แค่กๆ แค่กๆ
อาการไอที่รักษาไม่เคยหายในฤดูหนาวไม่ได้เป็นปัญหาสำหรับร่างบางที่ตั้งใจพิมพ์งาน มือเรียวกดแป้นพิมพ์อย่างรวดเร็ว ผ้าห่มผืนหนาห้อยตกลงข้างตัว ดวงตากลมใสจดจ่อกับจอคอมพิวเตอร์ ชาที่เคยร้อนกลับเย็นชืดตามสภาพอากาศ หิมะตกโปรยปรายภายนอกหน้าต่าง ละอองขาวปลิวว่อนตามสายลมที่พัดโหม
ลู่หานในวัยยี่สิบห้าปีเป็นบรรณารักษ์ที่ห้องสมุดประชาชน เขาชอบกลิ่นไอของหนังสือและความเงียบสงบ ในช่วงมัธยมเองเขาก็ได้รับหน้าที่ให้เป็นบรรณารักษ์เฝ้าห้องสมุดคู่กับใครคนหนึ่งที่ไม่รู้ว่าตอนนี้ไปอยู่ที่ไหนเสียแล้ว มือบางเอื้อมหยิบผ้าห่มที่หล่นอยู่ข้างตัวขึ้นคลุมกาย เขาป่วยเรื้อรังและเกลียดการไปหาหมอเป็นที่สุด แม้ว่าแม่จะบอกให้ไปโรงพยาบาลอยู่บ่อยๆแต่เขาก็ไม่เคยฟังหรอก
แค่กๆ แค่กๆ
ให้ตายสิ แค่นึกถึงก็ไอจนเจ็บคอไปหมด ลู่หานยกชาเย็นชืดขึ้นจิบ ลำคอของเขาแห้งผากจากอาการป่วย หันมองดูนาฬิกาก็พบว่าดึกมากแล้ว ร่างบางปิดคอม ปิดไฟ ก่อนจะล้มตัวนอนบนเตียง คลุมผ้าหลายชั้นป้องกันตัวเองจากความหนาวเย็น
"นี่ ช่วยเซ็นรับทราบให้ด้วยสิ" มือหนายื่นแผ่นกระดาษบันทึกการยืมหนังสือส่งให้ร่างบางที่กำลังคัดลอกลายชื่อผู้ยืมหนังสือประจำสัปดาห์นี้อยู่ ดวงตากลมใสเหลือบมองก่อนจะรับมาเซ็นอย่างขอไปที
ลู่หานไม่เข้าใจว่าทำไมเขาต้องทำอะไรให้มันยุ่งยากในเมื่อเจ้าตัวเองก็เป็นคนเฝ้าห้องสมุดเช่นเดียวกับเขา ดวงตากลมมองเจ้าของร่างสมส่วนที่ติดจะสูงเกินไปนิดในชุดนักเรียน ผมสีดำเข้มของเขายามที่สะท้อนกับแสงแดดมีประกาย ใบหน้าคมสันรับกับเครื่องหน้าของเขา โอเซฮุนเป็นคนที่มองจากมุมไหนก็ดูดีไปเสียหมดจนเขานึกอิจฉา
เขาและเซฮุนเป็นเพื่อนร่วมชั้นห้องเดียวกัน ไม่ได้สนิทและค่อนข้างที่จะต่างคนต่างอยู่ เจ้าของร่างสูงลากสลิปเปอร์ไปยืนอิงหน้าต่างที่มีผ้าม่านสีขาวคอยกันแสงแดดในยามบ่าย ช่วงเมษายนอากาศร้อนเป็นพิเศษ ลู่หานจึงไม่แปลกใจหากเขาจะไปยืนรับลมที่ริมหน้าต่าง มองๆดูแล้วเซฮุนเหมือนกับพระเอกในมังงะที่เพื่อนของเขาอ่านบ่อยๆ
สายลมพัดเข้ามาทำให้ผ้าม่านปลิวไสว ผ้าผืนนั้นบดบังร่างสูงไปทั้งตัว มีกลีบซากุระที่ลอยตามลมมาตกลงบนพื้นห้อง เมื่อลมสงบลง เขายังคงเป็นอีกฝ่ายยืนอ่านหนังสืออยู่ และดูเหมือนว่ามีใครกำลังมองตน ดวงตาคู่คมจึงละจากตัวอักษรสบกับดวงหน้าหวานที่มองมาที่ตนก่อนจะหลบสายตาไปเสียเอง
ลู่หานตื่นขึ้นมาในเช้าวันใหม่ อาการไข้ยังไม่ได้ลดลงเลย มีแต่จะเพิ่งขึ้นและเพิ่มขึ้นสำหรับคนดื้อด้านแบบเขา ร่างบางสวมเสื้อกันหนาวหนาๆก่อนจะเดินไปทำธุระส่วนตัว แต่เสียงกริ่งที่หน้าบ้านดันดังขึ้นเสียก่อน สองเท้าเล็กจึงเดินไปพบกับผู้มาเยือน
