เราใช้คุ๊กกี้บนเว็บไซต์ของเรา กรุณาอ่านและยอมรับ นโยบายความเป็นส่วนตัว เพื่อใช้บริการเว็บไซต์ ไม่ยอมรับ
INCLUDE | HUNHANhuan_97
09 Dear
  • แด่คุณ...ผู้ที่เป็นทุกอย่างในใจของฉัน


    ธันวาคม, 2017

    ฉันไม่เคยคาดฝันว่าจะได้พบคุณอีกครั้งที่โรงเรียนเก่าสมัยเรียนมัธยม ในงานเลี้ยงรุ่นที่จัดขึ้นเป็นครั้งที่สามหลังจากที่ฉันจบไป ในงานมีแต่เพื่อนเก่าที่ไม่ได้เจอกันมานาน ส่วนหนึ่งคงมาจากเวลาของพวกเราไม่ตรงกันและไม่มีเวลา

    "นั้นใช่ลู่หานรึเปล่า?"

    "ใช่ นายคงเป็น...จอห์นนี่"

    "ขอบคุณสวรรค์ที่เธอยังจำฉันได้" เขายิ้มตาปิด จอห์นนี่หรือซอยองโฮ เพื่อนสนิทของเขา ฉันไม่รู้ว่าทำไมถึงไม่เห็นเขามาด้วยในงานนี่และดูเหมือนจอห์นนี่เองก็พอจะอ่านสายตาของฉันออก เขาจึงพูดมันออกมา

    "หมอนั่นเพิ่งออกจากโรงพยาบาลวันนี้น่ะ พูดถึงก็มาพอดี" หนุ่มลูกครึ่งเอ่ยขึ้นก่อนจะมองไปยังร่างสูงที่นั่งอยู่บนวิลแชร์ ดวงตาข้างหนึ่งของเขาถูกผ้าพันปิดเอาไว้เช่นเดียวกับขาข้างซ้าย ทุกคนในงานเบนความสนใจไปยังหนุ่มนักธุรกิจไฟแรงไม่เว้นแม้แต่ฉัน โอเซฮุนยังคงรักษาความนิยมของเขาได้ดีมาตลอดสิบปีที่ผ่านมาถึงแม้ว่าวันนี้เขาจะเจ็บป่วยไปบ้างก็ตาม

    "เธอไม่ไปทักเขาหน่อยหรอ ลู่หาน" จอห์นนี่ถามขึ้นเมื่อเขายังเห็นฉันยืนนิ่งอยู่แบบนั้น ฉันส่ายหน้าปฏิเสธ เซฮุนเป็นเหมือนดวงอาทิตย์ในระบบสุริยะในขณะที่ฉันเป็นได้เพียงแค่สะเก็ดดาวที่ลอยเคว้งในอากาศ ไม่มีอะไรน่าสนใจและไม่มีค่าพอที่จะให้ดวงอาทิตย์ได้แลเห็น

    "ฉันไม่ได้สนิทพอที่จะเดินเข้าไปทักเขาหรอกนะจอห์นนี่"

    "ยังไงก็เพื่อนห้องเดียวกัน เขาจำเธอได้อยู่แล้วหล่ะ" ซอยองโฮตอบอย่างมั่นใจก่อนจะดันหลังให้ฉันก้าวไปหาเขา ผู้คนที่ยืนรุมเขาอยู่ตอนนี้เปิดทางให้ฉันเดินเข้าไปราวกับนัดกันมา ฉันไม่กล้าแม้จะมองหน้าเขา ฉันเอาแต่มองรองเท้าหนังมันวับราคาแพงของเขา และตอนนี้หัวใจของฉันกำลังทำงานหนัก

    "รองเท้ามันน่ามองกว่าฉันหรือไงกัน ลู่หาน"

    พระเจ้า! เขาจำชื่อฉันได้ โอเซฮุนจำชื่อของฉันได้อย่างนั้นหรอ?

    "ค..คือว่า-"

    "ไฮ~ สวัสดีเพื่อนๆที่รัก" ก่อนที่ฉันจะได้ตอบอะไร คิมยูริที่เป็นลูกสาวของรัฐมนตรีก็เอ่ยแทรกขึ้นมาเสียก่อน ฉันจึงหลุดรอดจากคำถามของเขาและถอยออกมาจากวงโคจรนั้น ที่ตรงนั้นไม่เหมาะสำหรับฉันสักนิด



    ธันวาคม, 2007

    มือบางกระชับเสื้อโค้ทตัวใหม่ที่ได้จากวันเกิดเมื่อแปดเดือนก่อนให้แน่นขึ้นเพราะสภาพอากาศในวันนี้เย็นลงไปอีกหนึ่งถึงสามองศา ลู่หานชอบฤดูหนาวเพราะไม่ชื้นแฉะในยามฝนตกหรือเหงื่อออกเหมือนหน้าร้อน ใบหน้าหวานมีเลือดฟาดคอยหล่อเลี้ยงพวงแก้มนิ่มและปลายจมูกรั้น มองไปมองมาช่างคล้ายกับยอดมนุษย์ขนมปัง เมื่อสองเท้าเข้าสู่เขตอาคารแล้ว ไออุ่นจากฮีตเตอร์ช่วยบรรเทาความหนาวเย็นจากด้านนอกได้บ้าง ลู่หานวางกระเป๋าลงและนั่งรอใครสักคนที่จะเข้ามาต่อเป็นคนที่สอง ไม่นานนักเสียงประตูก็ดังขึ้นพร้อมกับร่างสูงและเพื่อนของเขา จะเป็นใครไปได้นอกจากโอเซฮุนและซอยองโฮ 

