หลังจากกลับถึงบ้านสิ่งที่ฉันมองหาเป็นสิ่งแรกคือพัสดุที่ฉันสั่งซื้อเอาไว้ฉันแอบเปิดมันและแอบเอามันไปซ่อนไว้อย่างดีในกระเป๋าเดินทางที่ฉันล็อกรหัสเอาไว้ รวมถึงมีดผ่าตัดที่อุตส่าห์ซื้อกระเป๋าโหลดเพื่อเอามันกลับมาจากกรุงเทพด้วยและจดหายลาตายที่เขียนใส่ซองจ่าหน้าเอาไว้เรียบร้อยฉันเก็บรักษาไว้อย่างดีรวมกับยาฆ่าแมลงสองขวดนั้น
ระหว่างอยู่บ้านฉันรู้สึกมีความสุขอย่างประหลาดและโล่งใจอย่างบอกไม่ถูก ครอบครัวของฉันพาฉันไปเที่ยวที่นั่นที่นี่ตามที่ฉันร้องขอมีอยู่ที่หนึ่งที่เคยเป็นที่ที่ฉันอยากไปจบชีวิตที่นั่นมันเป็นลักษณะชะง่อนผาแหลมยื่นออกไปในอากาศเคยมีคนประสบอุบัติเหตุตายที่นั่นแล้วหลายคนแต่สถานที่นี้ก็ยังไม่สั่งปิดเนื่องจากวิวที่สวยมากดึงดูดนักท่องเที่ยวมากมายและทำเงินอย่างมหาศาลให้กับจังหวัดทันทีที่ฉันขึ้นไปถึง ฉันรู้ดีแล้วว่าฉันคิดถูกที่เปลี่ยนใจไม่ฆ่าตัวตายที่นี่วิวของทะเลและเกาะต่าง ๆ ที่มองเห็นจากตรงนี้มันสวยเหลือเกิน เกินกว่าที่จะเป็นความทรงจำร้ายๆ ของใครหลาย ๆ คน
เมื่อมีวันตรุษจีนก็ย่อมเป็นธรรมดาที่จะมีญาติโกโหติกาต่างๆ มาเยี่ยมเยียนที่บ้านพร้อมเค้ก ขนมเข่ง ส้มและผลไม้กระป๋องแลกกันไปแลกกันมาไม่จบสิ้น ฉันสงสัยมานานแล้วว่าทำไมเขาไม่แลกของที่มันแตกต่างกันของที่มีมันจะได้ไม่ซ้ำกัน แต่นั่นไม่ใช่ประเด็น ประเด็นก็คือญาติทุกคนทักฉันว่า
มีวันหนึ่งที่บ้านหลังจากฉันกินยาApalife เสร็จฉันดันเผลอวางทิ้งไว้บนโต๊ะกินข้าวที่บ้านหลังจากตื่นนอนขึ้นมาในวันต่อมาแม่ก็ทักฉันเรื่องยานี้
“ม้าเห็นขวัญกินยานี้นี่มันยาคนบ้านี่ กินทำไม”
หลังจากคำนั้นเท่านั้นแหละฉันหยุดกินยาทุกอย่างที่หมอสั่งทันที ซึ่งเป็นสิ่งที่ไม่ควรทำอย่างยิ่งไม่ว่าจะด้วยสาเหตุใดก็ตามการหยุดยาในครั้งนั้นทำให้ฉันนอนไม่หลับหรือถ้านอนหลับก็จะฝันร้ายและตื่นขึ้นมาตอนกลางคืนอยู่ดีจากคนหน้าตาสดใสกลายเป็นตาหมีแพนด้าเพียงชั่วข้ามคืนแต่ฉันก็ยังใช้ชีวิตต่อไปเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น
ฉันจำได้ดีว่าคืนนั้นเป็นคืนวันอังคารฉันซื้อเหล้ายี่ห้อดังและน้ำผลไม้มาผสมกินจนเมาได้ที่ หลังจากฉันโทรคุยกับเพื่อนคนหนึ่งทางWhatsapp อยู่ประมาณ 3-4ชั่วโมงจนกระทั่งตี 12 ครึ่งพอรู้สึกว่าเริ่มสร่างเมา ฉันก็เกิดกลัวว่าตัวเองจะไม่มีความกล้าพอที่จะกินยาฆ่าแมลงจึงขอวางสายลงแต่เพียงเท่านั้น
ฉันเดินเข้าไปในห้องที่เตรียมไว้มันเป็นห้องนอนเก่าว่าง ๆ ที่ไม่มีอะไรนอกจากฟูกเล็ก ๆ