"มีจดหมายจ้า" บุรุษไปรษณีย์จอมตื้อนามว่าคิมจูฮยอนยืนเก๊กหล่ออยู่หน้าบ้านทุกครั้งที่มาส่งจดหมาย เป็นเวลาเกือบหกปีได้ที่เขาคอยเทียวไปเทียวมาแต่ลู่หานก็ไม่ใจอ่อนง่ายๆหรอกนะ มือบางรับจดหมายมาแล้วปิดประตูใส่หน้าแม้จะเสียมารยาทก็ตาม
"นี่ วันนี้ว่างมั้ย? ไปเที่ยวกันนะลู่หาน!" จูฮยอนโหวกเหวก ลู่หานรีบเดินกลับห้องพร้อมจดหมายในมือโดยไม่ได้สนใจ มือเรียวไล่ดูหน้าซองแต่ละฉบับ มีฉบับหนึ่งที่จ่าหน้าซองถึงเขาและไม่ลังเลเลยที่จะเปิด
'สวัสดีค่ะคุณลู่หาน คุณคงเป็นเพื่อนของโอเซฮุนใช่มั้ยคะ ฉันอยากรบกวนคุณหน่อยได้รึเปล่า ช่วยมาพบเขาที่พูซานได้มั้ยคะ หากเป็นการรบกวนมากเกินไปก็ขอโทษด้วยนะคะ
เบจูฮยอน'
ดวงตากลมใสอักษรที่วิ่งวนลูปไปมาให้หัว เขาเกือบจะลืมไปแล้วว่าใครคนนั้นที่ปรากฏชื่อในจดหมายคือคนที่นึกถึงเมื่อคืนก่อน นี่ก็นานมาแล้วที่ไม่ได้เจอกับเขา คนที่เขียนจดหมายมาก็คงเป็นแฟนหรือไม่ก็ภรรยา
ใครกันนะมาเขียนชื่อของเขาทิ้งไว้บนกระดานแถมยังมีชื่อของเจ้าของใบหน้าขรึมติดอยู่ข้างๆ ลู่หานรีบใช้แปรงลบกระดานลบทิ้งทันทีและแก้แค้นด้วยการเขียนชื่อใครสักคนที่ทำเวรในวันถัดไปแทน แต่เขาความจำสั้นเกินกว่าจะคิดออกว่าเป็นใคร เหลียวไปก็เจอใบหน้าขรึมกำลังขมักเขม้นทำการบ้านอยู่
"เซฮุน นายพอจะรู้มั้ยว่าพรุ่งนี้เวรใคร?"
"ปาร์คชานยอล กับ บยอนแบคฮยอน"
"ออ ขอบใจนะ" ชอล์กสีขาวจรดลงบนแผ่นไม้สีเขียวเข้ม ยังไม่ทันเขียนจบประโยค เสียงห้วนๆของอีกฝ่ายก็ดังขึ้น
"วันนี้เราเรียนคณิตศาสตร์เรื่องอะไร"
"อืม.. การแก้สมการ"
"ขอบ-"
ครืด~ กึก
"โอ๊ะ! จีบกันอยู่หรอ? ขอโทษที่มารบกวนนะ" น้ำเสียงล้อเลียนจากเพื่อนร่วมชั้นดังขึ้น ลู่หานก้มหน้างุดแสร้งทำไม่สนใจ โอเซฮุนก็เช่นเดียวกัน เราต่างคนต่างเลิกสนใจซึ่งกันละกัน มือเรียววางแปรงลบกระดานและชอล์กลงก่อนจะหยิบกระเป๋าแล้วเดินจากไป
รถจักรยานแม่บ้านวิ่งบนถนนเงียบสงบ สองข้างทางเป็นต้นไม้สูงใหญ่ให้ความร่มรื่นในฤดูร้อน กลีบสีชมพูโรยเต็มถนน ไร้ซึ่งความวุ่นวายที่จะมากวนใจเขา แค่นี้ลู่หานก็มีความสุข
ปั่นไปเรื่อยๆก็เห็นเงาดำๆของใครบางคนวิ่งตามหลังมา หันกลับไปมองก็พบว่าเป็นโอเซฮุนที่วิ่งอยู่ด้านหลัง ใครๆก็รู้ว่าเขาเป็นนักกีฬาวิ่ง น่าแปลกที่วันนี้เจ้าตัวไม่ปั่นจักรยานมาเหมือนเคย ร่างบางชะลอความเร็วลงจนอีกฝ่ายวิ่งมาทันและหยุดวิ่งเช่นกัน
"ทำอะไรของนาย?"
