สายเอ๋ยสายน้ำ ขอจงนำความรักมาพบเจอ
ขอหัวใจที่เลมอ มาพบเจอเธอในฝัน
ขอสายน้ำจงหยุดพัก เหมือนความรักที่หยุดนิ่ง
ขอหัวใจไว้พักพิง มาแอบอิงในความฝัน
ขอสายน้ำบรรจบกัน นำพาคู่ทั้งสองมาพบเจอ
"แกไสหัวออกไปจากกลุ่มของฉันเลยนะ ออกไป!" เบซองยอนตวาดลั่นห้อง เพื่อนคนอื่นที่อยู่ในห้องมองมาที่ต้นเสียงเป็นตาเดียว เป็นเรื่องน่าแปลกใจที่จู่ๆเบซองยองก็ไล่ลีลู่หานออกจากกลุ่มมาเสียอย่างนั้น เพราะเมื่อต้นเดือนก่อนเจ้าตัวยังเป็นคนลากแม่ตากวางเข้ากลุ่มอยู่หยกๆ
"เพราะแก! พี่ชานยอลเลยมองข้ามหัวฉันไป คนอย่างแกมีดีอะไรนักหนา พวกผู้ชายถึงได้เข้าหา ห้ะ!" ซองยอนผลักคนที่ตัวเองเกลียดขี้หน้าติดกระดานก่อนจะตวัดมือลงบนแก้มนวล
เพี๊ยะ! "หึ วันนี้มันแค่น้ำจิ้ม ถ้าแกยังไม่ออกจากลุ่มฉันไปอีก แกโดนหนักกว่านี้แน่!" กลุ่มของเบซองยอนจากไปแล้ว เพื่อนที่เหลือก็ต่างพากันแยกย้ายไปทำงานของตน เหลือเพียงลู่หานที่ยังไม่ขยับตัวไปไหน
เสียงออดดังขึ้นบอกให้รู้เวลาเลิกเรียน นักเรียนเกรดสิบสองแยกย้ายกันกับบ้าน มือบางกระชับกระเป๋าเยินๆ สวมรองเท้าเน่าๆเดินออกมาจากโรงเรียน หลายตานับสิบคู่จับจ้องมาที่เธอ เสียงนินทาก็เริ่มดังขึ้นในหูของเด็กสาว
'แกดูสิ ยัยซองยอนแกล้งซะเปียกเป็นลูกหมาตกน้ำเลย'
'สมน้ำหน้า ชอบอ่อยผู้ชายไปทั่ว'
'เห็นสวยๆแบบนี้ ไม่คิดว่าข้างในจะเน่า'
'นี่เธอ อย่าไปเข้าใกล้ยัยนั่นนะ สกปรก' เสียงต่างๆเริ่มเบาลงเมื่อพ้นรั้วโรงเรียนออกมา ลู่หาน นักเรียนเกรดสิบสองจะต้องทนฟังเสียงพวกนั้นไปอีกถึงเมื่อไหร่ อาจจะไม่เพียงแต่ในตอนนี้ มันอาจจะต้องทนไปจนตายเลยก็ได้หากชีวิตของเธอไม่ดับสลายไปก่อน
ร่างบางเดินมาที่ริมแม่น้ำฮันพร้อมขนมปังหนึ่งก้อนกับนมหนึ่งกล่อง ปากเล็กงับก้อนสีน้ำตาลและเคี้ยว รสชาติเดิมๆที่กินจนเบื่อหน่ายแต่จะทำอย่างไรได้ในเมื่อเธอเกิดมาจนและต้องประหยัดเงินทุกสตางค์เพื่อน้องที่บ้านอีกคน คิดแล้วก็ชวนให้โมโห เธอเกิดมาก่อนแท้ๆแต่ไม่เคยได้รับความรักจากแม่เลยสักครั้ง ผิดกับจูฮยอนที่เกิดมาทีหลังแต่ได้ทุกสิ่งทุกอย่างแม้กระทั่งความรักที่เธอโหยหาจากแม่มาตลอด
"ฮึก.." มือเล็กปาดน้ำตาที่กำลังไหลรินออกจากกรอบหน้า ความน้อยใจผุดขึ้นมา ลู่หานน้อยใจที่เกิดมามีชีวิตแย่ๆแบบนี้ น้อยใจที่เกิดมาจน ไม่มีเพื่อนคบ โดนต่อว่าต่างๆนานาทั้งที่ไม่เคยทำผิดเลยสักครั้ง สายตาเหม่อมองไปที่ภาพตรงหน้า สายน้ำที่ไหลเอื่อยตามกระแสชวนให้ลุ่มหลง เด็กสาวละกระเป๋าออกพร้อมกับรองเท้าเน่าเดินลงไปใกล้แม่น้ำ จุ่มเท้าทั้งสองข้างลงไปก่อนจะค่อยๆก้าวลงไปอย่างช้า ความหนาวเย็นในฤดูหนาวยังไม่เท่าในจิตใจของเธอ เธอเลือกแล้วว่าจะทะอย่างไรกับชีวิตพังๆของตัวเอง ลู่หานเดินลึกเข้าไปเรื่อยๆจนน้ำอยู่ระดับอก
พรึบ! เมื่อก้าวต่อไปก็ไร้เนินทรายให้เหยียบย้ำ ร่างทั้งร่างจมลงไปทันที สมองสั่งการให้ลู่หานเอาตัวรอดแต่ลู่หานทำไม่ได้ เธอว่ายน้ำไม่เป็นและมีบางอย่างรั้งขาของเธอไว้ ยิ่งดิ้นรนเท่าไหร่ก็ยิ่งไร้ค่า แต่สมองยังคงสั่งการให้ทำอยู่แบบนั้น
เฮือก! ลมหายใจสุดท้ายหมดลง ร่างบางจมดิ่งลงไปในน้ำที่ลึกเกินจะคณา ไขว่คว้าได้เพียงฟองอากาศที่ขึ้นไปเหนือผิวน้ำ จบสิ้นเสียที ชีวิตที่พบแต่ความยากลำบาก
.
°
·
.
*
°
.
เสียงกึกกักที่ดังขึ้นทำให้ลู่หานต้องตื่นขึ้นมา ภายนอกหน้าต่างบานใหญ่มีต้นโบตั๋นกำลังผลิดอกบานสะพรั่ง แต่เธอจะไม่ตกใจเลยหากไม่มีฝูงปลาสีสันสวยงามว่ายไปไปต่อหน้าต่อตา ร่างบางลุกจากเตียงมาเกาะที่ขอบหน้าต่าง มองออกไปด้านนอกก็พบว่ามีเหล่าสัตว์น้ำมากมายใช้ชีวิตอยู่ในที่แห่งนี้ พวกเขาสวมเสื้อผ้าเช่นเดียวกับมนุษย์ ดำเนินชีวิตแบบมนุษย์ เมื่อมองออกไปไกลกว่านั้น มีถนนสายหนึ่งทอดยาวออกไปไกลและสิ้นสุดที่เขตของต้นไม้ต้นใหญ่
ที่นี่คือที่ไหนกัน!? "ขออนุญาตเจ้าค่ะ" ลู่หานหันขวับไปหาต้นเสียง เป็นผู้หญิงที่สวมกิโมโนลายดอกไม้สีเหลือง ใบหน้าแบนเรียบไร้ความโหนกนูน มีเพียงรูจมูกเล็กๆเหนือริมฝีปากที่ทาด้วยสีแดง แก้มก็ทาสีแดงเช่นเดียวกันเป็นวงกลม ตาโตใสคล้ายปลา ผมยาวสลวยไปถึงพื้น มีปอยผมสองข้างตัดสั้นเสมอกันทั้งสองข้าง
"ฟื้นแล้วหรือเจ้าคะ? ข้าน้อยเอายามาให้เจ้าค่ะ ร่างกายของท่านหญิงจะได้แข็งแรง"
"ที่นี่ที่ไหน?"
"ที่นี่คือเมืองวารีเจ้าค่ะ เป็นเมืองบาดาลที่ท่านเทพแห่งสายน้ำปกครองเจ้าค่ะ"
"อยู่ในน้ำ? แล้ว..แล้วฉันหายใจได้ยังไง ฉันตายไปแล้วหรอ?"