ฉันล็อกประตูห้องนั่งลงบนฟูก ห่มผ้าเอาไว้ ลบแอพพลิเคชั่นและปลดล็อกโทรศัพท์มือถือของตัวเองปิดไฟจากมือถือเพื่อทำให้ห้องมืดที่สุด แต่ก็ยังมีแสงไฟจากถนนลอดเข้ามาจนฉันเห็นเพดานไม้ของห้องชัดเจนมันไม่เหมือน Safe Place อย่างที่ฉันคิดไว้และภาพเพดานนั้นยังหลอนอยู่ในสมองฉันจนถึงวันนี้
ฉันหยิบยาฆ่าแมลงขึ้นมาแล้วกระดกเข้าไปให้มากที่สุดเท่าที่จะมากได้กลิ่นของมันเหม็นมาก ฉันอาเจียนออกมาส่วนหนึ่ง ฉันจึงกระดกเข้าไปอีกหวังว่าจะทดแทนส่วนที่อ้วกออกมาได้เมื่อยาฆ่าแมลงหมดไปจากขวดประมาณเศษ 3
ปอดของฉันขยับขึ้นลงอย่างหนักเหมือนปั๊มสูบน้ำที่กำลังจะพังประสิทธิภาพการหายใจของฉันเหลือ 90 เปอร์เซ็นต์และมันลดลงเรื่อย ๆ เหลือ 70 เปอร์เซ็นต์, 50
ไม่ไหวแล้วทำไมไม่ตายสักที จะอาเจียนวนซ้ำไปซ้ำมาอย่างนี้จนถึงเช้าเลยรึไง
ฉันตัดสินใจเดินโซเซไปเปิดประตูและลงไปชั้นล่างฉันปลุกแม่ให้ตื่นขึ้นและพาไปโรงพยาบาล
ฉันมาทราบในภายหลังว่ารถพยาบาลแนะนำให้พาไปที่โรงพยาบาลที่ใกล้ที่สุดพ่อของฉันเลยพยุงฉันขึ้นไปบนรถ ฉันไปอาเจียนต่อในนั้น
“พ่อ...ลูกไม่ได้บ้านะลูกแค่เป็นโรค OCD” ฉันพูดซ้ำ ๆ ในรถทั้งน้ำตา
“ไม่เป็นไร ๆ ค่อยว่ากันตอนนี้ไปโรงพยาบาลก่อนนะ” พ่อบอกฉันมาอย่างนั้น
บรรยากาศในห้องฉุกเฉินวุ่นวายมากทั้งพยาบาลและหมอเวรรุมถามคำถามฉันมากมาย กินอะไรเข้าไป? ยาฆ่าหญ้าหรือยาฆ่าแมลง?กินเข้าไปนานเท่าไหร่แล้ว? ฉันตอบคำถามไปเท่าที่พอจะตอบไหว เพราะตอนนี้ทั้งปากจมูก หลอดอาหาร กระเพาะมันแสบระบมไปทุกส่วนเสียแล้ว
“เดี๋ยวพี่พยาบาลจะสอดท่อเข้าไปทางจมูกน้องช่วยพี่พยาบาลกลืนสายเข้าไปหน่อยนะคะ เจ็บนิดเดียวนะ” เสียงพยาบาลพูดข้าง ๆ ฉันแล้วสอดท่อเข้ามาทางรูจมูกขวาฉันพยายามกลืนไอ้ท่อนั่นลงไปให้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้แต่น้ำลายของฉันเหมือนลาวาที่กำลังคุกรุ่น มันเผาคอของฉันเสียแทบไหม้
“ไม่ไหวแล้วล่ะได้แค่นี้แหละ ล้างท้องเลยดีกว่า เดี๋ยวพี่ไปเตรียมคาร์บอนให้”เสียงป้าพยาบาลคุยกับพี่พยาบาลที่ใส่ท่อให้ฉัน
ตลอดเวลาที่พยาบาลอัดน้ำเข้าไปข้างในกระเพาะอาหารและดูดเอายาฆ่าแมลงออกมากลิ่นยาคละคลุ้งไปทั่วห้องฉุกเฉินจนบุรุษพยาบาลต้องหาพัดลมตัวใหญ่มาเป่าให้กลิ่นจางไปนอกจากการล้างท้องที่ทำให้ยาฆ่าแมลงออกมาแล้ว ฉันยังอาเจียนไม่หยุดอีกด้วยนั่นยิ่งทำให้คอของฉันเหมือนถูกไฟเผาลาวาน้ำลายที่หลั่งออกมาในปากฉันก็ไม่สามารถกลืนเข้าไปได้อีกต่อไป
“นี่มันอะไรกันเนี่ยพยาบาลอะไรออกมาจากปาก” เสียงแม่ของฉันตกใจมาก แม่ยืนอยู่ข้าง ๆ เตียงของฉันตลอด
