เราใช้คุ๊กกี้บนเว็บไซต์ของเรา กรุณาอ่านและยอมรับ นโยบายความเป็นส่วนตัว เพื่อใช้บริการเว็บไซต์ ไม่ยอมรับ
once rememberedployapha.j
Seattle #4 | เดินเล่นใต้ต้นไม้ในวันสุดท้ายที่ซีแอตเทิล






  • ตอนนั้น... จำได้ว่า...





    ความอยากกินแซลมอนยังคงท่วมท้นอยู่ในดวงจิต
    วันนี้พวกเราเลยตื่นกันตั้งแตเช้าและมาที่ตลาด Pike Place Market
    กะว่าเราจะซื้อแซลมอนและผลไม้กุ๊กกิ๊กไปนั่งปิกนิกกันในสวน


































    ในตลาดมีแผงปลาจำนวนมากจนงงว่าซื้อร้านไหนดี
    แถมมีแซลมอนให้เลือกหลากหายสายพันธุ์




    เราผู้เป็นมือใหม่ในการเลือกแซลมอนก็ชี้ๆจิ้มๆและจ่ายเงินแบบงงๆ
    พร้อมรับแซลมอนมา 1 ea พร้อมกับคำถามที่สงสัยในดวงจิตว่าเอ๊ะ.. นี่เราซื้อมาถูกรึเปล่าวะ







    อะ ไปเดินชมตลาดกันต่อ








    โซนขนมปัง เบเกอรี่ต่างๆที่หอมฟุ้งจรุงใจ

















    ฟักแฟงแตงโมไชโยโหฮิ้วววววว









    เราไปซื้อเชอร์รี่มาด้วยแหละ อร่อยมาก
    ชื่อ Rainier cherry ที่ตั้งตามชื่อภูเขาที่นี่ล่ะ

    อร่อยจนน้ำตาไหล ดีมาก ดีแบบดี๊ย์ดีย์
    ซื้อแล้วซื้ออีก กินวนไปเรื่อยๆไม่หยุด



    เรารักเชอร์รี่ที่นี่ม๊ากมาก















    พอออกจากตลาดไปฝั่งสตาร์บัคสาขาแรกของโลกที่มีคนมายืนต่อคิว
    เพื่อสัมผัสความออริจินอลกันอยู่นั้น





    เราก็เดินเลี้ยวไปที่ร้านข้างๆ
    เพราะของกินที่เป็นไฮไลท์ประจำวันนี้
    มันอยู่ที่ร้านขายชีสนี้ต่างหากล่ะพวกเธ๊อ!











    Welcome to Beecher's Handmade Cheese Cafe!

    (ขออภัย ตอนถ่ายเรามือสั่นด้วยความหิว)







    เราสั่งแมคแอนด์ชีส ส่วนเขาสั่งแซนวิช
    และก็ลองสั่งซุปหัวหอมมาแบ่งกัน






    โอ้โหหหหหห
    หลังจากกัดคำแรกเข้าไปแล้วขนลุกซู่ไปทั้งกายา
    อร่อยแบบแสงพุ่งสว่างวาบมากๆ







    เป็น mac & cheese ที่อร่อยที่สุดเท่าที่เคยกินมาในช่วงชีวิตหนึ่ง
    ตั้งแต่ฟันขึ้นจนถึงอายุ 21 ปี


    ส่วนซุปหัวหอมนั้นก็ดีมากแบบดี๊ดี อื้อหือออออ ฟินมาก



    เสียดายที่ไม่ได้ถ่ายรูปมาเพราะมัวแต่ห่วงกิน
    เลยไม่ได้ชักภาพไว้เป็นอนุสรณ์แห่งความอร่อยล้ำ

















    ร้านนี้เขามีโซนผลิตชีสไว้ให้ดูด้วยนะจ๊ะ
    กินไปดูไปก็เพลินๆดีไม่ใช่น้อย









    ปั่นๆวนไปให้มันนมกลายเป็นก้อนๆ
    แล้วก็ตักออกมาทำเป็นชีสต่อไป วู้ฮู้ว



















    ก้อนนุ่มดึ๋งดั๋งแสนอร่อย!