"ซ้อมวิ่งไง อีกไม่กี่เดือนฉันต้องไปแข่งเป็นตัวแทนโรงเรียน"
"แต่วิ่งลงเขามันใช่เรื่องที่ไหนเล่า เกิดล้มกลิ้งไปจะไม่ได้แข่งไปซะก่อนน่ะสิ" ลู่หานเอ็ดอีกคนอย่างลืมตัว "ขึ้นมาสิ เดี๋ยวไปส่ง" โอเซฮุนมองเขาด้วยสีหน้าเรียบนิ่งอย่างที่ชอบทำ นั้นทำให้เขาอ่านอีกฝ่ายไม่ออกว่ากำลังคิดอะไร แรงยวบจากด้านหลังและชายเสื้อของเขาที่ถูกดึงไว้ทำให้รู้ว่าอีกฝ่ายขึ้นมาแล้ว
รถจักรยานแม่บ้านเคลื่อนออกไป กลุ่มผมสีน้ำตาลอัลมอลปลิวไสวไปตามแรงลม แผ่นหลังเล็กภายใต้เสื้อนักเรียนสีขาว และกลิ่นหอมอ่อนๆของแป้งฝุ่น ลู่หานรู้สึกเกร็งเพราะผู้โดยสารที่นั่งซ้อนท้าย เจ้าของดวงตาสีนิลตัวหนักเป็นบ้า ร่างเล็กได้แต่บ่นอยู่ในใจโดยไม่รู้เลยว่าตัวเองกำลังถูกจับจ้องด้วยสายตาแบบไหน
'ฉันดีใจที่คุณยินดีมาพบกับเขา และต้องขอโทษอีกครั้งที่รบกวน เซฮุนมีเรื่องอยากคุยกับคุณ เจอกันที่หาดควังอัลลีในวันพรุ่งนี้ เวลาบ่ายนะคะ
เบจูฮยอน'
จดหมายจากผู้หญิงคนนั้นตอบกลับมาอีกครั้งหลังจากที่ลู่หานตอบกลับไปว่ายินดีที่จะไปพบ สายตามองออกไปด้านนอก สภาพอากาศยังคงหนาวเย็นและปกคลุมไปด้วยหิมะ อาการไอเรื้อรังของเขาเองก็ยังไม่หายดีแม้จะกินยาแล้วก็ตาม มือบางเก็บจดหมายลงกระเป๋า ขนกองหนังสือที่ถูกยืมแล้วเอามาคืนในตะกร้าไปจัดเรียงตามชั้นและหมวดหมู่
ชีวิตไม่มีอะไรแน่นอน สมัยมัธยมเขามีความคิดแน่วแน่ที่จะเป็นพนักงานออฟฟิตในเมืองใหญ่ แต่สุดท้ายกลับมาลงหลักปักฐานอยู่บ้านเกิดและเป็นบรรณารักษ์มาเกือบสองปีเห็นจะได้แล้ว หนังสือแต่ละเล่มกลับเข้าที่ตามเดิม
"นี่ อี้ชิง พรุ่งนี้ฉันขอลานะ" ลู่หานกระซิบบอกเพื่อนร่วมงาน จางอี้ชิงคิ้วขมวดก่อนจะเอ่ยถาม
"ไปไหน คงไม่ใช่โรงพยาบาลหรอกใช่มั้ย?"
"ฮ่ะๆ ไปเจอเพื่อนเก่าสมัยเรียนมัธยมน่ะ"
"อืมๆ รักษาสุขภาพด้วย วันนี้ยิ่งหนาวๆอยู่ด้วย"
"รับรองได้เลย แค่กๆ" รีบเอามือปิดปากก่อนจะยิ้มออกมา อี้ชิงอยากจะเอ็ดแต่ก็ทำได้เพียงส่ายหน้าเบาๆแล้วยิ้มให้เท่านั้น
"ขอโทษนะคะ ที่นี่มีคนชื่อลู่หานรึเปล่าคะ?" เสียงใสๆของเด็กมัธยมปลายในชุดนักเรียนเอ่ยถาม ลู่หานที่กำลังจะเดินไปจัดหนังสือต่อชะงักฝีเท้าก่อนจะหันกลับมามอง เด็กๆพวกนั้นใส่เครื่องแบบเดียวกับเขาสมัยมัธยม คงจะเป็นรุ่นน้องเสียกระมัง
"พี่เอง มี..อะไรหรอ?"
"พวกเราอยากคุยกับคุณค่ะ" หนึ่งในสามเอ่ยขึ้น ชายหนุ่มวางกองหนังสือไว้ก่อนจะเดินตามกลุ่มเด็กสาวออกไป เขาไม่รู้ว่าพวกเธอมารู้จักเขาได้อย่างไรทั้งๆที่ก็จบไปตั้งนานแล้ว ความอยากรู้ทำให้เขาถามออกไป
"ว่าแต่..พวกเธอรู้จักพี่ได้ยังไงหรอ?"