    "อรุณสวัสดิ์ลู่หาน มาโรงเรียนเช้าจังนะ" ซอยองโฮทักขึ้น เธอจึงยิ้มกลับไปเป็นคำตอบ

    "อ..อรุณสวัสดิ์"

    "ไม่เห็นจะต้องเกร็งเลย ไอ่เซฮุนมันไม่กัดเธอหรอกหน่า" ยองโฮพูดติดตลกโดยไม่ได้ปรึกษาความเห็นจากเพื่อนตัวสูงเลยสักนิด เซฮุนมองหน้าเพื่อนเอือมๆก่อนจะส่งสมุดปกแข็งเล็กเล็กมาให้หญิงสาว

    "ช่วยเขียนเบอร์โทร.ให้ด้วย ฉันจะติดต่อกลับไปเรื่องงานกลุ่ม"

    "งานกลุ่ม?"

    "ลืมไปว่าเธอป่วย เมื่อวานครูจับฉลากให้ทำงานคู่กัน แล้วฉันจับได้ชื่อเธอ เราสองคนเป็นพาร์ทเนอร์กัน เพราะฉะนั้นเอาเบอร์มา"

    "ฉ..ฉันไม่มีโทรศัพท์หรอกนะ"

    "งั้นเบอร์บ้านหล่ะ เอาเบอร์บ้านมา" เขาเลื่อนสมุดเล่มนั้นเข้ามาใกล้ ลู่หานจำใจเขียนลงไปอย่างเลี่ยงไม่ได้

    "ขอให้สนุกกับการเป็นพาร์ทเนอร์ของหนุ่มฮอตปรอทแตกนะลู่หาน ปวดหัววันละนิดจิตแจ่มใส" ซอยองโฮเอ่ยเพียงเท่านั้นก่อนจะโดนลากออกจากห้องไป



    ธันวาคม, 2017

    ฉันไม่คิดว่าเหตุการณ์แบบนั้นจะเกิดขึ้นอีกครั้ง ทุกครั้งที่ฉันเจอเขา เขามักจะเป็นฝ่ายทักก่อน นั้นอาจจะเป็นมารยาทที่ดีของนักธุรกิจ เบอร์โทรศัพท์ของบ้านที่ฉันให้เขาไป เขาไม่เคยติดต่อมา แต่เขามักจะให้คนอื่นโทร.มาแทน แน่นอนว่าเป็นแม่นมของเขาที่ติดต่อมาทุกครั้ง แม่นมของโอเซฮุนเป็นคนใจดีมากคนหนึ่ง ฉันมักจะได้รับขนมจากแม่นมซึ่งคนกลางอย่างเซฮุนก็เลี่ยงไม่ได้ที่จะเป็นคนนำมาให้ฉันอีกที จนบ้างทีเพื่อนบางคนเข้าใจเราของคนผิดไป

    "เอาพันช์หน่อยมั้ย?" จอห์นนี่ส่งแก้วพันช์สีชมพูสวยให้ ฉันจึงรับมาจิบตามมารยาท น่าแปลกที่เขาไม่ไปอยู่กับเพื่อนสนิทที่กำลังโดนลุมล้อมจากฝูงชน

    "เธอพอจะว่างมั้ยช่วงนี้น่ะ"

    "ก็ว่างตลอดแหละ ถ้าไม่มีงาน"

    "เป็นฟรีแลนซ์นี่ก็ดีนะ ได้ใช้เวลากับตัวเองเยอะดี- จริงสิ! เธออยากได้เงินมั้ย ฉันมีงานให้ทำ"
    "งานอะไร"

    "พยาบาลพิเศษน่ะ ก็อย่างที่เห็น สภาพของประธานโอกรุ๊ปคงจะทำอะไรไม่สะดวกถ้าไม่มีคนคอยช่วย"

    "คนรับใช้บ้านเขามีออกจะมาก จ้างพยาบาลตามโรงพยาบาลก็ได้ ทำไมต้องให้ฉันไปทำงานแบบนั้นด้วยหล่ะ"

    "แม่บ้านหรือพยาบาลพวกนั้นน่ะ ไม่รู้หรอกว่าโอเซฮุนไม่ชอบคนที่ทาแป้งพัพหนาๆจนกลิ่นตลบ ฉันว่าเธอเองก็น่าจะรู้นะ"

    "แต่-"

    "ไม่ว่าเธอจะปฏิเสธเท่าไหร่ เขาก็ยังเลือกเธอ ลู่หาน"



    ธันวาคม, 2008

    "ฉันคิดว่าเราควรทำแบบนี้มากกว่า ฉันทำไม่เป็นหรอกนะพวกงานฝีมือน่ะ" โอเซฮุนปฏิเสธ เขาไม่ยินดีเท่าไหร่นักที่จะถักนิตติ้งส่งอาจารย์ประจำวิชางานบ้าน แต่หากเป็นงานประดิษฐ์ยังพอถูๆไถๆไปได้ไม่มากก็น้อย

    ลู่หานมีท่าทีลังเลระหว่างถักนิตติ้งที่ตนถนัดกับหุ่นยนต์อย่างง่ายที่คู่พาร์ทเนอร์เสนอมา แต่ดูท่าทีแล้วการประดิษฐ์หุ่นยนต์เห็นที่จะได้คะแนนมากกว่า เพราะใช้ทั้งความรู้และความคิดสร้างสรรคเป็นองค์ประกอบ

    "ทำหุ่นยนต์ก็ได้ แต่เราจะใช้ประโยชน์จากมันยังไง ฉันเองก็ไม่ถนัดเรื่องพวกนี้เท่าไหร่ด้วย"

    "มันไม่มีประโยชน์ ฉันจะทำเป็นกล่องดนตรี"

    "นายทำเป็นหรอ?"