"ใจเย็นๆเจ้าค่ะ ท่านเทพเป็นคนไปช่วยคุณหนูลงมาที่เมืองวารีแห่งนี้ คุณหนูยังไม่ตายเจ้าค่ะ ท่านเทพต่อลมหายใจของคุณหนูด้วยพลังเทพครึ่งหนึ่งของท่าน ที่คุณหนูหายใจและสามารถพูดคุยกับวารีชาติได้ก็เพราะยาวิเศษเจ้าค่ะ คุณหนูต้องทานทุกวันไม่เช่นนั้นอาจตายได้" วารีชาติยกถ้วยบรรจุยาสีเขียวมาให้ลู่หาน มือบางรับมา เมื่อได้กลิ่นก็แทบจะอาเจียนในความขมจากกลิ่น
"ไม่กินได้มั้ย ถ้ากินเข้าไปฉันต้องอ้วกแน่ๆ"
"ไม่ได้เจ้าค่ะ คุณหนูจะต้องทานจนกว่าจะได้เข้าพิธีสมรสกับท่านเทพ"
"ห้ะ? พิธีสมรส" "ก็คุณหนูเป็นเจ้าสาวของท่านเทพไงเจ้าคะ ท่านอาวุโสทำนายไว้เมื่อสองปีก่อนที่ท่านจะจากไป พวกข้าน้อยต่างรอคอยการมาของคุณหนู แล้วคุณหนูก็มาจริงๆ" เหมือนดวงตากลมใสจะเอ่อคลอไปด้วยน้ำ แต่ก่อนที่มันจะไหลออกมา วารีชาติตนนั้นก็ใช้ชายแขนเสื้อเช็ดออกเสียก่อน
"ขออภัยเจ้าค่ะ ข้าน้อยดีใจมากไปหน่อย ข้าน้อยชื่อแบคฮยอนนะเจ้าค่ะ ท่านเทพสั่งให้ข้ามาคอยปรนนิบัติท่าน"
"ฉันลู่หาน ยินดีที่ได้พบเธอนะ แบคฮยอน"
"ข้าน้อยก็เช่นกันเจ้าค่ะ"
ยามบ่ายคล้อย ร่างสูงที่เพิ่งตื่นจากการนอนกลางวันเดินทอดน่องมาตามระเบียง มีทหารคนสนิทและนักปราชญ์ผู้เป็นหลานของท่านอาวุโสคอยติดตาม ในเวลานี้ของทุกๆวัน ท่านเทพแห่งสายน้ำมักจะออกเดินสำรวจสิ่งที่เกิดขึ้นรอบวัง เขารู้ทุกอย่างว่ามีสิ่งใดเปลี่ยนแปลงไปในที่แห่งนี้
"ข้าน้อยว่าท่านควรจะไปเยี่ยมเจ้าสาวของท่านเสียหน่อยนะขอรับ" ท่านจงแดเอ่ยขึ้น
"เจ้าก็เห็นว่านางยังไม่ฟื้น จะให้ข้าไปนั่งเฝ้างนางอย่างนั้นหรือ น่าเบื่อ"
"นางฟื้นแล้วขอรับ" องครักษ์คิมเอ่ยตอบ "เห็นเหล่าวารีชาติพูดกันทั่วว่าเจ้าสาวผู้นี้เป็นคนยิ้มยากเช่นเดียวกับท่านเทพ แถมยังดื้อไม่ยอมทานยาต้มด้วยขอรับ"
"ข้าต้องไปหานางจริงๆใช่หรือไม่"
"ขอรับ!" คนสนิททั้งสองเอ่ยพร้อมกันด้วยรอยยิ้ม
ท่านเซฮุน หรือเทพเจ้าแห่งสายน้ำเดินมายังห้องของว่าที่เจ้าสาว มือหนาเปิดประตูเข้าไปโดยไม่ได้ขออนุญาต นัยน์ตาคมเบิกกว้างเมื่อเห็นว่ามนุษย์ผู้นั้นกำลังยืนที่ขอบหน้าต่างบานใหญ่อย่างหมิ่นเหม่ เขารีบเข้าไปคว้าเอวบางลงมาจากที่อันตราย แม้จะเป็นน้ำแต่หากตกลงไปก็อาจตายได้เหมือนกัน
"ทำบ้าอะไรของเจ้า!" เขาตวาดใส่หญิงสาวก่อนจะวางร่างลงบนเตียง กลุ่มผมสีดำสลวยยาวขึ้นจนลากพื้น ใบหน้าที่ดูซีดเซียวเมื่อพบกันครั้งแรกดูมีน้ำมีนวลขึ้นแต่จิตใจยังเศร้าหมองไร้ความสุข
"นายเป็นใคร? ช่วยฉันทำไมอีก ทำไมไม่ปล่อยให้ฉันตาย"
"พวกมนุษย์โง่เขลา หากตายไปแล้วเจ้าจะได้อยู่ในภพภูมิที่ดีกว่าหรืออย่างไร ข้าไม่นึกเลยนะว่าคนที่จะมาเป็นเจ้าสาวของข้ามีสมองคิดได้แค่นี้เองหรือ"
"ค..คุณ คุณคือเทพเจ้าแห่งสายน้ำ?"
"ใช่ ข้าโอเซฮุน เทพเจ้าแห่งสายน้ำ ผู้ปกครองเมืองวารีและชาววารีชาติและเป็นเจ้าบ่าวของมนุษย์หน้าโง่อย่างเจ้า ลีลู่หาน" โอเซฮุนเอ่ยขึ้น สายตาเหลือบไปเห็นถ้วยยาต้มที่ยายังคงอยู่เต็มถ้วย เขายกมันขึ้นมาและส่งให้คนแสนดื้อดื่มเสียก่อนที่มันจะเย็นไปมากกว่านี้ ลู่หานเห็นแบบนั้นก็ทำท่าจะอาเจียนและหลบหลีกการดื่มยาขมๆแบบนั้น
"จะดื่มหรือไม่ดื่ม?"
"ไม่ ฉันไม่ดื่มหรอก ขมจะตาย"
"เจ้าเลือกเองนะ" เสียงพูดติดทุ้มเอ่ยขึ้น ลู่หานรู้สึกไม่ชอบมาพากล ท่านเทพองค์นั้นยกยาขึ้นดื่มก่อนจะป้อนยาขมๆนั้นด้วยปากของเขาสู่ปากของเธอ ความขมแผ่กระจายไปทั่วก่อนจะกลายเป็นความหวาน เด็กสาวในวัยสิบแปดปีเบิกตากว้างเมื่อถูกขโมยจูบแรกไปต่อหน้าต่อตา มือบางเริ่มทุบที่แผ่นอกกว้างของเทพเจ้าเมื่อรู้สึกว่ากำลังจะขาดลมหายใจ เทพเจ้าแห่งสายน้ำจึงยอมผละออก
"คุณจะฆ่าฉันรึไง แล้วใครเขาป้อนยากันแบบนั้น?"
"ข้าให้เจ้าเลือกแล้ว เจ้าเลือกเองใยถึงมาโทษข้า" ใบหน้าหล่อคมยังไม่ถอยห่างออกไป เขายังคงทำหน้านิ่งเฉยไร้ซึ่งความรู้สึกใดๆ ผิดกับลู่หานที่ต้องซ่อนความรู้สึกเขินอายนั้นไว้ภายใน
"จงอิน"
"ขอรับ!"
"เตรียมงานให้พร้อมในวันพรุ่งนี้ แล้วบอกเหล่ามัสยาในวังมาดูแลแม่นางผู้นี้ด้วย" สายตาคมเหลือบมองต่ำลงไป หญิงสาวเห็นแบบนั้นจึงมองตามก็พบว่ากระดุมเสื้อมันหลุดไปจนเห็นบราสีชมพูที่โอบล้มอมเนินอกของตน
"ไอ่เทพลามก!".
°
·
.
*
°
.
โคมไฟสีแดงถูกนำไปแขวนตามบ้านเรือนและเขตวังหลวง ลู่หานยังคงหมกตัวอยู่ในห้องพร้อมกับเหล่ามัสยาที่เป็นครึ่งปลาครึ่งคนอีกสามสี่คนเดินอยู่รายล้อม เธอไม่คิดมาก่อนเลยว่าเจ้าสาวของท่านเทพจะต้องสวมเสื้อผ้าทับกันหลายชั้นถึงเพียงนี้ จากที่นับมาจนถึงชั้นสุดท้ายก็ราวๆหกชั้น ผมยาวๆถูกรวบถักเป็นเปียและม้วนเก็บเป็นทรง มีปิ่นปักผมอันใหญ่คาดเอาไว้ เครื่องหน้าถูกประทินด้วยกลีบกุหลาบบดละเอียดจนออกสีทาเข้าที่ปากและแก้มให้ดูมีสีสัน หญิงสาวไม่โอเคเท่าไหร่กับวิธีการแต่งหน้าของชาววารีชาติ
เมื่อใกล้จะถึงเวลาพิธี เหล่ามัสยาต่างเร่งมือและจัดแจงองค์เป็นครั้งสุดท้ายก่อนจะส่งไม้ต่อให้แบคฮยอนที่ดูต่างไปจากเดิมเป็นคนดูแล แบคฮยอนมีรูปร่างคล้ายมนุษย์ทุกอย่างเพราะการรักษาศีลมาตลอดสองร้อยปี นั้นต่างมากจากเมื่อครั้งแรกที่พบกัน หญิงสาวเดินตามผู้เป็นนายและคอยบอกวิธีการต่างๆก่อนจะเริ่มพิธี
"อีกประเดี๋ยวจะมีขบวนของท่านเทพเจ้ามารับคุณหนูที่นี่นะเจ้าคะ หากพบท่านเทพแล้วท่านยื่นมือมาให้ยื่นมือขวาให้ท่าน และใช้มืออีกข้างจับสายสิญจน์ไปตลอดทางไปศาลเจ้า อย่าปล่อยเด็ดขาดนะเจ้าคะ"
"เพราะอะไรถึงต้องมีพิธีรีตองอะไรขนาดนี้ด้วยแบคฮยอน" ลู่หานยู่หน้า "แล้วทำไมต้องยื่นมือขวาให้ มือซ้ายไม่ได้หรอ"
"ข้าน้อยก็ไม่ทราบเช่นกันเจ้าค่ะ ขบวนท่านเทพมาแล้วเจ้าค่ะคุณหนู" แบคฮยอนช่างจ้อเงียบลงเมื่อเห็นโคมไฟสีแดงใกล้เข้ามาเรื่อยๆ ไม่นานท่านเทพก็มาปรากฎอยู่ตรงหน้า เขายื่นมือซ้ายออกมาและลู่หานก็ไม่ลืมที่จะวางมือขวากลับไป มืออีกข้างก็จับสายสินจญ์ไว้ตามที่วารีชาติได้บอก "นี่ ทำไมฉันต้องอยู่ที่ด้านซ้ายของคุณด้วย อยู่ด้านขวาไม่ได้หรอ?"