"จากใบบันทึกการยืมที่ห้องสมุดโรงเรียนค่ะ มีชื่อคุณกับโอเซฮุน ในหนังสือที่ไม่มีใครค่อยจะยืม แถมชื่อก็ไม่ใช่รุ่นเรา เราเลยไปถามอาจารย์ซูยองค่ะ"
"พวกเราเจอหลายเล่มเลยนะคะ ส่วนใหญ่เป็นหนังสือกวี" เด็กสาวอีกคนเสริม
"แล้วทำไมหรอ?" ลู่หานยังไม่เข้าใจ ในตอนนั้นเขาเป็นบรรณารักษ์ประจำอยู่ในเวลาพัก ไม่น่าแปลกตรงไหนที่เขาจะเซ็นรับรอง
"ก็เพราะทุกชื่อของโอเซฮุน คุณเซ็นรับรองเพียงคนเดียวเลยนะคะ เราเลยแปลกใจ" เด็กสาวผมหน้าม้าตอบ "ที่เรามาหาคุณ ก็เพราะอยากรู้ว่า..."
"?"
"เขาแอบชอบคุณหรอคะ?"
"แค่กๆ! แค่กๆ!" คำถามจากเด็กๆทำให้เขาสำลักจนไอออกมา เป็นไปไม่ได้หรอกที่คนอย่างเซฮุนจะชอบเขา แต่หัวใจที่มักทำตรงข้ามกับสมองเต้นตึกตัก เวลามันผ่านไปหลายปีแล้ว ลู่หานไม่ควรใจเต้นแบบนี้
"คุณเป็นอะไรมากรึเปล่าคะ?"
"ไม่เป็นไร พี่กับเซฮุน เราเป็นเพื่อนร่วมชั้นกันเฉยๆน่ะ พวกเธออย่าเข้าใจผิดไปหล่ะ"
งานกีฬาประจำปีมาถึงในขณะที่โอเซฮุนขาหักจากการตกบันได ลู่หานรู้เพียงว่ามีการเปลี่ยนตัวนักกีฬาเป็นคิมจงอิน เขาเองก็พอจะเข้าใจความรู้สึกของการผิดหวัง ตอนนี้เขานั่งอยู่บนอัฒจรรย์ นักเรียนมัธยมปลายตั้งแต่เกรดสิบถึงสิบสองนั่งกันเต็มไปหมด ข้างๆกันเป็นโดคยองซูและถัดไปเป็นคิมจงแด กล้องNikonตัวใหญ่ถูกฉวยมาจากมือเจ้าของอย่างจงแดมาอยู่ที่คยองซู คนตาโตมองผ่านกล้องไปดูนักกีฬาแต่ละคนที่กำลังเตรียมตัวตามลู่ที่ได้รับ
"นี่ ลองส่องดูสิ ปรับซูมตรงนี้ โฟกัสแค่กดปุ่มนี้ค้างไว้" กล้องตัวใหญ่ถูกส่งต่อมาที่ลู่หาน มือเรียวรับมา สายตามองผ่านเลนส์กล้อง เขาเห็นจงอินและนักกีฬาหลายคนยืนยืดเส้นยืดสายและถัดไปอีกเป็นคนที่ไม่ควรจะไปนั่งอยู่ตรงนั้น ร่างสูงในชุดนักกีฬาที่ขาด้านซ้ายมีผ้าก๊อตพันไว้อยู่ เซฮุนยังไม่หายดีและดูเหมือนหมอนั่นจะรั้นที่จะวิ่ง
กรรมการเป่านกหวีดให้นักกีฬาเข้าที่ก่อนจะเป่าอีกครั้งเพื่อปล่อยตัว นักกีฬาแต่ละคนออกตัวแต่สายตาของลู่หานยังจดจ่ออยู่กับเจ้าของใบหน้านิ่ง เขาเห็นโอเซฮุนกัดฟันวิ่งจนแซงนักกีฬาในลู่ที่เจ็ดนับจากด้านนอกเข้ามา ชายคนนั้นผงะที่เห็นร่างสูงวิ่งตัดหน้าในลู่ของตัวเองและพยายามจะวิ่งแซง
พลั่ก!
ร่างสูงล้มลงพร้อมกับลู่หานที่เผลอกดชัตเตอร์ค้างไว้เพราะความตกใจ ดวงตากลมเบิกกว้าง เขาเห็นทุกช็อตที่อีกฝ่ายล้มกลิ้ง ใบหน้าเหยเกจากอาการเจ็บที่ขา และนักกีฬาลู่เดียวกันที่ล้มไม่เป็นท่า
กรรมการและหน่วยปฐมพยาบาลภาคสนามรีบเข้ามาเคลียร์สถานการณ์ โอเซฮุนถูกหามใส่เปลและพาไปโรงพยาบาล ลู่หานลดกล้องลงและยื่นคืนคยองซู ดวงใจเต้นระส่ำ
"เห็นมั้ย?"