    "ฉันรู้จักกับพี่คนหนึ่งที่เค้าทำเป็นน่ะ เธอไม่ต้องห่วง"

    "แล้วจะให้ฉันทำอะไรล่ะ"

    "ออกแบบตัวกล่องมา เราจะทำด้วยกัน" เซฮุนตอบ "มีอะไรจะถามอีกมั้ย?"

    "ไม่มีแล้ว"

    "งั้นฉันไปเล่นบอลกับไอ่จอห์นนี่แล้วนะ หวังว่าจะได้เห็นฝีมือการออกแบบของเธอ" เขาเอ่ยเพียงเท่านั้นก่อนจะลากคอเสื้อเพื่อนสนิทออกไป ลู่หานจึงหายใจได้สะดวกเสียที เธอเกร็งเสมอเวลาที่คุยกับหนุ่มป๊อบของรุ่น แม้ว่าโอเซฮุนจะตัวสบายๆกับเธอก็ตาม แต่มันก็อดไม่ได้ที่จะเกร็งเวลาอยู่กับเขาอยู่ดี

    "ไง ลู่หาน"

    "หวัดดี ยูอึน มีอะไรรึเปล่า?"

    "ฉันอยากทำงานคู่กับเซฮุน ถ้าเธอไม่ว่าอะไรช่วยแลกกับฉันหน่อยได้รึเปล่า?" สาวร่างเล็กเอ่ยถาม

    "เอ่อ... ฉันว่าเราควรถามเซฮุนก่อนนะ"

    "ฉันไปขอเขามาแล้ว เขาบอกว่าแล้วแต่เธอ นะลู่หาน แลกกันเถอะนะ" 

    "ก็ได้ แล้วยูอึนคู่กับใครล่ะ?"



    "เดี๋ยวไปนั่งทำงานกันเป็นคู่นะ ตามที่จับฉลาก" อาจารย์ร่างอวบเอ่ยสั่งงาน ห้องทั้งห้องจึงเกิดความวุ่นวายขนาดย่อมขึ้น ลู่หานนั่งมองสถานการณ์แสนวุ่นวายและไม่นานนักแจ็คสันก็เดินมานั่งลงที่โต๊ะข้างๆเธอพร้อมรอยยิ้มเป็นมิตร

    "ดีใจที่ได้คู่กับเธอนะ ยัยบ้ายูอึนเอาแต่แต่งหน้า บ้าผู้ชายจนฉันรำคาญ" เขาพูด ลู่หานเองก็ดีใจไม่น้อยที่ได้คนสัญชาติเดียวกันมาเป็นพาร์ทเนอร์ให้

    ปึก!

    "นี่พาร์ทเนอร์กู มึงไสตูดออกไป หวัง แจ็คสัน" โอเซฮุนในอีกมุมที่ไม่เคยเห็นเผยออกมาให้ทุกคนประจักษ์ แต่แจ็คสันเองก็ยังไม่ลุกง่ายๆ

    "มึงคู่กับยูอึนหนิ เห็นยัยนั่นบอกว่ามึงมาขอให้เปลี่ยนกับลู่หาน"

    "กูพูดตอนไหนไม่ทราบ มึงดูปากกูนะ กู-คู่-กับ-ลู่หาน ส่วนมึงลุกออกไป" เขายังคงพูดในเสียงโทนเดียวตามแบบฉบับ ไม่มีรอยยิ้ม และหน้าบึ้งยิ่งกว่าเก่า

    "อุ๊ย! มีเรื่องอะไรกันหรอ?" คนเจ้าปัญหามาถึงก็แสร้งทำแปลกใจ

    "เธอบอกลู่หานหรอว่าฉันอยากคู่กับเธอ ชเวยูอึน"

    "เปล่า ลู่หานขอแลกกับฉันเองต่างหาก" ยูอึนโกหกคำโต ลู่หานเองก็ตกใจไม่น้อยเมื่อถูกโยนความผิดให้

    "ใครเชื่อเธอก็บ้าแล้วยูอึน หลบไปแจ็คสัน ฉันจะนั่ง" ไม่ว่าเปล่า มือหนายังดึงคอเสื้อของเพื่อนสัญชาติจีนให้ลุกออกมาก่อนจะนั่งลงไปแทน "ฉันคู่กับลู่หาน จบนะ? ส่วนมึงแจ็คสัน ปาร์คโบรัมยังว่างถ้านายอยากจะมีงานส่ง"