"หัวใจของมนุษย์อยู่ด้านใด หัวใจของเทพก็อยู่ด้านนั้น การสมรสคือการเติมเต็มหัวใจของอีกฝ่ายให้เต็ม ไม่น้อยเกินไปและไม่มากเกินไป"
"แต่ฉันไม่ได้รักคุณ..." ลู่หานเอ่ยเสียงแผ่ว
"แต่หัวใจของข้าเติมเต็มส่วนที่เหลือให้เจ้าไปแล้ว นั่นก็ขึ้นอยู่กับเจ้าว่าจะเติมเต็มให้ข้าได้หรือไม่ก็เท่านั้น"
"ถึงฉันจะรักคุณ แต่ถ้าฉันต-"
"งานมงคลไม่ควรเอ่ยอะไรให้เสียฤกษ์ เก็บคำถามของเจ้าไว้แล้วเงียบก่อน" เขาก็ยังคงใบหน้านิ่งเฉยไว้ได้ตั้งแต่ต้นจนจบประโยค สุดท้ายลู่หานก็ยอมเงียบและทำพิธีต่อไป
ศาลเจ้าสีแดงเป็นสถานที่จัดพิธีสมรสอันทรงเกียรติโดยมีเหล่าวารีชาติและเทพเจ้าองค์อื่นๆมาร่วมเป็นสักขีพยาน มือเล็กเริ่มมีเหงื่อชื้นเมื่อพบเจอผู้คนมาหน้าหลายตา เด็กสาวเกลียดการถูกตกเป็นเป้าสายตา ในใจอยากจะวิ่งหนีออกไปให้ไกลเสียด้วยซ้ำ เมื่อถึงแท่นพิธี เซฮุนนั่งลงบนเบาะและลู่หานจึงทำตาม วารีชาติที่ดูแลศาลเจ้าแห่งนี้เป็นผู้ทำพิธี เขาเทสาเกใส่จอกเล็กๆหกจอก เจ้าบ่าวสามและเจ้าสาวอีกสาม
"ด้วยตัวแทนของท่านฮยอนมู ขอให้ท่านทั้งสองยกเสเกขึ้นดื่มให้ครบเพื่อเป็นการสาบานตนต่อหน้าท่านฮยอนมูว่าท่านทั้งสองจะรักและคอยเกื้อหนุนกันในยามยากลำบาก..." นัยน์ตาหวานมองน้ำสีใสในจอกอย่างลำบากใจ เมื่อเห็นว่าท่านเทพยกขึ้นดื่มแล้วจึงยกตามบ้าง
แค่กๆ แค่กๆ ความขมที่กระจายไปทั่วโพรงปากทำให้ลู่หานสำลักออกมาได้ไม่ยาก มือบางปิดปากตัวเองไว้ด้วยความอายที่ทำกิริยาไม่สมควรในพิธี
"หากดื่มไม่เป็นใยไม่บอกข้า"
"ใครจะไปรู้เล่าว่าต้องดื่มเหล้าด้วยน่ะ"
"เอามา เดี๋ยวข้าจัดการเอง"
"ไม่เป็นไรๆ ฉันดื่มเอง"
"เจ้าแน่ใจนะ?"
"แน่ใจ" เมื่อเห็นสีหน้าจริงจังของอีกฝ่าย จอกที่สองจึงถูกยกขึ้นดื่ม คราวนี้มันดื่มง่ายกว่าจอกแรก แม้จะติดขมไปนิดแต่ก็ไม่ได้ทำให้ลู่หานสำลักอย่างไร
"บัดนี้ ท่านทั้งสองเป็นคู่สามีภรรยากันแล้ว ขอท่านฮยอนมูประทานความรักให้แก่ท่านทั้งสอง ให้ความรักของท่านทั้งสองไม่มีวันจืดจางประดุจน้ำมหาสมุทรที่รักษาความเค็มและไม่มีวันเหือดแห้งเช่นเดียวกันแม่น้ำฮัน"
"ข้าน้อยมาส่งคุณหนูได้แค่เท่านี้นะเจ้าคะ" แบคฮยอนเอ่ยก่อนจะปล่อยให้หญิงสาวเดินตามท่านเทพไป ลู่หานมองตามตาละห้อยที่เพื่อนคนเดียวของตนไม่ได้อยู่ด้วยเหมือนหลายคืนที่ผ่านมา มือบางยังคงถูกมือหนากอบกุมไว้ไม่ห่าง เมื่อถึงห้องท่านเทพปล่อยมือและล้มตัวลงนอน ไม่วายตบที่ว่างข้างให้เธอนอนด้วยกัน
"อย่ามองข้าด้วยสายตาแบบนั้น ข้าไม่ทำอะไรเจ้าหรอก"
"ไม่เอา เกิดคุณน่ามืดตามัวกะทันหันขึ้นมาทำไง"
"ตัวแค่นี้... ข้าไม่มีอารมณ์หรอก สู้หุ่นมัฉจาสาว*ก็ไม่เห็นได้" (มัจฉาสาว นางโลมในเมืองวารี)
"ฉันนอนก็ได้ แต่ถ้าคุณทำอะไรฉันขึ้นมานะ ฉันตบคุณจริงๆด้วย จะเป็นเทพเจ้าก็เถอะ" ลู่หานขู่ มนุษย์สาวแกะปิ่นปักผมอันใหญ่ออกทำให้ผมที่ถักไว้สยายออกเต็มแผ่นหลัง เสื้อที่ใส่ทับกับเกือบหกชั้นถูกถอดออกให้เหลือเพียงสองชั้นเพราะเธออึดอัดเกินกว่าจะข่มตานอนได้
ร่างบางล้มตัวลงนอนข้างๆสามี เปลือกตาเริ่มหย่อนคล้อยก่อนจะหลับไปในที่สุด เซฮุนที่แสร้งเป็นหลับลืมตาขึ้น สอดแขนให้ศีรษะทุยหนุนนอน มืออีกข้างดึงร่างน้อยเข้ามากอดอย่างถนอม
"ข้ารักเจ้ากว่าใครในวารี ลู่หานของข้า".
°
·
.
*
°
.
ข้ารักเจ้ากว่าใครในวารี ลู่หานของข้า เสียงทุ้มนุ่มยังกังวานอยู่ในสมองของเด็กสาววัยสิบแปดที่กำลังนั่งเหม่อลอย ผมเผ้าไม่เป็นทรงและมันยากเกินกว่าที่ลู่หานจะใช้หวีสางผมของตัวเองได้ ยิ่งนานวันผมก็เริ่มยาวเสียจนลากพื้น เห็นทีอาจจะต้องขอให้แบคฮยอนมาตัดให้
"คุณหนูเจ้าคะ ท่านเทพมารับคุณหนูไปที่สวนเจ้าค่ะ"
"สวน? สวนอะไรแบคฮยอน"
"ข้าน้อยเองก็ไม่เคยเห็นเหมือนกันเจ้าค่ะ เดี๋ยวข้าน้อยเกล้าผมให้นะเจ้าคะ" ไม่ว่าเปล่า มือเรียวของวารีชาติก็เริ่มจัดทรงให้นายของตนออกมาดูดีก่อนจะไปพบท่านเซฮุน ชุดฮันบกสีชมพูอ่อนถูกสวมโดยร่างเล็ก ใบหน้าไร้การแต่งแต้มสิ่งใดเพราะลู่านกลัวเหลือเกินว่าแก้มของตนนั้นจะแดงเป็นลูกตำลึงสุกเสียก่อน
"แค่นี้คุณหนูของข้าน้อยก็สวยกว่าวารีชาติตนใดใต้วารีแล้วเจ้าค่ะ" แบคฮยอนยิ้มกับผลงานของตน "ท่านเทพจะต้องมองคุณหนูตาค้างเป็นแน่เจ้าค่ะ"
ก๊อกๆ "ท่านหญิงขอรับ ข้อน้อยองครักษ์คิมจงอิน ท่านเซฮุนให้ข้าน้อยมารับท่านไปยังสวนขอรับ"
"ขอโทษที่ทำให้คุณต้องรอ" ลู่หานเปิดประตูเดินออกมาและโค้งตัวให้องครักษ์หนุ่ม จงอินเห็นเช่นนั้นก็รับโค้งรับแทบไม่ทัน วันนี้ภรรยาของท่านเทพดูสวยสดใสผิดกับวันแรกๆที่มายังเมืองวารีแห่งนี้
"เชิญทางนี้ขอรับ" จงอินผายมือก่อนจะเดินนำไป เหล่าวารีชาติและมัจฉาสาวตนอื่นๆตามบริเวณของวังหลวงต่างโค้งคำนับท่านหญิงคนใหม่กันด้วยความเคารพ ทหารหนุ่มเดินพามายังสะพายไม้สีแดงที่ทอดวางระหว่างสระบัว ดวงตากลมโตเห็นท่านเทพยืนอยู่ก่อนก็รีบวิ่งนำหน้าจงอินมาหาเพราะตนเองนั้นมาช้าและทำให้คนอายุมากกว่าต้องรอเด็กอย่างตน
"เจ้าช้ากว่าที่ข้าคิด" โอเซฮุนเอ่ยโดยไม่มองภรรยาตัวน้อยที่ทำหน้าสำนึกผิดอยู่ข้าง คนที่โดนตำหนิกลายๆรีบโค้งตัวขอโทษท่านเทพเจ้าแห่งสายน้ำและนักปราชญ์คิมจงแดที่ยืนอยู่ไม่ห่าง
"ขอโทษค่ะ ฉันมัวแต่เหม่อชมธรรมชาติระหว่างทางนานไปหน่อย ขอโทษที่ทำให้คุณต้องรอค่ะ ขอโทษนะคะคุณจงแด"
"ท่านหญิงจะมาช้าแค่ไหนข้าน้อยก็มิบังอาจโกรธท่านหรอกขอรับ" จงแดยิ้ม "วันนี้แต่งตัวน่ารักเทียวนะครับ แถมยังมีดอกซูซอนฮวา*ประดับผมด้วย ช่างเหมาะกับท่านหญิงจริงๆขอรับ" *ดอกพริมโรส(หมายถึงวัยแรกรุ่น)
"ขอบคุณค่ะคุณจงแด ต้องยกความดีความชอบให้แบคฮยอนเลยค่ะ เธอเป็นคนเลือกให้" รอยยิ้มเล็กประดับดวงหน้าหวาน นักปราชญ์และทหารคนสนิทราวกับคนตาพร่ายามเมื่อได้เห็นรอยยิ้มของท่านหญิงชาวมนุษย์ สดใสราวกับดวงตะวันในยามเช้าของโลกมุษย์ไม่ผิดเพี้ยน
"พวกเจ้าสองคนจะไปไหนก็ไป ส่วนเจ้า..จับมือข้าเอาไว้"
"ทำไมต้องจับด้วย แค่เดินเล่นชมสวนไม่ใช่หรอคะ?"