    เออ ไหนๆก็มาแล้ว แวะเข้าไปในสตาร์บัคหน่อยก็ได้ว้า
    เข้าไปเดินดูของนิดหน่อย ไม่สั่ง เพราะคนเยอะมาก ถ้าอยากกินจะเดินไปสาขาอื่น
    เพราะไม่ว่ากินที่ไหน เราว่ารสชาติมันก็เหมือนกันนั่นแหละแก








    แถวยาวมาก ขดแล้วขดอีกยิ่งกว่าเกมงูในมือถือโนเกีย
















    ไซเรนแบบออริจินอลที่ไม่เขียว
















    บรรยากาศภายในร้าก็ไม่ได้วินเทจจัดๆแต่อย่างใด
    ก็เหมือนร้านทั่วไปนั่นแหละ



















    แก้วกาแฟที่น่าซื้อมาสะสมเพราะมีขายแต่ที่นี่ที่เดียววววว




















    อันนี้ก็น่าโดน แต่ด้วยความที่เราเที่ยวแบบ on budget เราเลยไม่ซื้อ...

























  • ช่วงสายๆเรานั่งรถออกมาจากตลาดเพื่อมาปิกนิก
    กินลมชมวิว นอนเล่นท่ามกลางต้นไม้ใหญ่ที่ Washington Park Arboretum




    ที่นี่เป็นสวนสาธารณะขนาดใหญ่
    (อันที่จริงเรียกว่าสวนรุกขชาติก็ได้ เอาตามที่แปล)
    มีหลายโซนพันธุ์ไม้ให้เลือกชม มีเกาะให้ถีบเรือเป็ดหรือพายเรือไปสำรวจ
    สวนญี่ปุ่น โซนต้นโอ๊ค และพันธุ์ไม้เขตหนาวมากมาย



    คือมันใหญ่มากแบบใหญ่บึ้มเหมือนเป็นป่าไม่ใช่สวนแล้วล่ะ


    และนี่คือแผนที่...












    สารภาพจากใจจริงว่าเดินไม่หมดเพราะมันใหญ่มาก
    และเมื่อนึกเทียบกับปอดของกรุงเทพอย่างสวนลุมนี่
    ก็มีความรู้สึกสลดใจเล็กน้อยถึงปานกลาง


    พื้นที่สีเขียวในกรุงเทพนี่มันน้อยมากมากมากมากมากมาก
    เมื่อเปรียบเทียบกับจำนวนประชากรจริงๆนะ


    เศร้าใจ




    แล้วพอยิ่งเห็นว่าประชาชนที่นี่เขาเข้ามาใช้ประโยชน์กัน
    ทั้งคนที่มาวิ่งออกกำลัง นั่งอ่านหนังสือ นอน ปิกนิก
    หรือกลุ่มเด็กประถมมาเดินทัศนศึกษา มีคุณครูบรรยายเกี่ยวกับต้นไม้
    วิ่งเล่นเก็บตัวอย่างใบไม้ และเอากระดาษทาบกับต้นไม้ เอาสีเทียนระบาย



    เฮ้ย... ทำไมประเทศเราไม่มีกิจกรรมอะไรแบบนี้บ้างวะ
    โอเค มันมีแหละ แต่น้อยมาก
    (ย้อนกลับไปตอนปีพ.ศ.2556 นะจ๊ะ -- ซึ่งเอาจริงๆนะ พ.ศ.ปัจจุบันเราก็ว่าน้อย)



    มันก็มีคนไปวิ่งที่สวนลุม รำไทเก๊ก เต้นแอโรบิค หรือนอนอ่านหนังสือ
    แต่เราคิดว่าพื้นที่สีเขียวในกรุงมันไม่มากพอ



    ที่นี่คือมีสวนสาธารณะอยู่ทุกมุมเมือง
    มีต้นไม้สูงตามถนนที่ไม่โดดตัดเพราะไปพันสายไฟฟ้า
    เฮ้ย มันดีอะ




    อาจเพราะอากาศบ้านเรามันร้อนอบอ้าวจนคนอยู่แต่ในห้องแอร์
    หรือขาดการวางผังเมืองที่มีคุณภาพ
    หรือขาดงบประมาณในการจัดสรรพื้นที่