    ธันวาคม, 2017

    ไม่กี่วันถัดมา ฉันได้รับข้อความจากซอยองโฮให้ไปดูแลพ่อหนุ่มนักธุรกิจไฟแรงแทนตนที่จะต้องบินไปทำงานที่ยุโรป ฉันสวมกางเกงยีนส์สีเข้มกับสเวเตอร์สีเขียวไข่กาพร้อมกับกระเป๋าผ้าใบย่อม ถึงแม้ว่าจะเป็นฟรีแลนซ์ที่ว่างขนาดไหน ฉันก็ยังต้องเขียนบล็อคลงประจำวันราวกับว่ามันเป็นไดอารี่ ทุกเรื่องราวของฉันตั้งแต่อายุสิบหกถูกถ่ายทอดลงในโลกออนไลน์ในนามของ sunshine-ฉันชอบแสงแดดในฤดูหนาว มาจนถึงอายุขึ้นเลขสองจวนจะเลขสาม

    ห้องหมายเลข 520 ฉันจำได้ขึ้นใจ การที่ต้องไปถามกับแผนกประชาสัมพันธ์ทำให้ฉันต้องรอคำตอบจากพวกเขา หรือเพราะฉันชินกับการทำอะไรด้วยตัวเองกันนะจึงได้มองว่าพวกเขาทำอะไรชักช้าไม่ทันใจ

    ก๊อกๆ

    ฉันเคาะประตูตามมารยาทก่อนจะเปิดเข้าไปพบกับร่างของคนป่วยที่นอนซมอยู่บนเตียง โอเซฮุนดูดีขึ้นจากวันก่อนมากและไม่นานเขาคงได้ออกมาทำงานเป็นปกติ เขากำลังสนใจไอแพดในมือ เมื่อเราทั้งคู่สบตากัน เขาจึงละเจ้าเครื่องสี่เหลี่ยมไว้ที่โต๊ะข้างเตียงและเอ่ยทักทาย

    "ฉันไม่คิดว่าเธอจะมา นึกว่าไอ่จอห์นนี่จะพูดเล่นซะอีก"

    "มาเป็นธุระแทนเขาน่ะ เห็นว่าติดงานที่ยุโรปเกือบเดือน นายเองก็คงดีขึ้นมากแล้วใช่มั้ย?"

    "ยังเดินไม่คล่องเท่าไหร่ ต้องมั่นทำกายภาพน่ะ"

    "คนเก่งๆแบบนายเดี๋ยวก็หาย ...ฉันซื้อส้มกับแอบเปิ้ลมาให้ หวังว่าจะชอบนะ" ฉันยกถุงผลไม้ที่แวะซื้อระหว่างทางขึ้นมาวางบนโต๊ะก่อนจะเริ่มสนใจกับงานในมือแทน

    ความเงียบเกิดขึ้นระหว่างเราทั้งคู่แต่ไม่ได้อึดอัดอย่างที่ฉันคิดไว้ เซฮุนกำลังคร่ำเคร่งกับงานที่เลขาธิการคนปัจจุบันของเขายกมาให้ตามคำสั่งที่ได้รับ โต๊ะเล็กๆที่ใช้สำหรับทานอาหารจึงกลายเป็นโต๊ะทำงานจำเป็นของนักธุรกิจไฟแรง แฟ้มจำนวนมากกองสุมอยู่บนโต๊ะจนเต็มพื้นที่ ฉันจึงลุกไปช่วยหลังจากที่เลขาของเขาออกไปธุระด้านนอก ฉันรวบกองแฟ้มที่เขาเซ็นเสร็จแล้วมาวางกองที่ปลายเตียงเพื่องที่ว่าพื้นที่โต๊ะจะได้ว่างให้เขาจรดปากกาเซ็นได้สะดวกๆ ไม่นานนักแฟ้มเอกสารเหล่านั้นก็ถูกหอบกลับไปพร้อมกับรอยยิ้มของเลขาธิการสาวของเขา

    "ขอบใจที่ช่วยนะ"

    "ไม่เป็นไร"

    "ขออนุญาตนะคะ อาหารกลางวันค่ะ วันนี้บ่ายโมงครึ่งจะพาคนไข้ไปทำกายภาพนะคะ" นางพยาบาลยกถาดอาหารมาเสิร์ฟผู้ป่วยพร้อมกับนัดแนะการทำการภาพบำบัด "ญาติคนไข้ไปทานอาหารกลางวันที่แคนทีนชั้นสองก่อนก็ได้นะคะ เดี๋ยวดิฉันดูแลคนไข้ให้ค่ะ"

    "งั้นรบกวนคุณพยาบาลด้วยนะคะ" ฉันโค้งขอบคุณก่อนจะเดินไปยังแคนทีน ข้าวกับแกงกิมจิร้อนๆคงเป็นอะไรที่ดีที่สุดในตอนนี้ 

    ฉันกลับขึ้นมาที่ห้องพักฟื้นของเซฮุนพร้อมต๊อกบกกีและน้ำผลไม้ปั่น เข้ามาก็เห็นเพียงเขาที่นั่งเปิดทีวีดู ไร้ซึ่งนางพยาบาลใจดีที่อาสามาดูแลแทน กลิ่นหอมของซอสรสเผ็ดคงจะเรียกให้เซฮุนหันมา

    "อยากกินอ่ะ" เขาเอ่ย ฉันจึงยื่นถ้วยบรรจุของคาวส่งให้เขา ความจริงก็ตั้งใจจะซื้อมาให้เขานั่นแหละ อยู่โรงพยาบาลแบบนี้คงได้ทานแต่ของที่เขาไม่ค่อยถูกใจ

    "เอาเก้าอี้มานั่งใกล้ๆกันสิ เธอจะได้กินด้วยไง"

    "ไม่ดีกว่า ฉันซื้อมาให้นาย" ฉันปฏิเสธ โอเซฮุนก็คือโอเซฮุนอยู่วันยันค่ำ เขาเพียงพยักหน้าและสนใจเรื่องข่าวสารในทีวีต่อ "แล้วพยาบาลคนนั้น?"