"ถ้าเจ้าอยากเดินชมบนสะพานเห็นดอกบัวไกลลิบก็ตามใจ ข้าว่าจะพาเจ้าไปล่องเรือเสียหน่อย ข้าไปคนเดียวก็ได้" ท่านเทพกล่าวตัดพ้อก่อนจะเดินทอดน่องไปยังท่าน้ำ ก้าวเท้าลงเรืองไม้สีแดงที่ผูกติดอยู่กับตอไม้โดยไม่หันมาแลเช่นเคย ลู่หานจึงรีบก้าวตามมาแต่ก็ชะงักเมื่อกำลังจะก้าวเท้าลงเรือเพราะกระโปรงที่ยาวจนมองไม่เห็นเท้าของตน มือหนาที่มีแหวนประดับยื่นออกมาให้จับ
"ข้าไม่มีเวลามากพอที่จะรอเจ้าทั้งวันหรอกนะ"
ลู่หานเบะปาก มือบางวางลงบนฝ่ามืออุ่นๆแล้วค่อยๆก้าวลงเรืออย่างระวัง หญิงสาวจัดแจงท่านั่งให้เรียบร้อยก่อนจะปล่อยมือจากเขา ท่านเทพยังคงทำหน้านิ่ง เขาเพียงจุ่มนิ้วชี้ลงในน้ำแล้วลากเป็นเส้นตรง เรือไม้ลำนี้ก็แล่นไปตามสายน้ำที่เริ่มไหลเอื่อย ลู่หานไม่เคยนั่งเรือมาก่อน มือเล็กจับขอบเรือไว้แน่นเพราะกลัวเรือจะคว่ำกลางคันหากว่าดิ้นไปดิ้นมาจนเรือโคลง
ดอกบัวหลากหลายสายพันธุ์เจริญงอกงามเต็มสระ สีสันสวยงามของกลีบดอกตัดกันกับใบบัวสีเขียวได้อย่างลงตัว มีปลาตัวเล็กๆแหวกว่ายในน้ำและไม่พลาดที่จะมาทักทายท่าพเทพและภรรยาตัวเล็กของเขา
"นึกยังไงถึงพาฉันมานั่งเรือเล่นคะ?" ลู่หานถามขึ้น ท่านเทพยังคงปล่อยใจไปกับธรรมช่ติจนไม่ไดเยินเสียงของเธอ มือเล็กจึงเอื้อมไปแตะหลังมือของอีกฝ่ายเผื่อว่าเขาจะรับรู้ว่าเธอกำลังถามเขาอยู่
"ท่านเทพคะ?"
"..."
"คุณเป็นอะไรไปเนี่ย เรียกก็ไม่-!!!"
ฟรุบ!
เจ้าของผมสีเงินสว่างทิ้งศีรษะลงบนตักนิ่มๆของภรรยาตัวเล็ก ส่วนเจ้าตัวก็ได้แต่เหวอ ดวงตาสีฟ้าน้ำทะเลมองคนรักที่ตอนนี้เริ่มมีเนิ้อมีหนังกับเขาบ้างเสียที ดวงตาหวานใสดุจตาปลา ไม่สิ.. ดุจตากวาง(ที่เขาไม่รู้จัก)เสียมากกว่า แค่เพียงมองมาที่เขาเพียงคนเดียว หัวใจของท่านเทพเจ้าก็ชุ่มฉ่ำได้ไม่ยาก
"หน้าฉันมีอะไรติดหรอคะ?"
"แค่อยากมองหน้าภรรยา ข้าทำไม่ได้หรือ?"
"คุณดูแปลกๆไป"
"ข้าเป็นของข้าแบบนี้ เจ้ายังไม่รู้อะไรอีกมากเกี่ยวกับข้า ใยถึงมาบอกว่าข้าเปลี่ยนไป"
"ปกติคุณออกจะนิ่งๆ น่าเกรงขามจะตายไป"
"แล้วมีเหตุใดที่ข้าต้องทำตัวน่าเกรงขามกับภรรยาของข้าเล่า เจ้านี่ช่างไม่รู้อะไรเสียเลย"
"ท่านเซฮุนขอรับ! เกิดเรื่องแล้วขอรับ!" เสียงของนายทหารคิมตะโกนลั่นอยู่ที่ท่าน้ำ เทพเจ้าหนุ่มยังกายขึ้นอย่างรวดเร็วก่อนจะเปลี่ยนทิศทางของน้ำให้ไหลกลับเข้ามายังฝั่ง แขนแกร่งช้อนร่างน้อยขึ้นแนบอกก่อนจะวางลงเมื่อจึงจากเรือแล้ว แบคฮยอนรีบวิ่งมาหาเจ้านายและสำรวจความเรียบร้อยของท่านหญิง
"มีเหตุอันใด?"
"พวกปลาทะเลทะเลาะกับปลาน้ำจืดเพราะเรื่องความดีความชอบขอรับ ข้าน้อยส่งทหารไปยับยั้งสถานการณ์แล้วแต่เจ้าปลาพวกนั้นไม่ได้ฟังแม้แต่น้อย ข้าน้อยจึงต้องขอให้ท่านช่วยหยุดสงครามย่อมๆของพวกปลาด้วยขอรับ"
"ที่ไหนรึ?"
"ปากอ่าวทางใต้ขอรับท่าน"
"เมืองพูซานเชียว แบคฮยอน"
"เจ้าคะ"
"ดูแลนางด้วย หากนางอยากได้อะไรก็หาให้เสีย"
"เจ้าค่ะ ท่านเทพ" แบคฮยอนรับคำ
"ไปกันเถอะจงอิน"
หมับ! ลู่หานคว้าเสื้อของคนตรงหน้าได้ทันก่อนที่เขาจะเดินจากไป ท่านเทพขมวดคิ้วและมองภรรยาตัวเล็กที่ไม่ยอมปล่อยเขาเสียที
"นี่เจ้า-"
"ขอไปด้วยได้มั้ย ฉันสัญญาว่าจะไม่ก่อเรื่อง"
"ไม่ได้"
"นะๆๆ คุณสามี ขอไปด้วยสิ อยู่แต่ในวังมันน่าเบื่อจะตายไป"
"ไม่ได้"
"ถ้าคุณไม่ให้ฉันไปด้วย ฉันจะหนีคุณ"
"เจ้าทำไม่ได้หรอก ภรรยาของข้า"
"ท่านหญิงอย่าได้ตามไปเลยขอรับ ที่ปากอ่าวทางใต้ล้วนมีแต่อันตรายรอบตัว" นักปราชญ์เอ่ยขึ้นในขณะที่กำลังเดินพาภรรยาตัวเล็กของท่านเทพไปยังหอแดง หอที่ตั้งตระหง่านหลังวังหลวง เหล่าวารีชาติตั้งแต่ขุนนางขึ้นไปสามารถเข้าใช้บริการได้ ที่หอแห่งนี้เต็มไปด้วยความรื่นเริงที่ไม่มีวันหยุดพัก ท่านจงแดก้าวเข้ามา เหล่ามัสยาทั้งหลายต่างยื่นเคารพ หยุดกิจกรรมทุกสิ่งอย่างไว้เบื้องหน้า
"วันนี้ท่านหญิงอยากมาเรียนทำขนมกับคุณหนูมินซอก ไม่ทราบว่านางว่างหรือไม่"
"สำหรับภรรยาของท่านเทพเจ้าแห่งสายน้ำ ข้าว่างเสมอเจ้าค่ะท่านจงแด" ร่างอวบอิ่มเดินออกมาจากห้องๆหนึ่งพร้อมบริวารสามคน มือเรียวสะบัดพัดให้กางออกและโบกพัดไปมาก่อนจะเก็บพัดลงและทำความเคารพท่านหญิงใหญ่คนปัจจุบันแห่งเมืองวารี
"เป็นเกียรติอย่างยิ่งที่ได้พบท่านหญิงเจ้าค่ะ"
"ฉันก็ดีใจที่ได้พบคุณ..เอ่อ คุณมิกซอกค่ะ"
"ข้าฝากท่านหญิงด้วยนะคุณหนูมินซอก" ท่านจงแดเอ่ย
"ไม่อยู่รับชาร้อนกับข้าก่อนหรือเจ้าคะ?"