"ม..ไม่เห็นจะเห็นอะไรเลย"
"ห้ะ? ก็เปิดแล้วนี่" เพื่อนข้างๆพึมพำ
สามเดือนถัดมาย่างเข้าสู่ฤดูใบไม้ร่วง งานประจำก็ยังคงเป็นการเฝ้าห้องสมุดกับเซฮุนเหมือนอย่างเคย แต่คราวนี้ลู่หานไม่ได้มาคนเดียว ปาร์คซูยองเองก็ขอติดส้อยห้อยตามมาด้วย
เมื่อสองอาทิตย์ก่อนเขาไปเจอซูยองที่จุดจอดรถจักรยาน ใบหน้าเปรอะเปื้อนไปด้วยน้ำตา เขาเห็นใจจึงสละผ้าเช็ดหน้าให้อีกฝ่าย เจ้าตัวรับไปเช็ดใบหน้าแล้วจู่ๆก็เอ่ยออกมาอย่างไม่มีปี่มีขลุ่ย
'ความรักทำให้คนตาบอดนะว่ามั้ย?' พูดเพียงเท่านั้นก่อนจะเดินจากไปโดยไม่ลืมคืนผ้าเช็ดหน้าให้แก่เขา ลู่หานไม่เข้าใจกับนิสัยประหลาดๆนั้น แต่จนแล้วจนรอดทั้งเขาและซูยองก็ลงเอ่ยด้วยการเป็นเพื่อนกัน
ซูยองมักจะเอ่ยถึงโอเซฮุนบ่อยๆและมักจะบอกว่าเขาสนิทกับเจ้าของใบหน้านิ่งซึ่งที่จริงแล้วก็ไม่ได้เป็นอย่างนั้น สถานะยังคงชัดเจนว่าระหว่างเขาและหมอนั่นคือเพื่อนร่วมชั้นที่ไม่ได้สนิทชิดเชื้ออย่างที่ใครพูด
"ลู่ต้องช่วยฉันนะ เข้าใจรึเปล่า?"
"ทำไมไม่บอกเองเล่า!"
"ก็เพราะว่าเขินหน่ะเซ่!" ซูยองกระซิบ ลูกคุณหนูตระกูลปาร์คไม่เคยจีบใครเพราะเป็นคนโดนจีบก่อนเสมอ แต่คราวนี้ไม่รู้ว่าเพราะอะไรซูยอนถึงได้ชอบโอเซฮุนขึ้นมาเสียอย่างนั้น และยังขอให้เขาเป็นศิราณีคอยช่วยอีกต่างหากเพราะเห็นว่าสนิทกัน
มือบางผลักร่างเล็กให้เดินไปบอก ลู่หานตีหน้าบึ้งแต่ก็ยอมเดินไปแม้ทุกก้าวที่ย่างจะรู้สึกกลัวก็เถอะ หันกลับไปก็เจอใบหน้าบูดๆของเพื่อนตัวเอง สุดท้ายก็เดินมาจนถึงล็อกที่ร่างสูงยืนอยู่ เจ้าตัวหันหน้ามาก่อนจะขยับให้เพราะคิดว่าตัวเองกำลังบัง ลู่หานไม่ได้ก้าวเข้าไปแต่อย่างใด
"มีอะไร?" น้ำเสียงห้วนติดไม่พอใจทำให้ร่างบางเริ่มไม่กล้า เขาสูดหายใจเข้าก่อนจะเอ่ยออกมา
"ค..คือ คือว่า นายรู้จักคนที่ชื่อปาร์คซูยองมั้ย?"
"ถ้ารู้จักแล้วจะทำไม"
"เอ่อ.. เขาชอบนายน่ะ ม..มีอะไรก็คุยกันเองนะ" ว่าจบก็รีบเดินออกมาลากคนที่นั่งลุ้นอยู่ที่โต๊ะบรรณารักษ์ สองมือเรียวออกแรงลากให้อีกฝ่ายเดินตามแต่คิมจุนมยอนขื่นตัวสุดแรง
"ทำบ้าอะไรเนี่ย?"