    "เขาน่ารำคาญ ฉันเลยไล่ออกไป"

    "แต่นั้นคือหน้าที่ที่เขาต้องดูแลนายไม่ใช่หรอ?"

    "เธอไม่รู้อะไรเลยจริงๆ ว่าแต่จะกลับกี่โมงหล่ะ ฉันจะให้คนขับไปส่งที่บ้าน"

    "ฉันคงกลับตอนเย็นๆ แล้วประมาณทุ่มหนึ่งจะมาเฝ้านายต่อ"

    "ช่วยซื้อของโปรดฉันมาให้ด้วยสิ ถ้าเธอไม่ว่าอะไร"




    มกราคม, 2009

    หลังจากปิดปีใหม่ ลู่หานกลับมาจากจีนบ้านเกิดในกรุงปักกิ่งพร้อมของฝากเล็กๆน้อยมาแบ่งปันเพื่อนสนิทอย่างบยอนแบคฮยอนห้องสาม เพื่อนสาวตาขีดดีใจที่ได้ของฝากเป็นกระเป๋าปักลายดอกไม้ดูกระจุ๋มกระจิ๋มน่ารัก สายตาของเธอเหลือบไปเห็นคู่พาร์ทเนอร์และเพื่อนสนิทของเขากำลังนั่งจดจ่อกับสมาร์ทโฟนเครื่องใหม่ ถ้าเดาไม่ผิดคงเป็นของโอเซฮุนเป็นแน่

    ราวกับรู้มากำลังถูกมอง ดวงตาคมมองกลับมาทางเธอพร้อมรอยยิ้มเล็กๆที่ฉายขึ้นบนใบหน้า เพียงเสี้ยวนาทีเท่านั้นที่เธอได้เห็นและไม่ใช่กับทุกคน ต่างคนต่างเบือนหน้าหนี ไม่รู้ว่าทำไมรอยยิ้มของเขาถึงต้องมีผลกับก้อนเนื้อในอกด้านซ้ายของเธอด้วยนะ

    "วันนี้นะ ฉันจะพาลู่หานไปกินชานมไข่มุกหลังเลิกเรียน"

    "จริงหรอ? แบคฮยอนใจดีที่สุด" ลู่หานยิ้มกว้าง

    "เธออุส่าห์ซื้อกระเป๋าใบตั้งแพงมาฝากฉัน แค่ชานมแก้วเดียวยังน้อยไปเลยนะรู้มั้ย?"

    "มันไม่แพงเสียหน่อย"

    "เกือบห้าหมื่นวอนเนี่ยนะไม่แพง!? พระเจ้าช่วย นั้นเงินเก็บฉันทั้งเดือนเลยนะ" แบคฮยอนโวยวาย
    "เทียบกับมิตรภาพที่เธอมอบให้ เราว่ามันยังน้อยไปด้วยซ้ำ"

    "ใจดีเกินไปแล้วนะลู่หาน แล้วนี่-" 

    "สวัสดีปีใหม่พาร์ทเนอร์" ใครบางคนสวนขึ้นขณะที่เพื่อนตัวเล็กยังเอ่ยไปจบประโยค เป็นปาร์คชานยอล เพื่อนห้องสามที่เสน่ห์แรงไม่แพงโอเซฮุน เขาคือคู่ปรับตลอดกาลของแบคฮยอน คนที่ทำให้เพื่อนของเธอหัวร้อนได้ทุกครั้งเพียงแค่สบตา และความซวยครั้งยิ่งใหญ่ก็คือ ปาร์คชานยอลที่ว่าเป็นพาร์ทเนอร์กับบยอนแบคฮยอน ลู่หานยังไม่เห็นทางเลยว่าพวกเขาจะนั่งทำงานด้วยกันได้ถึงนาทีมั้ย

    "เป็นปีใหม่ที่แย่เมื่อเห็นนาย ไอ่หูกาง!"

    "หูเสน่ห์เฟ้ย! แล้วที่มาเนี่ยก็เพราะมีงานต้องทำหรอกนะ"

    "งานอะไรของนาย?"

    "เย็นนี้ไปทำงานบ้านฉัน ของที่เธอให้ซื้ออยู่ที่บ้าน ขี้เกียจเอามา" เขาบอก

    "นี่ แล้วฉันจะกลับบ้านยังไงเจ้างั่งชานยอล!?"