"เห็นทีคงจะไม่ได้ ข้าขอตัวก่อน"
"เจ้าค่ะ เชิญทางนี้เจ้าค่ะท่านหญิง" มินซอกผายมือ
คุณหนูตระกูลคิมพาลู่หานมายังห้องๆหนึ่งที่มีหน้าต่างบานใหญ่เปิดรับแสง ด้่นนอกเป็นสวนที่มีต้นซากุระปลูกไว้ รวมถึงดอกไม้นานพันธุ์และสมุนไพรที่ใช้รักษาอาการต่างๆ ลู่หานนั่งลงบนเบาะผ้า มองเหล่ามัสยาที่กำลังนั่งปั้นชาม เพ้นท์จาน ทำขนม และจัดดอกไม้อยู่เงียบๆ เธอเองไม่ค่อยจะสันทัดเท่าไหร่ หากเป็นงานปัดกวาดเช็ดถูขอให้บอกเธอเลย
"เห็นท่านจงแดบอกว่าท่านหญิงอยากเรียนทำขนม วันนี้ข้าจะสอนท่านทำขนมง่ายๆนะเจ้าคะ ท่านคงรู้จักโมจิ"
"แต่สูตรที่ข้าจะสอนไม่เหมือนกับสูตรที่พวกมนุษย์ทำหรอกนะเจ้าคะ" เหล่าวารีชาติยกวัตถุดิบมาวางเรียงกันตรงหน้าโดยมีคุณหนูมินซอกคอยกำชับไม่ห่าง เจ้าของร่างอวบเริ่มสอนทำขนม ลู่หานสนุกที่ได้ทำอะไรใหม่ๆ แบคฮยอนเองก็คอยช่วยอยู่ข้างๆไม่ห่าง
"ขนมโมจิรูปปลาไส้ถั่วแดงเป็นขนมที่ท่านเทพโปรดมากมาตั้งแต่ยังเยาว์ ท่านชอบทานตอนบ่ายๆพร้อมกับชาร้อน" มือเรียวกดพิมพ์ก่อนจะยกออกปรากฎเป็นรูปปลาที่มีลายเส้นวิจิตรบรรจง ร่างเล็กเองก็อยากจะชิมถ้าไม่ติดว่าเธอไม่ชอบถั่วแดง
"ลองทานสิเจ้าคะ"
"คือ.. ฉันไม่ชอบถั่วแดงค่ะ ขอโทษด้วย" ลู่หานโค้งน้อยๆให้
"งั้นข้าจะทำไส้สตอเบอรี่กวนให้ หวังว่าท่านหญิงคงจะชอบนะเจ้าคะ" ถ้วยที่บรรจุถั่วแดงกวนถูกเปลี่ยนเป็นสตอเบอรี่กวนรสหวานอมเปรี้ยว มือเรียวว่งแป้งโมจิลงไปก่แนตามด้วยไส้และทับด้วยแป้งอีกครั้งก่อนจะกดพิมพ์ลงไป เมื่อเสร็จแล้วมินซอกจึงยื่นขนมให้ภรรยาของท่านเทพได้ลิ้มลอง ท่านหญิงรับมาและกินลงที่ส่วนหัว ความเหนียวนุ่มของแป้งกับไส้ผลไม้หวานอมเปรี้ยวเข้ากันได้ดี ลู่หานยิ้มออกมาเมื่อได้ของถูกใจชิ้นใหม่ ไม่วายหยิบยื่นให้วารีชาติข้างกายและมัสยาตนอื่นๆได้ชิม
"อร่อยมากเลยเจ้าค่ะ เกิดมาข้าน้อยเพิ่งจะเคยได้กิน"
"อร่อยมากๆค่ะคุณมินซอก ขอบคุณที่ทำให้ทานนะคะ"
"ด้วยความยินดีเจ้าค่ะ นี่ก็ใกล้ค้ำแล้ว ท่านหญิงจะทานมื้อเย็นที่นี่เลยหรือไม่เจ้าคะ ข้าจะได้ให้ทางห้องเครื่องจัดเตรียมให้"
"ดีค่ะ กลับไปที่วังหลวงคงเหงาแย่"
.
°
·
.
*
°
.
"ม่ายกลับ ฉันม่ายกาบบบ เทมาอีก" มือเล็กกระแทกแก้วใบเล็กลงกับโต๊ะไม้ มินซอกอยากจะเขกหัวตัวเองเสียจริงที่เอาสาเกมาให้ท่านหญิงดื่ม เดือดร้อนจนต้องให้ท่านจงแดมาพากลับไปที่วังหลวงแต่ก็ไร้ประโยชน์ กฎของเมืองวารีห้ามชายใดแตะต้องภรรยาของท่านเทพเจ้าแห่งสายน้ำโดยไม่ได้รับอนุญาต คุณหนูคิมจึงต้องสละฟูกที่นอนของตนให้ท่านหญิง แบคฮยอนเองก็คอยช่วยอยู่ ลู่หานกำลังเมาได้ที่หลับสนิทจนผู้พบเห็นเป็นต้องเอ็นดูในความไร้เดียงสาของมนุษย์สาวผู้นี้
"คุณหนูคิม" เสียงทุ้มเอ่ยขึ้น มินซอกรีบเปิดประตูต้อนรับท่านเทพที่ดูอิดโรยจากการเดินทางไปยังปากอ่าวทางตอนใต้ เซฮุนเดินตรงเข้าไปหาภรรยาที่นอนหลับอยู่ ใบหน้าหวานยังแดงระเรื่อจากฤทธิ์ของสาเก หากไม่ทราบเรื่องจากจงแด เขาคงนึกว่าภรรยาตัวน้อยหนีกลับขึ้นไปยังเมืองมนุษย์เสียแล้ว
"ขอบคุณที่ช่วยดูแลภรรยาตัวน้อยของข้า"
"ไม่ใช่เรื่องลำบากอะไรเจ้าค่ะท่านเทพ ท่านหญิงมาเรียนทำขนมกับข้าน้อย หัวไวมากทีเดียว ทำโมจิรูปปลาที่ท่านเทพโปรดด้วยนะเจ้าคะ" ร่างอวบอิ่มยกขนมและน้ำชาร้อนๆมาวางไว้ เธอเองเพิ่งจะสังเกตเห็นว่าโมจิที่ท่านหญิงทำมีดอกซากุระติดอยู่ที่ตัวปลาด้วย
"นางคงทำให้เจ้าลำบากใจไม่น้อยสินะ นั่นต้นซากุระประจำตระกูลของเจ้ามิใช่รึ"
"เจ้าค่ะ ท่านหญิงเองเหมือนจะโปรดมาก ข้าน้อยเลยให้วารีชาติตัดมาหนึ่งกิ่งให้แก่ท่านหญิง ท่านหญิงเองก็เลยใช้มันมาประดับขนมเสียกระมังเจ้าคะ"
"อย่างนั้นเองรึ ข้าขอบใจเจ้ามากจริงๆ ขนมที่ลู่หานทำช่วยใส่ห่อให้ข้าด้วย เห็นทีว่าจะรบกวนเวลานอนของเจ้ามานานพอสมควรแล้ว"
"เจ้าค่ะ" มินซอกเคารพก่อนจะไปจัดการในห้องเครื่องต่อ เซฮุนจึงสะกิดวารีชาติคนสนิทของภรรยาให้ตื่นก่อนจะช้อนร่างบางขึ้นแนบอกและเดินจากไปโดยไร้คำพูด
วังหลวงที่เงียบเหงากับมามีชีวิตชีวาได้อีกครั้ง โคมไฟถูกจุดตามจุดต่าง เซฮุนกลับมาที่ห้อง วางร่างบางลงบนฟูกก่อนที่ตัวเองจะไปชำระร่างกายที่เมื่อยล้ามาทั้งวัน
ครืด!
"คูนมาต้างแต่เมื่อหรายย" ร่างคนเมาที่เขาเพิ่งจัดแจงท่านอนให้เสร็จสัพกลับมายืนเกาะขอบประตูดูเขาอาบน้ำ
"มาตั้งแต่ตอนที่เจ้าเมาอย่างไรเล่า แล้วลุกมาทำไม เมาแล้วก็นอนเสีย"
"ฉันยังไม่ได้อาบน้ำเลย หาว~" ว่าไปก็หาวไป ลู่หานเดินเซไปเซมาเข้ามาในห้องน้ำ คนตัวเล็กนั่งจุ้มปุ๊กข้างๆอ่างไม้ขนาดใหญ่ เอาหน้าเกยกับขอบอ่าง มองท่านเทพด้วยสายตาฉ่ำเยิ้ทจนโอเซฮุนอดหัวเราะไม่ได้
"ฉันอาบด้วยได้มั้ย?"