"ไปคุยกับหมอนั้นเองสิ ฉันเกริ่นให้แล้วตามที่ขอ"
"ไม่เอา! ฉันเขิน"
"ไปซะไป๊!" ออกแรงเฮือกสุดท้ายดันอีกคนให้หลุดออกก่อนจะกลับมานั่งรอฟังผลความรักของคุณหนูตระกูลปาร์ค ไม่นานนักคนถูกชอบก็เดินออกมาด้วยใบหน้าเรียบเฉยแล้วออกจากห้องสมุดไปโดยไม่มองหน้า พอเซฮุนเดินหายไปจากกรอบสายตา ลู่หานก็รีบเข้าไปหาซูยองทันที
"ความรักก็เป็นแบบนี้แหละ" ซูยองเอ่ยด้วยน้ำเสียงเซ็งๆ ดวงตาเหม่อลอยเหมือนคนถูกกระชากวิญญาณโดยคนที่ชื่อว่าโอเซฮุน
"39 องศา นอนอยู่บ้านเถอะลูก" คุณนายลู่เอ่ยบอกหลังจากเห็นตัวเลขดิจิตอลที่ปรากฏบนเครื่องวัดไข้ ลู่หานยังพยายามลุกจากที่นอนและไปแต่งตัวเพื่อเดินทางไปพูซาน มือบางกระชับเสื้อกันหนาวและผ้าพันคอ
"ฟังกันบ้างสิ" คุณนายลู่เอ็ด
"ไม่เป็นไรหรอกแม่ ลู่ไม่ได้เป็นไรมากซะหน่อย"
"มีไข้ขนาดนี้ยังจะออกไปอีก คนที่จะไปหามันสำคัญกว่าสุขภาพของลูกเลยหรอ?"
"โถ่... แม่ เพื่อนเก่าไม่ได้เจอกันนานแล้ว"
"ตามใจ ห้ามไปก็ไม่ฟังอยู่ดีพ่อลูกคนนี้" หญิงมีอายุทำหน้าบึ้งก่อนจะเดินออกไป ลู่หานรู้ว่าแม่เป็นห่วงเขา แต่เขาก็แค่อยากไปเจอกับใครคนนั้นอีกสักครั้ง
มือเรียวโบกแท็กซี่ที่ขับผ่านหน้าบ้านเพื่อไปยังสถานีรถไฟไปพูซาน และขึ้นรถเมล์ไปต่อที่หาดควังอัลลีซึ่งเป็นจุดนัดหมาย ลู่หานมาถึงก่อนเวลา คนตัวเล็กจึงเลือกที่จะไปหาร้านคาเฟ่อุ่นๆเพื่อจิบกาแฟและทานมื้อกลางวันไปในตัว
แซนวิชไส้แฮมกับอเมริกาโน่ไม่ได้แย่หรือดีจนต้องยกนิ้ว ลิ้นของเขารับรสได้แย่ในเวลาที่ป่วย เขาจำต้องฝืนกินเข้าไปเพื่อไม่ให้ตัวเองเป็นโรคกระเพาะ เหลือบมองนาฬิกาบนผนังร้านก็พบว่าใกล้บ่ายเต็มที ลู่หานจึงจำใจต้องเดินออกมาเผชิญกับอากาศหนาวเย็นด้านนอก
"ขอโทษนะคะ ใช่คุณลู่หานรึเปล่า?" เสียงหนึ่งดังขึ้นเมื่อเขาก้าวขาออกมาจากร้าน เป็นผู้หญิงหุ่นดีและใบหน้าสวยพริ้มกำลังยิ้มให้เขาอยู่ ร่างบางพยักหน้าเป็นการตอบ
"ดิฉันเบจูฮยอนค่ะ ขอโทษที่รบกวนนะคะ"
"ไม่เป็นไรครับ"
"เชิญทางนี้เลยค่ะ คุณเซฮุนรอพบคุณอยู่" หญิงสาวยิ้มก่อนจะเดินนำไปก่อน มือบางกระชับเสื้อกันหนาวให้แน่นขึ้นก่อนจะก้าวตามอีกฝ่ายไป
ละอองสีขาวเริ่มตกลงมา หญิงสาวที่เดินมากับเขารีบกางร่มที่พกมาในกระเป๋าให้และกางให้เขา น่าแปลกที่วันนี้พูซานมีหิมะตกและน่าแปลกว่าทำไมคุณจูฮยอนต้องดูแลเขาอย่างดีด้วย ทั้งๆที่เธอเป็นคนรักของโอเซฮุน
"คุณเซฮุนคะ คุณลู่หานมาแล้วค่ะ"
"ขอบใจมากจูฮยอน"
"ค่ะ มีอะไรเรียกดิฉันได้เสมอนะคะท่านประธาน" สรรพนามที่เปลี่ยนไปทำให้เขางงเป็นไก่ตาแตก แท้จริงแล้วเบจูฮยอนเป็นเลขาของโอเซฮุน คนทั้งคู่เป็นแค่เจ้านายกับลูก ลู่หานดันคิดไปไกลว่าทั้งคู่เป็นคนรักกันเสียอีก
"มานี่สิ" เสียงทุ้มเอ่ยขึ้นดึงเขาให้กลับมาอยู่ในความเป็นจริง สองเท้าก้าวเดินไปใกล้ๆร่างสูงในเสื้อโค้ทตัวยาวสีน้ำตาลอ่อน พอมายืนใกล้ๆกัน ลู่หานเหมือนอะไรกลมๆที่จะกลิ้งได้อยู่มะรอมมะร่อ
"ไม่เจอกันนานเลยนะ สบายดีมั้ย?"