    "ฉันจะไปส่ง"

    "เออๆ ฉันจะไปรอที่หน้าโรงเรียนแล้วกัน" แบคฮยอนตอบปัดๆ ก่อนจะหันมาทางลู่หานและเอ่ยขอโทษ "เราไปกินกันวันอื่นเนอะ ขอโทษนะ"

    "อื้ม งานของเธอต้องมาก่อนอยู่แล้ว เรื่องกินเรารอได้"

    "ขอบใจนะ" สองเพื่อนซี้ยิ้มให้กันก่อนที่แบคฮยอนจะเดินกลับห้องไปพร้อมกับเพื่อนคู่กัด

    ลู่หานเก็บหนังสือลงกระเป๋าเมื่อเสียงกริ่งดังขึ้น และสะพายมันเดินออกไปท่ามกลางความชุลมุนวุ่นวายของห้องเรียนแห่งนี้ การกลับบ้านคนเดียวแบบนี้ทุกวันไม่แย่เท่าไหร่ แม้จะไม่ได้ยินเสียงเจื้อยแจ้วของเพื่อนซี้ก็ตาม หญิงสาวเลือกที่จะเดินไปซื้อชานมไข่มุกที่ร้านค้าข้างๆโรงเรียน ชานมไข่มุกรสเผือกเป็นสิ่งที่เธอชื่นชอบเพราะว่ามันหอมและอร่อย

    "ชานมไข่มุกรสเผือกหนึ่งแก้วค่ะ"

    "ชานมไข่มุกรสช็อคโกแลตหนึ่งแก้วครับ"

    "รับมาสองออเดอร์นะคะ กรุณารอสักครู่" พี่พนักงานยิ้ม ลู่หานหันไปมองก็พบว่าเป็นหนุ่มป๊อปของรุ่นที่ยืนอยู่ข้างตน หลังจากงานคู่พาร์ทเนอร์เรียบร้อยแล้ว เธอเองก็ไม่ค่อยจะได้ไปคุยกับเขาเท่าไหร่และคงเป็นเพราะออร่าความเปล่งประกายของเขาทำให้ธอไม่อยากจะเข้าใกล้จนเกินไป โอเซฮุนเจิดจ้าราวกับพระอาทิตย์จริงๆนั้นแหละ

    "ไม่คิดว่าจะเจอเธอ" เขาว่าพลางมองสำรวจรอบๆร้านก่อนจะหยุดสายตาที่เธอ "อาจารย์บอกว่างานที่เราทำด้วยกันได้เอบวก"

    "จริงหรอ?"

    "ใช่ น่ายินดี แล้วนี่จะกลับบ้านเลยรึเปล่า?"

    "อืม นายมีอะไรรึเปล่า?"

    "จะชวนไปเดินแถวแม่น้ำฮัน ถ้าเธอไม่ว่าอะไร"

    "อ๋อ ฉันต้องไปช่วยแม่เปิดร้าน คงไปไม่ได้ ขอโทษนะ"

    "คิดไว้แล้วว่าเธอจะตอบแบบนี้ งั้น...เดินทางปลอดภัย"

    "ขอบใจ นายเองก็ด้วยนะ"



    31 ธันวาคม 2017

    ท้องฟ้าเปลี่ยนสีเมื่อค่ำคืนกำลังจะมาเยือน ฉันกระชับเสื้อโค้ทตัวใหญ่เดินฝ่าความหนาวเหน็บในช่วงฤดูหนาว หิมะสีขาวเต็มไปทุกหนทุกแห่งเช่นเดียวกับความเย็นที่กระจายอยู่โดยรอบ สองเท้าของฉันย่ำลงบนพื้นถนนที่เต็มไปด้วยความชื้น ฉันแวะไปที่ร้านชานมไข่มุกเจ้าประจำสั่งชานมรสช็อคโกแลตที่เขาชอบก่อนจะมาที่โรงพยาบาล มือของฉันเย็นจนไม่รู้สึก ความรีบร้อนทำให้ฉันลืมสวมถุงมือมา หวังว่าห้องพักของเขาคงจะอุ่นพอที่มือของฉันจะหายเย็นได้นะ

    เมื่อถึงโรงพยาบาล ฉันเคาะประตูก่อนจะเปิดเข้าไป โอเซฮุนนั่งรอบนเตียงพร้อมอาหารมากมายเต็มโต๊ะ ตาของเขาเป็นประกายเมื่อเห็นสิ่งที่ฉันถือมาด้วย ฉันส่งมันให้กับเขาและมือของเราทั้งคู่สัมผัสกัน เขาดึงแก้วออกจากมือของฉันและแทนที่ด้วยฝ่ามืออุ่นๆของเขา

    "เธอควรใส่ถุงมือมา" เขาเอ่ยและขยับที่ให้ฉันนั่งลงข้างๆเขาบนเตียง ฉันลังเลแต่สุดท้ายก็ยอมนั่งเพราะที่ตรงนั้นใกล้กับฮีตเตอร์ที่สุด

    "แล้วนี่ทานอะไรมารึยัง?" ฉันส่ายหน้า

    "อาหารมื้อนี้ไม่เป็นหมันจริงๆด้วย มันอาจจะชื่ดไปหน่อยแต่ก็ดีกว่าข้าวต้มเละๆ"

    "นายซื้อมาหรอ?"