"ที่พูดนี่คิดรึยัง"
"อือ คิดแล้ว"
"ถอดเสื้อผ้าแล้วลงมาสิ" เขาเอ่ยไม่จริงจังนัก
"คุณหันหน้าไปก่อนสิ"
"นี่เจ้าจะอาบน้ำกับข้าจริงๆรึ"
"ท่านเทพพูดมากจัง" มือเล็กกระตุกปลายเชือกให้ผ้าหลุดออกจากกัน ไม่นานนักลู่หานก็ลงไปนั่งแช่ในน้ำอุ่นๆที่โรยด้วยดอกไม้หลากหลายชนิด ร่างบางขยับไปนั่งใกล้ๆสามีก่อนจะเอ่ยปากให้เขาช่วยถอดเครื่องประดับบนผมออกให้ มือหนาค่อยๆถอดออกให้วางไว้ที่โต๊ะไม้ข้างอ่าง ผมยาวสลวยแผ่สยายเต็มหลังบาง ความง่วงเข้าครอบงำร่างบางเป็นระยะ ลู่หานจึงเบียดตัวไปซบอกแกร่งที่นอนหลับตาสบายเอาหัวพิงขอบ
ท่านเทพรู้สึกถึงไออุ่นจากกายของอีกฝ่าย ภรรยาตัวน้อยของเขาหลับสนิททั้งๆที่กำลังอาบน้ำ มือหนาเกลี่ยผมบดบังใบหน้าแสนหวาน เซฮุนสังเกตเห็นบริเวณต้นคอของร่างบางมีตราสัญลักษณ์เทพเกิดขึ้น เขาจำได้ว่าหากแต่งงานและคู้แต่งงานมีตราปรากฏ คนๆนั้นคือคู่แท้ที่พรากจากกันมานาน
"อยากจูบคุณจัง" คนที่คิดว่าน่าจะหลับไปแล้วเอื้อมมือมาแตะที่สันกรามก่อนจะค่อยๆโน้มใบหน้าคมให้ก้มลงมาประทับอวัยวะส่วนเดียวกัน ท่านเทพไม่ได้ปฏิเสธสัมผัสชวนหวือหวามแต่อย่างใด มือหนาดึงร่างบางให้นั่งลงบนตัก ดวงตาหวานหยดของมนุษย์สาวปลุกเร้าอารมณ์ดิบในกายของเขาอย่างง่ายดาย
_cut_
"สายป่านนี้ทำไมยังไม่ลุกมาทานข้าวทานปลาอีกนะ" เซฮุนได้แต่ถามตัวเองในใจว่าทำไมลู่หานถึงยังไม่ตื่นเสียที มือหนาวางพู่กันลงก่อนจะลุกออกจากที่ประทับไปยังห้องนอน มีเหล่าวารีชาติคอยต้อนรับตลอดทั้งเส้นทาง แบคฮยอนเองก็คือหนึ่งในนั้นที่นั่งรออยู่หน้าประตู
"เหตุใดเจ้าไม่เข้าไปเรียกนาง?"
"ข้าน้อยเพิ่งกลับเข้ามาในวังเจ้าค่ะ คุณหนูเธออยากทานอาหารที่ชาวมนุษย์ทาน ข้าน้อยก็เลยไปที่ด้านบนมาเจ้าค่ะ"
"อืม" ท่านเทพขานรับในคอ เขาเปิดประตูเข้าไปก็พบภรรยาตัวน้อยนอนหลับสนิทอยู่บนฟูกเช่นเดิม ตามใบหน้ามีเหงื่อเม็ดเล็กๆกระจายไปทั่ว ทั้งๆที่วันนี้อากาศค่อนข้างจะเย็น มือหนาวางลงบนหน้าผากเนียนก็พบว่าอาการไข้ได้เกิดขึ้นกับหญิงสาวเสียแล้ว ความจริงเข้าสามารถรักษาให้ไข้ลดได้แต่ในตอนนี้พลังของเขามีไม่มากพอที่จะทำแบบนั้น เป็นผลเนื่องมาจากการใช้พลังในการรักษาครั้งนั้น
"แบคฮยอน เรียกคุณหนูจาง"
"เจ้าค่ะ ท่านเทพ" วารีชาติตัวเล็กวิ่งออกไปตามคำสั่งโดยไม่ลืมปิดประตู โอเซฮุนได้แต่รอการมาของหมอฝีมือดีในเมืองวารีอย่างใจเย็น ใช้ปลายแขนเสื้อชั้นในซับตามใบหน้าให้ร่างบาง เขาเอ็นดูเสียจนไม่รู้จะอธิบายเป็นคำพูดอย่างไร ผู้หญิงก๋ากั๋นเมื่อคืนนี้หายไปเหลือทิ้งไว้แต่เด็กสาวไร้เดียงสาตรงหน้า ไม่ว่าจะเป็นแบบไหนเขาก็รักทุกอย่างที่เป็นลู่หาน เพราะลู่หานคือหัวใจอีกครึ่งดวงของเขา
"คุณหนูจางมาแล้วค่ะท่าน"
"ท่านเทพมีอะไรให้ข้าน้อยช่วยหรือเจ้าค่ะ" ร่างเพรียวบางของคุณหนูจางอี้ชิง ภรรยาของพี่ชายต่างแม่ของเขาเป็นหมอฝีมือดีที่สุดในเมืองวารีแห่งนี้
"พี่สะใภ้ ข้าคิดว่านางเป็นไข้ ขอท่านช่วยตรวจดูให้หน่อยได้หรือไม่"
"เจ้าค่ะ แต่ช่วยออกไปก่อนนะเจ้าคะ แบคฮยอน เจ้ามาช่วยข้า" ท่านเทพเดินออกมารอด้านนอกตามคำสั่ง เวลาล่วงเลยไปไม่นาน แบคฮยอนก็ออกมาเรียกให้เขาเข้าไปฟังอาการของภรรยาตัวเล็ก โดยพี่สะใภ้ยังคงนั่งนิ่งเตรียมรอเล่าอาการให้เขาได้ฟัง
"นางเป็นอย่างไรบ้าง"
"ท่านหญิงมีอาการอ่อนเพลียเพราะพักผ่อนไม่เพียงพอและอีกสาเหตุก็คือนางไปตากแดดตากละอองฝนที่ใดมารึเปล่าเจ้าคะ"
"ข้าแค่พาไปนั่งรับลมเล่นเมื่อตอนบ่าย หลังจากนั้นนางก็ไปเรียนทำขนมกับคุณหนูมินซอกที่หอแดง อืมม.. สงสัยจะเป็นเพราะข้าเสียกระมัง" นึกไปนึกมา ท่านเทพก็นึกขึ้นได้ว่าตอนพาลู่หานกลับวังมีละอองฝนตกลงมาแต่เขาไม่ได้นึกใส่ใจอะไรจึงไม่ได้หาผ้ามาคลุมให้ภรรยา และเขาเองก็ไม่คิดว่าร่างบางจะป่วยง่ายเช่นนี้
"เดี๋ยวข้าน้อยจะส่งห่อยามาให้นะเจ้าค่ะ ท่านเทพเองก็คอยเช็ดตัวให้ร่างกายของนางบ่อยๆ ไข้จะได้ลดเจ้าค่ะ"
"ขอบใจท่านมาก พี่สะใภ้" คุณหนูจางยิ้มรับ ก่อนจะเดินออกไปโดยมีแบคฮยอนเดินนำไปส่ง เซฮุนจึงให้วารีชาติตนอื่นหาผ้าและกะละมังใส่น้ำมาให้ตน เซฮุนพับแขนเสื้อของตัวเองขึ้นและใช้ผ้าชุดน้ำบิดหมาดๆเช็ดตามใบหน้าของหญิงสาวตามคำแนะนำของพี่สะใภ้
ข่าวการป่วยของท่านหญิงแพร่สะพัดไปทั่วเมืองวารี เหล่าวารีชาติทั้งหลายพากันเอาของมาเยี่ยมแต่ก็ไม่มีผู้ใดได้รับอนุญาตจากท่านเทพให้เข้าเยี่ยม มีเพียงแบคฮยอนที่เดินเข้าอแกเป็นว่าเล่นเพื่อแจ้งข่าวสารให้เหล่าวารีชาติสบายใจ เพราะดวงใจของท่านเทพคือดวงใจของเหล่าวารีชาติด้วยเช่นกัน
"เจ้าจะนอนทั้งวันแบบนี้ไม่ได้นะ ลุกขึ้นมาทานข้าวทานปลาบ้างสิ" มือหนาลูบกลุ่มผมนิ่ม ลู่หานยังไม่มีท่าทีจะฟื้นจากพิษไข้แม้ว่าจะได้ยาจากหมอแล้วก็ตาม นั้นยิ่งทำให้ท่านเทพเป็นกังวลมากขึ้น
"ท่านเทพขอรับ ข้าน้อยจงแดขอรับ"
"เชิญ"
"ข้ามีเรื่องแจ้งให้ท่านทราบขอรับ"
"ว่ามาสิ"
"จากคำทำนายของท่านอาวุโส เจ้าสาวของท่านจะต้องกลับไปยังเมืองมนุษย์ การมาของนางครั้งนี้เป็นการมาเพื่อแสดงตนว่านางคือคู่ชีวิตของท่าน แต่ยังมีบททดสอบอีกอย่างก็คือพวกท่านจะต้องจากกันเพื่อทดสอบว่าความรักของพวกท่านว่าไม่ได้ถูกทำลายโดยการเวลา และนางจะเป็นท่านหญิงที่สมบูรณ์ได้เมื่ออายุครบยี่สิบห้าปีบริบูรณ์ของโลกมนุษย์"
"แสดงว่าข้าต้องอยู่อย่างโดดเดี่ยวไปอีกเป็นร้อยราตรีน่ะสิ"
"นั้นเป็นคำบัญชาของท่านฮยอนมูขอรับ"
"แต่นางยังไม่หายไข้"
"ไข้ที่เกิดเป็นเพราะมันเกินกำหนดที่นางจะอยู่ในเมืองวารีได้ขอรับ ความจริงนางอยู่ได้เพียงหนึ่งราตรีเท่านั้น แต่เพราะพลังของท่านทำให้นางอยู่ได้ถึงสี่ราตรี ท่านต้องส่งนางกลับไปยังเมืองมนุษย์ก่อนตะวันตกดิน ลบความทรงจำทั้งหมดที่เกิดขึ้นที่นี่"
"ข้าเข้าใจแล้ว เจ้าออกไปก่อนเถอะ"
"ขอรับ" นักปราชญ์ไม่เซ้าซี้อะไร เขาเพียงเดินออกไปและปิดประตู ปล่อยให้คนทั้งคู่ได้อยู่ด้วยกันตามลำพัง
"ลู่หาน ตื่นขึ้นมาให้ข้ามองตาเจ้าอีกสักครั้งได้หรือไม่ ก่อนที่เราจะต้องจากกัน"
"ข้าจะรอเจ้าอยู่ที่นี่ จนกว่าเจ้าจะกลับมาหาข้า กลับมาสู่อ้อมกอดของวารี กลับมาเป็นหัวใจของข้าดังเดิม"
.