    แต่เรามีความเชื่อว่าสถาปัตยกรรมที่ดีสามารถ shape สังคมได้ในระดับหนึ่ง
    และการวางผังเมืองที่มีประสิทธิภาพจะช่วยในการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมและวิถีชีวิตของคนได้




    ซึ่ง... กรุงเทพมหานครนั้น...
    ไม่มีสองอย่างที่กล่าวมาเล้ย





    เราเลยรู้สึกว่าคุณภาพชีวิตของคนในกรุงเทพมันแย่
    เมื่อเทียบกับราคาที่ต้องเสียไปให้กับอะไรก็ไม่รู้
    (เช่น ระบบขนส่งที่ขึ้นราคาเอาแต่แม่งไม่ปรับปรุงพัฒนาหรือฝนตกแล้วน้ำท่วม)



    ใครเป็นคนคิดสโลแกน "กรุงเทพ ชีวิตดีๆที่ลงตัว" วะ



























    เหมือนเดินในป่าจริงไม่ติงนัง
    จินตนาการว่าตัวเองเป็นหนูน้อยหมวกแดงเดินไปบ้านคุณยายเง้






























































    ชอบรูปนี้ รู้สึกว่าองค์ประกอบภาพโอเคดี

















    เมเปิ้ลต้นเดียวในสวนที่เปลี่ยนสีแล้ว
    เป็นสัญญาณว่าฤดูร้อนอันสดใสใกล้จะจากไปแล้ว


























    เราไปหาที่นั่งหลบมุมใต้ต้นไม้ใหญ่และแกะห่อแซลมอนที่ซื้อมา
    ปรากฎว่าเราได้แซลมอนส่วนที่ติดหนังมา ซึ่งความรู้สึกบอกเราว่า



    แกจะกินชิ้นนี้แบบดิบๆไม่ได้



    ดูทรงแล้วมันควรจะเอาไปทำเป็นแซลมอนทอดน้ำปลาอะไรแบบนี้มากกว่า
    ก็ห่อกลับไปเหมือนเดิมด้วยความห่อเหี่ยวใจว่าทำไมว๊า
    การอยากกินแซลมอนซาซิมินี่มันยากขนาดนี้เลยหรอออ

    (จริงๆมันก็มีวิธีที่ง่ายกว่าคือการเลี้ยวเข้าร้านอาหารญี่ปุ่นไง)





    เราเลยเอาเชอร์รี่ที่ตั้งกฎกันไว้ว่าห้ามกินจนกว่าจะถึงเวลาอาหารเที่ยงออกมาแบ่งกัน
    (ที่ตั้งกฎไว้เพราะกลัวหมดระหว่างทาง)

    ระหว่างที่รีบเคี้ยวรีบแย่งกันอยู่นั้น
    เขาก็กูเกิลหาสถานที่กิน ที่เที่ยว และเปิดแผนที่หาทางออกจากสวนไปพร้อมกัน















  • สารภาพว่าตอนนี้เป็นความทรงจำที่ขาดหาย
    จำไม่ได้ว่าไปกินอะไร และทำไมอยู่ๆถึงมาโผล่ที่ University of Washington (UW)




    รู้สึกเลือนลางว่าอยู่ๆก็โกรธกันแบบไร้สาเหตุเพราะเราเหนื่อยๆหิวๆ
    เขาเลยแยกไปเดินถ่ายรูป
    ส่วนเราก็นั่งเฉยๆรอเขาอยู่เฉยๆ


    ซึ่งระหว่างที่นั่งรอก็คิดว่าที่นี่น่าเรียนมากกก บรรยากาศดี
    เสียดายที่เด่นทางด้านการแพทย์ วิศวกรรม และสถาปัตยกรรม

    อดไปเด้อ




    ด้วยความที่แยกกัน เขาเลยเอากล้องไป
    เพราะฉะนั้นรูปต่อไปนี้คือผลงานของเขาทั้งหมดทั้งมวลนะจ๊ะ


















































