"ฉันสบายดี เธอหล่ะ?"
"สบายดี" แต่เป็นหวัด ลู่หานต่อท้ายประโยคในใจ "นึกยังไงถึงได้อยากเจอฉัน"
"ก็ไม่มีอะไรหรอก แค่อยากเจอเป็นครั้งสุดท้าย"
"ห..หมายความว่ายังไง? ทำไมถึงเป็นครั้งสุดท้าย?"
"ฉันจะย้ายไปอยู่ที่สวิตเซอร์แลนด์ถาวร คงไม่ได้มาที่นี่บ่อยนัก"
"แล้วเพื่อนคนอื่น นายบอกพวกเขารึเปล่า?"
"ไม่ แค่เธอคนเดียว"
"อ่า.. แค่กๆ แค่กๆ" ลู่หานรีบเอามือบิดปาก ดวงตาเริ่มพร่ามัว หัวหนักอึ้ง อาการป่วยเริ่มเพิ่มมากขึ้น สองขาล้าจนแทบจะยืนไม่ไหวจนเซฮุนต้องช่วยมาประคอง
"ไหนบอกว่าสบายดีไง แล้วทำไมตัวร้อนแบบนี้" ฝ่ามืออุ่นๆทาบลงบนหน้าผากเนียน สีหน้าของเขามีแต่ความเป็นห่วงที่ถูกส่งออกมา
"ฉันสบายดี" ลู่หานยังเป็นคนดื้อด้านอยู่วันยันค่ำ พยายามฝืนตัวเองจากวงแขนแกร่งแล้วยิ้มเพื่อให้อีกฝ่ายคลายความกังวล แต่แล้วก็ฝืนต่อไปไม่ไหว
"ลู่หาน!"
เพดานสีขาวสะอาดตาและกลิ่นยาชวนฉุนจมูกคือความรู้สึกแรกที่ลู่หานได้รับ มองไปรอบๆก็เจอแม่ของเขากำลังหลับอยู่ที่โซฟาตัวยาว มือเรียวพยายามดันตัวเองให้ลุกขึ้นนั่ง เขารู้แค่เพียงว่าก่อนที่จะวูบไป เขากำลังคุยกับเซฮุนที่หาดควังอัลลี แต่ตอนนี้เขากลับมาอยู่ที่โรงพยาบาลใกล้บ้าน
เสียงกึกกักหน้าประตูดังขึ้นก่อนจะพบว่าเป็นกลุ่มเด็กสาวรุ่นน้องที่โรงเรียนมัธยมเดินเข้ามาพร้อมกันกับแม่ที่สะดุ้งตื่น
"ฟื้นแล้วหรอลูก บอกแล้วไงว่าให้นอนพักผ่อนอยู่บ้านน่ะ แล้วพวกเธอเป็นใครกันจ๊ะ?"
"พวกเราเป็นรุ่นน้องที่โรงเรียนเดียวกับคุณลู่หานค่ะ จะเป็นอะไรมั้ยคะถ้าเราขอคุยกับลูกชายของคุณป้า"
"ตามสบายเลยจ้ะ เดี๋ยวแม่ไปบอกหมอก่อนนะลูก" คุณนายลู่เอ่ยพร้อมกับลูบกลุ่มผมนิ่มของลูกชายก่อนจะเดินออกไป กลุ่มเด็กสาวจึงเดินล้อมเตียงของเขาไว้
"พวกเธอมีอะไรกันหรอ?"