°
·
.
*
°
.
ทำไมถึงปวดหัวแบบนี้นะ...? ดวงตากลมโตมองไปทั่วๆห้องก็พบรุ่นพี่ใจดีนั่งคอพับอยู่ที่เก้าอี้ ลู่หานรู้สึกเจ็บแปลบที่ข้อมือข้างขวาก็พบว่ามันถูกพันด้วยผ้าพันแผลหลายชั้น กลิ่นยาเหม็นคลุ้งจนอยากจะอาเจียนออกมาเสียอย่างนั้น ลำคอแห้งผากจนพูดอะไรไม่ได้
"น..น้ำ"
"อืม ฟื้นแล้วหรอเรา" มือใหญ่รีบคว้าแก้วน้ำส่งให้รุ่นน้องตัวเล็กได้ดื่มน้ำก่อนจะกดกริ่งเรียกพยาบาลให้มาดูอาการ ปาร์คชานยอลยิ้มแก้มแทบปริเมื่อคนบนเตียงมีการตอบสนอง ไม่รู้ว่าเจ้าตัวจะรู้รึเปล่าว่าตัวเองสลบไปนานถึงหนึ่งอาทิตย์เต็มๆ หมอและพยาบาลต่างลงความเห็นว่าจะถอดเครื่องช่วยหายใจออกแล้วแต่เพระความดื้อด้านของเขาทำให้ลู่หานยังไม่ตายไปจริงๆ
"รู้รึเปล่าว่าใจพี่เกือบวาย เราคิดอะไรอยู่ถึงเดินลงน้ำไปแบบนั้น ดีนะที่มีคนมาช่วยเราไว้ทัน ไม่งั้นคงได้ไปเฝ้าท่านฮยอนมูในแม่น้ำฮันแล้ว" ชานยอลบ่น ไม่นานหมอและพยาบาลก็เข้ามาตรวจดูอาการ
"อาการดีขึ้นมากนะครับ รอน้ำเกลือหมดก็กลับบ้านได้แล้ว" คุณหมอหนุ่มเอ่ยขึ้นพร้อมรอยยิ้ม เขาตรวจร่างกายอีกนิดหน่อยก่อนจะออกไป เหลือเพียงลู่หานและชานยอลไว้ในห้องแห่งนี้ ลู่หานรู้สึกว่าตัวเองไม่ควรอยู่ที่นี่ ไม่ควรมีชีวิตบนโลกใบนี้อีกต่อไป เธอเคยฆ่าตัวตายไปแล้วครั้งหนึ่งแต่โชคก็ยังเข้าข้างที่มีคนมาช่วยไว้ไม่ให้เธอตาย เมื่อหันไปมองที่แม่น้ำฮันก็ชวนให้ใจหวูบโหวง ความรู้สึกผูกพันธ์กับแม่น้ำสายนั้นก่อตัวขึ้นมาน้อยๆก่อนจะเริ่มใหญ่จนคับใจ
"ลู่หาน"
"คะ?"
"พี่เก็บมาได้ ของเราใช่มั้ย" มือใหญ่ยื่นของบางสิ่งให้ เป็นสร้อยคอมีจี้รูปหยดน้ำทำจากหยกขาว ชานยอลพบมันใกล้ๆกับร่างบางจึงเก็บเอาไว้แล้วนำมาให้เมื่อรุ่นน้องตัวเล็กฟื้น ลู่หานกล่าวขอบคุณก่อนจะรับมา ความรู้สึกผูกพันธ์ก่อตัวขึ้นอีกครั้ง เธอรู้สึกอบอุ่นใจ รู้สึกว้าตัวเองไม่ได้อยู่ตัวคนเดียว เหมือนมีใครสักคนกำลังอยู่ข้างกาย
"แฮปปี้เบิร์ธเดย์ทูยู แฮปปี้เบิร์ธเดย์ทูยู แฮปปี้เบิร์ธเดย์ แฮปปี้เบิร์ธเดย์ แฮปปี้เบิร์ธเดย์ทูยู~ สุขสันต์นะพี่ลู่หาน" จูฮยอนยกเค้กที่ประดับด้วยเทียนมาให้พี่สาวในวัยยี่สิบห้าปีบริบูรณ์ เจ้าของวันเกิดเป่าเปลวไฟเล็กๆจนดับ พร้อมอธิษฐาน แสงไฟสว่างขึ้นในวินาทีถัดมา เธอเห็นแม่ยกกล่องของขวัญใบใหญ่มาให้และอวยพร
"สุขสันต์วันเกิดนะลูกแม่ แม่กับน้องรวมเงินกันซื้อสิ่งนี้มาให้เพราะรู้ว่าลูกอยากได้ เปิดดูสิจ้ะ" คนเป็นแม่เอ่ย มือบางจึงค่อยๆแกะของขวัญดังกล่าวและพบว่าสิ่งที่อยู่ในกล่องคือเดรสสีครีมยาวถึงเข่าลายลูกไม้
"ขอบคุณค่ะแม่ ขอบคุณนะจูฮยอน" ลู่หานโผเข้ากอด แน่นอนว่าเรื่องร้ายๆในอดีตได้ผ่านไปแล้วหลังจากที่ทั้งคู่รู้ว่าเธอคิดจะฆ่าตัวตายเมื่อเจ็ดปีที่ผ่านมา แม่เริ่มเผลี่ยนแปลงตัวเอง ท่านหันมาใส่ใจลูกสาวคนโตให้เท่าเทียมกับลูกสาวคนเล็ก ที่ผ่านมาที่เธอไม่ค่อยได้สนใจลู่หานมากหนักเพราะเธอคิดว่าลูกโตแล้วคงจะดูแลตัวเองได้ดีกว่าจูฮยอนที่เป็นลูกคนเล็ก เธอเองหมั่นใส่ใจลูกคนเล็กมากกว่าโดยที่ไม่รู้เลยว่าลูกสาวคนโตเองก็ยังต้องการความรักจากเธออยู่เช่นกัน
"ฉันรักพี่นะ รักพี่ลู่หานที่สุดในโลกเลย"
"พี่ก็รักจูฮยอน อีกไม่กี่ปีก็เรียนจบแล้วใช่มั้ย"
"ใช่ ฉันจะทำงานเก็บเงินสร้างบ้านใหม่ให้พี่กับแม่ สร้างร้านขายขนมให้พี่ด้วย จะได้ไม่ต้องไปเช่าร้านยัยป้าขี้เหนียวนั่นด้วย"
"พูดถึงคุณนายชางดีๆสิจูฮยอน" แม่ปราม คนทำผิดยังทำหน้าระรื่นไม่ทุกข์ไม่ร้อนกับสิ่งที่ตนเองทำจนแม่อดไม่ได้ที่จะหยิกแขนของลูกสาวคนเล็ก
"โอ๊ย! เจ็บนะแม่" จูฮยอนสูดปาก เอามือถูกบริเวณที่โดยหยิกให้หายเจ็บ
"ว่าแต่เราเถอะลู่หาน จะทำร้านขายขนมไปตลอดชีวิตแบบนี้น่ะหรอลูก"
"หนูจบแค่เกรดสิบสองหนิคะ จะไปทำงานอะไรได้"
"โถ่ ลูกแม่"
"หนูเข้าใจว่าเป็นพี่ต้องเสียสละให้น้อง แล้วหนูคงทนไม่ได้ถ้าเห็นแม่ต้องทำงานงกๆคนเดียวส่งเราสองคนเรียน หนูเองก็อยากแบ่งเบาภาระให้แม่บ้าง และอีกอย่าง... หนูไม่รู้ว่าหนูจะได้อยู่กับแม่และจูฮยอนอีกนานเท่าไหร่" พูดไปมือบางก็จับจี้หยกขาวไปอย่างใช้ความคิด
"พี่อย่าดราม่าสิ หนูกลัวนะ"
"นั่นสิลูก"
"มันคือความจริงค่ะแม่" ลู่หานเอ่ย "จริงสิ จูฮยอน ช่วยแต่งหน้าให้พี่หน่อยได้มั้ย?"