    ถ่ายสาวที่ไหนมาด้วยก็ไม่รู้ ไรว้าาาาาา









































































  • พอออกจากมหาวิทยาลัยแล้วเราก็ไปกินข้าวกัน (ที่ไหนก็ไม่รู้จำไม่ได้)
    และเขาก็เข้าไปดู Klonedik Gold Rush National Historical Park
    ซึ่งเป็นพิพิธภัณฑ์เกี่ยวกับเหมืองทองคำในซีแอตเทิล
    ซึ่ง... เราก็ไม่ได้เข้าไปด้วยเพราะขี้เกียจ (อีกแล้ว)








































































    ด้านในก็จัดแสดงข้าวของเครื่องใช้และประวัติต่างๆนั่นแหละ
    เขาออกมาก็เล่าว่าก็น่าสนใจดี และที่สำคัญคือไม่เสียค่าเข้าชมด้วยจ้ะ
















  • เราเดินกันต่อมาที่ Waterfall Garden Park
    เป็นสวนเล็กๆมีน้ำตกที่ซ่อนอยู่ในมุมตึกให้คนมานั่งฟังเสียงน้ำเล่น










    เข้าไปด้านในก็เจอน้ำตก เก้าอี้นั่ง และร้านขายดอกไม้
    ซึ่งก็มีคนมานั่งอ่านหนังสือพิมพ์ กินไอติม เอาโน๊ตบุ๊คมานั่งพิมพ์งานอยู่จริงๆนะ
















    จากนั้นเราก็เดินเล่นไปเรื่อยๆ ตั้งใจว่าจะไปนั่งเรือข้ามฟากไปอีกส่วนหนึ่งของเมือง
    ถนนตรงที่เราเดินผ่านมีร้านอาหารอิตาเลียนเยอะ เลยเรียกว่า Little Italy ล่ะ


























    เวสป้าเหลืองก็มานะจ๊ะ

























    บอกแล้วว่าที่นี่ต้นไม้เยอะมากกกกกก
    ต้นไม้ที่ไม่โดนตัดนี่มันดีต่อใจ




















    มีโฮมเลสเดินอยู่ขวักไขว่ แต่ก็ไม่ได้เข้ามายุ่มยามอะไร
    นี่เป็นข้อเสียข้อเดียวที่เราพบในซีแอตเทิล

    แต่เมื่อเทียบกับแอลเอแล้วก็รู้สึกปลอดภัยกว่ามากมากมากมากมากอยู่ดี




























    ถึงท่าเรือแล้วก็จัดการดูเวลาข้ามไปเกาะที่เราจำชื่อไม่ได้แล้ว














































































    รักที่นี่เหลือเกิน เป็นเมืองที่ชอบที่สุดเท่าที่เคยไปมาแล้ว
    เขียนด้วยความรู้สึกของคนที่บินไปบินมารอบโลกมาเกือบสองปี
    ไม่ใช่ความรู้สึก ณ ขณะนั้นตอนที่ไป



    แปลว่าชอบมากและรักมากจริงๆนะ













    พอข้ามมาอีกฝั่งแล้วก็ไม่ค่อยมีอะไร
    เงียบ สงบ จนรู้สึกเหงาๆ
    แถมลมทะเลแรงมากจนหนาวสะท้านไปทั้งตัว



    เราเดินวนอยู่แปบนึงและนั่งเรือรอบต่อไปกลับฝั่ง



























    เออ ชอบรูปนี้เหมือนกัน
    ถ่ายใครก็ไม่รู้ เสียดายที่ตอนนู้นไม่ได้อัพลงไอจี































    เย็นวันนั้นเรากลับไปที่โฮสเทล
    เอาแซลมอนที่แบกไปมาตลอดวันมาทอดเป็นสเต็กแล้วแบ่งกันกิน
    แล้วก็คุยกันอย่างจริงจังมากๆว่าอยากเปิดโฮสเทลกับเขาบ้างแหะ


    ทำแบบเล็กๆก็ได้ ตกแต่งอะไรที่เราชอบและซื้อมาจากที่นู่นที่นี่ในแต่ละทริป
    ถ้าไม่มีเงินมาพักก็มาใช้แรงงานแลกที่นอนได้




    เป็นการคุยเรื่องฝันระหว่างการกินข้าวเย็นที่สนุกดี
    แม้ว่าจะยังลมๆแล้งๆก็ตามเถอะ









Views

เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น

Log in