ฉันไม่รู้เลยว่าโลกแห่งความเป็นจริงทำร้ายอะไรพี่ Y เสียจนเสียผู้เสียคนขนาดนี้ บางทีการปล่อยให้พี่ Y อยู่ในโลกใบที่สองของเค้าอาจเป็นสิ่งที่สมควรทำที่สุดก็ได้
เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น
Log in