    "ใช่ ฉันขอให้เลขาฯซื้อเข้ามาให้ ไม่ต้องกังวลว่าจะมีอันไหนที่ฉันทานไม่ได้ ฉันให้หมอลิสรายการมาแล้ว" เขาเอ่ยอย่างภูมิใจและเริ่มลงมือกับมื้อเย็น มือใหญ่ๆของเขายังคงกุมมือของฉันอยู่อย่างนั้น แม้จะอุ่นมากขึ้นแล้วก็ตามแต่เขาก็ยังไม่ปล่อย

    "แล้วนี่ยังจำได้อยู่หรอว่าฉันชอบกินรสนี้"

    "ฉันเดาน่ะ" ฉันโกหกออกไปทั้งๆที่ในใจรู้อยู่เต็มอกว่าจำได้

    หลังจากจบมื้อเย็น ฉันอาสานำจานพวกนั้นไปล้างและโดนเซฮุนกำชับมาว่าให้ใส่ถุงมือยางด้วย จานเกือบสิบใบล้างเสร็จเรียบร้อยและคว่ำไว้ในที่คว่ำจานตามเดิม ฉันกลับมานั่งที่โซฟาและเริ่มสนใจกับเครื่องมือสื่อสารในขณะที่เขากำลังจดจ่อกับโทรทัศน์ สิ้นปีแบบนี้คงมีหนังไม่เก่ามากออกมาให้ชมกันฟรีๆผ่านจอแก้ว 
      
    เสียงเคาะประตูดังขึ้นพร้อมกับถาดบรรจุยา พยาบาลวัยกลางคนเดินเข้ามาตรวจสอบถุงน้ำเกลือและอาการต่างๆของคนป่วยก่อนจะให้ทานยา ก่อนจะออกไปเธอบอกสวัสดีปีใหม่แก่เราล่วงหน้าและยิ้มให้อย่างเป็นกันเอง

    ฉันเอาแต่สนใจหนังในจอจนเมื่อหันไปมองที่เตียงก็พบว่าเขาหลับไปแล้ว โอเซฮุนหลับคอพับ ในมือยังถือรีโมทเอาไว้อย่างนั้น ฉันลุกขึ้นไปจับให้เขานอนดีๆและดึงรีโมทไปหรี่เสียงวางไว้ที่โต๊ะหัวเตียง ห่มผ้าห่มให้และลอบมองเสี้ยวหน้ายามหลับใหลของเขา แล้วฉันก็วูบไปในขณะหนึ่งของห้วงเวลา

    เสียงกุกกักทำให้ฉันตื่น คนต้นเสียงอยู่บนเตียงพร้อมกับยิ้มให้กับไอแพดในมือ ฉันไม่รู้ว่าเป็นใครแต่ก็ไม่ได้ใส่ใจอะไร ฉันเดินเลี่ยงไปเข้าห้องน้ำและออกมาในไม่กี่นาทีต่อมา โอเซฮุนมองมาทางฉัน เขากวักมือเรียกให้ฉันเข้าไปหาโดยไม่มีสาเหตุและแบ่งที่ให้ฉันนั่งบนเตียงข้างๆเขา

    "แม่ครับ นี่ไงครับคนที่ผมพูดถึงบ่อยๆ"

    "ส..สวัสดีค่ะคุณนายโอ หนูลู่หานค่ะ" ฉันแทบช็อคเมื่อรู้ว่าเขาคุณอยู่กับแม่ ฉันทำตัวไม่ถูกแม้ว่าจะเป็นเพียงวิดิโอคอลก็ตาม ไม่มีอะไรดีเลย หัวกระเซอะกระเซิง หน้าสด และเสื้อผ้าที่ดูไม่ดี มันทำให้ฉันเก้อเขินอย่างบอกไม่ถูก

    (เรียกคุณนายอะไรกันจ๊ะ เรียกแม่สิลูก เหมือนที่ตาฮุนเรียก นี่ขนาดไม่แต่งหน้ายังสวยเลยนะเนี่ย)

    "โถ่! แม่ครับ พูดออกมาแบบนั้นได้ยังไง"

    (เจ้าลูกคนนี้ อย่าหวงออกนอกหน้าออกตาให้มากได้มั้ย แม่อยากคุยกับหนูลู่หานหน่อย หนูลู่หานจ๊ะ)

    "ค..คะ คุณนา-คุณแม่"

    (หนูมาเฝ้าตาฮุนกี่วันแล้วจ๊ะ?)

    "หนูเพิ่งมาวันแรกค่ะ จอห์นนี่ติดธุระ เขาเลยขอให้หนูมาอยู่เป็นเพื่อนเซฮุนค่ะ"

    (ลำบากหนูแย่เลย ขอบใจมากนะจ้ะ)

    "ไม่เป็นไรหรอกค่ะ"

    (สวัสดีวันปีใหม่นะจ้ะเด็กๆ)

    "สวัสดีปีใหม่ค่ะ/ครับ คุณแม่" คุณนายโอวางสายไปพร้อมกับบางสิ่งที่ฉันยังไม่หายสงสัย คนป๊อปปูลาร์แบบเขาเนี่ยนะจะเล่าเรื่องของเธอให้แม่เขาฟัง มีผู้หญิงสวยๆมากมายที่เขาน่าจะสนใจ แต่ทำไมถึงเป็นฉัน ดาวพลูโตที่ห่างจากดวงอาทิตย์หลายล้านปีแสงที่แทบจะไม่ได้อยู่ในสายตา

    "ดีใจนะที่ได้อยู่กับเธอ" จู่ๆวงแขนกว้างของเขาก็โอบกอดฉัน ใบหน้าคมวางที่บ่าเล็กๆของฉัน ตัวของเขาอุ่น อุ่นจนสามารถหลอมละลายฉันได้ภายในพริบตา ฉันรับรู้ได้ถึงหัวใจของเขาที่เต้นไม่เป็นจังหวะ

    "น..นาย นายไม่ควรทำแบบนี้"

    "เธอนี่..ไม่เคยรู้อะไรเลยจริงๆสินะ"

    "รู้? รู้อะไร?"