“น้ำลายฟูมปากแล้วค่ะคุณแม่”เสียงป้าพยาบาลตอบแบบเห็นเป็นเรื่องธรรมดา
ตลอดเวลาที่พยาบาลดูดยาฆ่าแมลงออกจากกระเพาะพ่อและแม่ของฉันยืนจับมือให้กำลังใจฉันอยู่ตลอดเวลามันไม่เหมือนในละครที่ญาติห้ามเข้ามาในห้องฉุกเฉินเพราะห้องฉุกเฉินในโรงพยาบาลเล็ก ๆ แถมเป็นเคสที่มีการใช้สารพิษอันตรายขนาดนี้การล้างท้องต้องทำในระบบเปิด พ่อและแม่จึงเข้ามาจับมือของฉันได้ฉันเห็นน้ำตาพ่อคลอเบ้า
“ไม่เป็นไรนะไม่เป็นไร ค่อยว่ากัน ตอนนี้รักษาตัวก่อน” พ่อพูดวนๆกับฉันเบาๆอย่างนั้นแล้วก้มลงจูบหน้าผากฉันส่วนแม่ซึ่งปกติเป็นคนร้องไห้เก่งก็พยายามกลั้นน้ำตาเอาไว้ตลอด วิ่งวุ่นทำเรื่องเอกสารประวัติการเข้ารับการรักษาของฉันกับพยาบาลอีกคน
“คราวนี้พี่พยาบาลจะใส่คาร์บอนเข้าไปนะคะพยายามกลืนลงไป อย่าอ้วกออกมานะ” พยาบาลบอกฉันเมื่อดูดเอายาฆ่าแมลงออกมาหมดแล้ว
น้ำคาร์บอน
การล้างท้องในห้องฉุกเฉินผ่านไปได้ด้วยดีพยาบาลเอาอะไรสักอย่างมาอุดรูที่ปลายสายคาร์บอนไว้เพื่อให้ยาคงอยู่อย่างนั้นทั้งวันทั้งคืนสิ่งเดียวที่เหมือนในหนังก็คือฉากหลอดไฟบนเพดานที่ค่อยๆเลื่อนผ่านไประหว่างที่บุรุษพยาบาลเข็นฉันไปที่ห้องนอนรวมนั่นแหละระหว่างที่เปลี่ยนเตียงจากเตียงเคลื่อนที่เป็นเตียงในห้องรวมนั้นสายคาร์บอนที่คาเอาไว้มันไปดันหลอดลม (ซึ่งอยู่ข้างหลอดอาหาร) ทำให้ฉันอาเจียนเอาคาร์บอนออกมามากพอสมควรกลิ่นคาร์บอนคละคลุ้งในห้องเต็มไปหมด คืนนั้นฉันต้องนอนตาค้างจมกองคาร์บอนจนเช้าโดยมีแม่นอนฟุบเฝ้าไข้ฉันอยู่ข้างๆเตียง
ฉันไม่แน่ใจว่าเพราะคาร์บอนหรือยาฆ่าแมลงหรืออะไรก็ตามแต่เช้าวันต่อมาฉันทั้งอาเจียนทั้งท้องเสียจนตัวเบาแทบลอยลมได้
คำตอบคือฉันยังอาการไม่ดีขึ้นและยังให้ออกจากโรงพยาบาลไม่ได้พ่อเห็นดังนั้นจึงจัดการหาห้องพิเศษให้ฉันทันที และฉันก็ได้ย้ายไปอยู่ห้องพิเศษในบ่ายวันนั้นนั่นเป็นครั้งแรกในรอบหลายชั่วโมงที่ฉันนอนหลับ
ระหว่างที่อยู่ที่โรงพยาบาลมีญาติมาเยี่ยมฉันไม่ขาดสายแม่ต้องโกหกญาติไปว่าฉันกินหอยแมลงภู่มากเกินไปเลยอาหารเป็นพิษต้องมาโรงพยาบาลด่วนตอนกลางคืนซึ่งเป็นคำโกหกที่มีเหตุผลมาก เพราะคาร์บอนหรือ ActivatedCharcoal ก็ใช้ฆ่าเชื้อคนที่อาหารเป็นพิษเช่นกัน เพียงแต่วิธีที่ให้คาร์บอนมันไม่ใช่ทางจมูกเท่านั้นเอง
จากเหตุการณ์นี้ฉันต้องนอนที่โรงพยาบาล2 คืนโดยมีสายคาร์บอนคาอยู่ที่หลอดอาหารและไม่สามารถกินอะไรได้เลยนอกจากอมน้ำแข็งเย็น ๆ พอให้คอไม่แห้งเท่านั้น
เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น
Log in