"พวกเรามีบางสิ่งอยากให้คุณดูค่ะ เมื่อสองวันก่อนไปหาคุณที่ห้องสมุด แต่คุณไม่อยู่"
"มารู้อีกทีคุณก็เข้าโรงพยาบาลแล้ว พวกเราเลยมาเยี่ยมค่ะ"
"ขอบใจนะ แล้วเอาอะไรมาให้ดูหล่ะ"
"นี่ค่ะ" พวกเด็กสาวยิ้มอย่างเขินอายก่อนจะยื่นหนังสือเล่นหนึ่งมาให้เขา หนังสือปกสีดำๆม่วงๆ เนื้อกระดาษเริ่มเป็นสีหม่น Sputnik Sweetheart หรือ รักเร้นในโลกคู่ขนานที่ปรากฏบนหน้าปก เขาจำได้ว่ามันเป็นหนังสือเล่มสุดท้ายที่เซฮุนอ่านก่อนจะย้ายโรงเรียนออกไป มือบางเปิดออกดูแต่มือเล็กของเด็กสาวกลับเปิดมันจากปกหลัง เผยให้เห็นซองใส่บัตรบันทึกการยืม และชื่อของเขากับเซฮุนเพียงเท่านั้น แต่ไม่เห็นมีอะไรแปลกไป ลู่หานจึงมองเด็กสาวด้วยความสงสัย
"อยู่หลังบัตรค่ะ" พวกเธอเอ่ย ลู่หานจึงดึงบัตรบันทึกการยืมออกมาแล้วพลิกดูด้านหลัง
'네가 좋아. 루한' (ฉันชอบนาย ลู่หาน)
"เขาต้องเป็นคนขรึมๆแน่เลยใช่มั้ยคะ เขาถึงเขียนมันในนี้" เด็กสาวคนหนึ่งเอ่ย
"พวกเราขอโทษนะคะที่อ่านมันเป็นคนแรก ทั้งๆที่คุณน่าจะได้เห็นมันก่อนแท้ๆ"
"ฉันสิต้องขอบใจ ขอบใจพวกเธอมากๆนะ" ดวงตากลมใสเอ่อคลอไปด้วยน้ำสีใส ลู่หานไม่เคยรู้จนมาถึงตอนนี้ ถ้าเขาไม่เจอกับเด็กสาวกลุ่มนี้ เขาคงไม่มีวันรู้
"หนังสือเล่มนี้ อาจารย์ซูยองบอกให้คุณเก็บเอาไว้"
"พวกเรากลับก่อนนะคะ จะแวะไปหาบ่อยๆ" ลู่หานพยักหน้าพร้อมรอยยิ้ม วันนั้นคงเป็นวันสุดท้ายที่เขาได้เจอเซฮุน ที่เหลือคงเป็นความทรงจำที่ดี
ไม่นานคุณหมอก็ปล่อยให้ลู่หานกลับบ้านพร้อมกับสุขภาพที่ดีขึ้น คุณนายลู่ถึงกับลงทุนนั่งแท็กซี่มารับทั้งๆที่เขาเองก็สามารถกลับเองได้ เมื่อใกล้ถึงบ้านก็พบกับบุรุษไปรณีย์จอมตื๊อที่กำลังยัดจดหมายใส่กล่อง ลู่หานจึงรีบลงจากรถเมื่อรถจอดสนิท
"ลู่หาน หายหน้าหายตาไม่เจอกันหลายวันเลยนะ" ยุนโฮเอ่ยทัก แต่เขาไม่ได้สนใจ มือบางเปิดเอาจดหมายออกมาไล่หาซองที่จ่าหน้าถึงตัวเอง
"มีจดหมายถึงฉันรึเปล่า?"
"ฉันว่าฉันเอามาหมดแล้วนะ เดี๋ยวขอหาก่อน" ชายหนุ่มเอ่ยก่อนจะควานหาจดหมายที่คิดว่าตัวเองเอามาส่งจนครบแล้ว และมันก็หลงอยู่ในกระเป๋าอีกฉบับจริงๆ ยุนโฮส่งจดหมายซองสีครีมให้แก่ลู่หานและเกาท้ายทอยแก้เขินในความผิดพลาด
"ขอบใจนะ" ว่าเพียงเท่านั้นก่อนจะเดินเข้าบ้านไป ทิ้งบุรุษไปรษณีย์ตัวสูงยืนเอ๋ออยู่แบบนั้น สองเท้าก้าวเข้าห้องพร้อมลงกลอนประตู มือเรียวเปิดจดหมายทีละบรรทัดอย่างตั้งใจ
'กว่าเธอจะได้รับจดหมายฉบับนี้ ฉันคงถึงสวิตเซอร์แลนด์แล้ว ขอบคุณที่มาหา ความจริงแล้วฉันมีบางอย่างจะบอกเธอ ขอบคุณนะที่เข้ามาเป็นความทรงจำที่ดีให้กับฉัน เธอเป็นรักแรกที่ฉันไม่รู้ว่ามันเกิดขึ้นตั้งแต่เมื่อไหร่ แต่แม้ว่ามันจะผ่านมานานแล้วแต่ฉันยังจำได้ขึ้นใจ ฉันเดาว่าเธอคงยังไม่เห็นข้อความในหนังสือเล่มนั้น แต่ก็ไม่ต้องกลับไปหามันหรอกนะ ปล่อยไว้ให้เป็นความทรงจำดีๆของฉันก็พอ ยังไงก็รักษาสุขภาพด้วย
โอเซฮุน'
โอเซฮุนเอง ก็จะเป็นความทรงจำที่ดีของเขาเหมือนกัน'
เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น
Log in