    "...ชอบเธอ ฉันชอบเธอ" เขากระซิบ

    เขาเลือกฉันอย่างนั้นหรอ? ตลกเกินไปแล้วสวรรค์!

    "ฉัน..ฉัน ฉันขอออกไปข้างนอกสักพักนะ!" ฉันบอกเขาเสียงดัง เซฮุนยอมปล่อยฉัน ฉันไม่รู้ว่า ณ ตอนนั้นเขาทำหน้าแบบไหน เสียใจ? ผิดหวัง? หรือกำลังยิ้มเยาะ? ฉันคว้าโทรศัพท์เดินออกมาด้านนอก ติดต่อหาเบอร์ล่าสุดที่โทรเข้ามาเมื่อเช้านี้ มันรวดเร็วเกินกว่าที่ฉันจะรับได้ ไม่ใช่ว่าฉันไม่เชื่อใจเขา แต่ขอเพียงคำยืนยันเท่านั้น

    (หวัดดีลู่หาน)

    "จอห์นนี่ เขา..เขาบอกชอบฉัน"

    (หืม? ไอ่ฮุนน่ะหรอ?)

    "ใช่ ฉัน-"

    (เอาหล่ะลู่หาน ฉันจำได้นะว่าฉันเคยบอกเธอไปแล้วว่ายังไง โอเซฮุนไม่เคยขอเบอร์ใครก่อน เขาไม่เคยยิ้มให้ใคร เขาไม่เคยชวนใครไปเที่ยว เขาไม่เคยแอบมองใคร เขาไม่เคยเอาแต่ใจในเรื่องที่ไม่เป็นเรื่องอย่างงานคู่ที่เธอคู่กับเขา และเขาไม่เคยเสียใจที่เธอเลือกที่จะปฏิเสธและออกห่างจากเขา เขาเฝ้าดูเธอมาตลอดสิบปี)

    'ช่วยเขียนเบอร์โทร.ให้ด้วย ฉันจะติดต่อกลับไปเรื่องงานกลุ่ม'
    'กูพูดตอนไหนไม่ทราบ มึงดูปากกูนะ กู-คู่-กับ-ลู่-หาน ส่วนมึงลุกออกไป'
    'จะชวนไปเดินแถวแม่น้ำฮัน ถ้าเธอไม่ว่าอะไร'
    'รองเท้ามันน่ามองกว่าฉันหรือไงกัน ลู่หาน'
    'ไม่ว่าเธอจะปฏิเสธเท่าไหร่ เขาก็ยังเลือกเธอ ลู่หาน'

    "แต่ฉัน..ฉันไม่คู่ควรกับเขา"

    (เธอใช้อะไรมาตัดสินว่าเธอไม่คูควรกับเขา ฐานะ? หน้าตา? หรือชื่อเสียง? ฉันขอบอกไว้ตรงนี้เลยนะว่าหมอนั่นชอบเธอที่เป็นเธอ เขาไม่สนหรอกว่าเธอจะมีฐานะแบบไหน สวยหรือขี้เหร่ จะไม่มีใครรู้จักหรือมี แค่เธอเปิดมองในอีกมุม เขาก็แค่ผู้ชายธรรมดาเดินดินแบบเธอ)

    "ฮึก..."

    (ฉันอยากให้เธอคิดทบทวนดีๆ ถ้าเธอไม่ได้คิดแบบที่เขาคิดก็บอกไปตามที่ใจเธอต้องการ ถึงมันจะเจ็บแต่สักวันความเจ็บปวดพวกนั้นมันก็จะจางหายไปพร้อมกับเวลา ถ้ารักก็บอกว่ารัก ไม่รักก็บอกไม่รัก)

    "ขอบใจนะ ฮึก ขอบใจนายมากจริงๆจอห์นนี่"

    (เพื่อนกันไง หยุดร้องไห้แล้วไปบอกกับเซฮุนเถอะว่าเธอคิดยังไงกับมัน) 

    ยองโฮวางสายไปแต่คำพูดของเขายังวนเวียนอยู่ในหัว ฉันเดินกลับมาที่ห้องในเวลาเที่ยงคืนกว่า โอเซฮุนยังไม่นอน เขาหันมาพร้อมกับใบหน้าเรียบเฉย

    "ลืมที่ฉันพูดไปซะแล้วก็กลับบ้านเธอไปเถอะ ขอบใจสำหรับการดูแลของเธอ"

    "เซ-"

    "บอกให้กลับไปไง! กลับไป! ฉันรู้ว่ายังไงเธอก็ต้องปฏิเสธฉัน ฉันเข้าใจ ฉันเข้าใจ!!!" 

    "..."

    "ฉันมันสูงส่งเกินไป ฉันมันดีเกินไป ฉันเข้าใจ"

    "..."

    "ได้โปรดกลับไป" โอเซฮุนเอ่ยทั้งน้ำตา เขาใช้มือปัดมันทิ้งลวกๆ ใบหน้ายังเรียบเฉยและเสมองไปทางอื่น ฉันจะไม่ปล่อยให้เขาเข้าใจผิด ฉัยเลือกที่จะเดินไปหาเขาและเชยหน้าเขาให้รับจูบจากฉัน ฉันหวังว่าจูบๆนี้จะทำให้เขารู้ว่าฉันเองก็ชอบเขาเหมือนกัน 

    หวังว่าคุณ...จะรู้ได้ถึงหัวใจของฉัน


Views

เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น

Log in