"ได้สิ แต่พี่จะออกไปไหนค่ำๆมืดๆแบบนี้"
"เหมือนจะมีนัดกับใครสักคนที่แม่น้ำฮันน่ะ"
"ตอนนี้เนี่ยนะ?" จูฮยอนถามก่อนจะเหลือบมองนาฬิกาแขวนที่บอกเวลาเที่ยงคืนตรง ปกติเธอไม่เห็นว่าพี่สาวตัวเองจะออกไปไหนตอนดึกแบบนี้
"อืม เร็วเถอะ"
ใช้เวลาเกือบครึ่งชั่วโมงในการแต่งหน้าและหลีกเลี่ยงการซักไซร้ของน้องสาว ลู่หานในชุดเดรสสีครีมลายลูกไม้รีบตรงมายังแม่น้ำฮัน อากาศด้านนอกค่อนข้างหนาวและมีหิมะตก หญิงสาวมองหาเก้าอี้ตัวเดิมที่มานั่งเป็นประจำทุกเย็นหลังเลิกงานเพื่อนั่งมองกระแสน้ำที่ไหลไปตามทิศทาง สายน้ำแห่งนี้มีบางอย่างดึงดูดเธอ และทุกครั้งที่เห็นแสงตะวันสาดส่องลงบนผิวน้ำยามโพล้เพล้มันทำให้เธอรู้สึกอบอุ่นใจอย่างบอกไม่ถูก
"เสียงอะไรน่ะ?" ลู่หานลุกยืนขึ้น สายตาสอดสายหาต้นเสียงของเสียงดนตรีแต่ที่นี่ไร้ซึ่งผู้คนมีแต่เธอเพียงคนเดียว
จู่ๆก็เกิดฟองอากาศผุดขึ้นในแม่น้ำ แสงสีเงินสว่างค่อยๆเจิดจ้าขึ้นจนแสบตา มีฟองอากาศลอยขึ้นมาในอากาศและแตกเป็นละอองน้ำเต็มไปทั่ว ขบวนเหล่าครึ่งคนครึ่งปลาเคลื่อนเข้ามาใกล้โดยผู้นำขบวนคนแรกถือโคมแดงราวกับเป็นผู้นำทาง ตามด้วยหญิงสาวหน้าตาคล้ายปลาอีกนับสิบจนมาถึงเสลียงที่ทำมาจากมวลน้ำที่ก่อร่างขึ้นมาบนนั้นมีร่างของผู้ชายตัวสูงนั่งชันเข่าข้างหนึ่งสวมชุดฮันบกคล้ายของกษัตริย์ นัยน์ตาสีน้ำเงินสะกดทุกสรรพสิ่งรวมถึงเธอด้วย ไหนจะรูปหน้าที่แสนหล่อเหลานั้นอีก
"ข้ามารับเจ้ากลับเมืองวารี ภรรยาของข้า" เสียงทุ้มเอ่ยขึ้นพร้อมกับยื่นมือมาทางเธอ ลู่หานยังคงลังเล แน่นอนว่าเธอรู้สึกคุ้นเคยกับเขาผู้นั้น แต่เธอจำไม่ได้ว่าเขาเกี่ยวข้องกับเธออย่างไรและทำไมถึงได้แต่งตัวเชยระเบิดถึงขนาดนี้
"เรา..รู้จักกันด้วยหรอคะ?"
"แน่นอน เพราะเจ้าคือภรรยาของข้า เทพเจ้าที่ปกปักรักษาแม่น้ำแห่งนี้"
"ท่านเป็นเทพเจ้าแห่งสายน้ำหรอคะ?"
"ใช่ และเจ้าก็คือท่านหญิงในเมืองวารีใต้แม่น้ำฮันแห่งนี้"
"ลงมานั่งคุยกันข้างล่างได้มั้ยคะ ยืนมองท่านจากตรงนี้แล้วปวดคอมากๆเลยค่ะ" ลู่หานเอ่ยขอ ท่านเทพจึงจำเป็นต้องลงจากเสลียง สองเท้าเปลือยเหยียบลงบนพื้นดินก่อนจะเดินตรงมานั่งลงที่ม้านั่ง ลู่หานเห็นแบบนั้นจึงนั่งลงตาม
"ให้พวกเขากลับไปก่อนก็ได้นะคะ ยืนตากลมนานๆมันหนาว" เมื่อภรรยาตัวน้อยเอ่ยขอมา ท่านเทพก็ไม่ได้ขัดอะไร มือหนายกขึ้นสะบัดเพียงเท่านั้น ขบวนที่เห็นก็สลายไปเป็นฟองอากาศทันที
"เข้าจำข้าได้หรือไม่?"
"ฉันรู้แต่ว่าคุณเป็นเทพเจ้าแห่งสายน้ำและสามีของฉันตามที่คุณบอก เราแต่งงานกันเมื่อไหร่คะ?"
"เมื่อเจ็ดปีที่แล้ว"
"ตอนนั้นฉันอายุสิบแปดเองนะคะ คุณอย่ามาหลอกกันหน่อย-" เสียงเจื้อยแจ้วหายไปพร้อมกับริมฝีปากหยักที่เข้ามาแทนที่ โอเซฮุนกดจูบลงบนปากน้อยๆที่พูดจ้อไม่หยุดตั้งแต่พบกัน ภรรยาตัวน้อยของเขาเปลี่ยนไปมาก ไม่ว่าจะร่างกายหรือจิตใจ รวมทั้งความคิดความอ่าน ลู่หานโตขึ้นมากและฉลาดมากพอที่สามารถเล่นละครตบตากันได้ว่าเธอจำเขาไม่ได้จริง ดวงตากวางแสดงออกมาทุกอย่างว่าคิดถึงและห่วงหากันมากเพียงใด
"อย่าโกหกกันอีกเลยลู่หาน ข้ารู้ว่าเจ้าจำข้าได้" จมูกโด่งคลอเคลี่ยกับปลายจมูกรั้นไม่ห่าง ใบหน้าหวานขึ้นสีเพราะความเขินอาย ลู่หานยอมรับแล้วว่าเธอจำเขาได้ จำได้มาตลอดเจ็ดปี ที่มานั่งมองแม่น้ำทุกๆเย็นก็เพราะคิดถึงเขา จี้หยกที่ได้มาเธอเองก็ไม่เคยถอดให้ห่างจากตัวเลยแม้แต่นาทีเดียวเพราะมันคือตัวแทนของเขา
"คิดถึง ฮึก คิดถึงคุณมากๆเลยให้ตายเถอะ" ใบหน้าเล็กซบลงกับบ่ากว้าง น้ำตาหยดเล็กๆไหลอาบ ท่านเทพโอเซฮุนไม่ได้ลบความทรงจำของเธอ เขาเพียงแต่สะกดมันไว้ให้ลึกสุดเท่าที่จะทำได้ แต่สุดท้ายมันก็กักเก็บความทรงจำเหล่านั่นได้ไม่นานและแตกออกมาเป็นละอองของความคิดถึง
"ข้าก็คิดถึงเจ้า ไม่มีเจ้าอยู่ด้วยแล้ววังเงียบเหงาเทียวล่ะ"
"จะหาว่าฉันซนก็บอกมาเถอะค่ะ ฉันอ่านสายตาคุณออกนะ"
"ไม่น่าล่ะดวงตาสีน้ำตาลของเจ้าถึงกลายเป็นสีมรกตไปเสียแล้ว"
"หา? เปลี่ยนสีหรอคะ?" ลู่หานทำตาโต
"ข้าหยอกเจ้าเล่นต่างหากเล่า"
"งั้นฉันขออยู่ที่นี่ต่ออีกสักสิบปีได้มั้ยคะ ฉันยังอยากเห็นน้องสาวในวันรับปริญญา อยากไปเที่ยวรอบโลก อยาก-"
"ข้าไม่ปล่อยเจ้าไปอีกแน่นอนลู่หาน แค่เจ็ดปีข้าก็เหมือนตายทั้งเป็น"
"ทีรอมาเป็นพันปีไม่เห็นเหงาเลยคะ นี่แค่อีกสิบปีเอง"
"ไม่เอา ข้าไม่ให้เจ้าไปจากข้าแล้ว กลับไปเมืองวารีกับข้าเถอะนะภรรยาของข้า" โอเซฮุนอ้อน
"ค่ะ ฉันจะกลับไปกับคุณ"
เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น
Log in