เราใช้คุ๊กกี้บนเว็บไซต์ของเรา กรุณาอ่านและยอมรับ นโยบายความเป็นส่วนตัว เพื่อใช้บริการเว็บไซต์ ไม่ยอมรับ
INCLUDE | HUNHANhuan_97
01 SKY
  • ผมเป็นแค่มนุษย์เงินเดือนของบริษัทแห่งหนึ่งในโซล เงินเดือนก็แค่พอใช้ตลอดเดือนๆหนึ่ง เหลือก็เก็บไปฝาก

    ผมไม่ได้เก่ง เรียกว่าไม่มีอะไรดีเลยสักอย่างจะดีกว่า นอกจากงานอดิเรกแสนธรรมดาอย่างการวาดรูปแล้ว ผมก็...ไม่คิดว่ามีอะไรดี

    เรียนจบมาก็มาสมัครงานที่นี่และทำงานมาได้สามเดือน ผมเริ่มเบื่อสภาพชีวิตตอนนี้แล้วสิ ผู้คนรอบข้างมีแต่พวกสวมหน้ากาก ขี้ประจบ จอมนินทา บ้างาน วนลูปอยู่แค่นี้

    ชีวิตผมตอนนี้เหมือนกระดาษสีเทาเรียบๆ ไร้สีสัน มีแต่ความหม่นหมอง ไร้ชีวิตชีวาเป็นที่สุด

    "โอเซฮุน ผู้จัดการเรียก"

    พนักงานหญิงคนหนึ่งเรียกผม ไม่พ้นที่จะต้องโดนไปตักเตือนเรื่องความสะเพร่าในการทำงานของผม สามเดือนมานี้ ครั้งนี่เป็นรอบที่ยี่สิบที่ต้องไปนั่งปั้นหน้านิ่งต่อหน้าเจ้านาย และฟังเสียงบ่นของผู้มีประสบการณ์การทำงานอย่างเบื่อหน่าย

    เป็นไปอย่างที่คิด เขาพูดตักเตือนผม เขาบอกจะไล่ผมออกถ้ามีอีกครั้ง หึ! ผมเห็นเขาพูดแบบนี้มาหลายรอบแล้วแต่ไม่เคยไล่ผมออกเสียที ก็แค่คำขู่ไร้ความเกรงขาม

    ผมหอบเอกสารกองโตกลับมาที่โต๊ะของตัวเองอีกครั้ง โต๊ะแสนรกที่มีแต่งานทับถม ไม่ใช่ว่าผมขี้เกียจหรืออะไรหรอกนะ งานที่ผู้จัดการให้กลับมาแก้ต่างหากล่ะ

    เป็นเวลาทุ่มครึ่งกว่าผมจะได้ย่างกรายออกจากบริษัทแห่งนี้ คนวัยทำงานต่างตั้งวงสังสรรค์ในเย็นวันศุกร์นั้นเป็นเรื่องปกติ ร้านปิ้งย่างและร้ายข้างทางก็ดูจะกำไรดีกันถ้วนหน้าในวันสุดท้ายของการทำงาน ผมอิจฉาพวกเขาจัง

    การฝากท้องกับรามยอนเป็นเรื่องปกติสุดๆของผม ผมกินมันซ้ำอยู่แบบนี้นานหลายอาทิตย์ รสชาติเดิมๆ ยี่ห้อเดิมๆ ผมทนกับมันได้ไงกัน อย่างน้อยก็น่าเบื่อน้อยกว่าที่ทำงานของผมแล้วกัน

    ติ้งหน่อง~

    ออดประตูห้องผมดังขึ้นพ่วงด้วยผู้มาเยือน คุณยายวัยเจ็ดสิบข้างห้องกับแอบเปิ้ลแดงสองสามลูก ท่านทำแบบนี้เสมอตั้งแต่ผมย้ายมาอยู่ที่นี่ใหม่ๆ

    "ยายเอามาให้น่ะ ช่วงนี้ดูซูบๆไปนะพ่อหนุ่ม"

    เธอยิ้มด้วยความจริงใจและยื่มผลไม้มา ผมรับมันและยิ้มกลับไป

    "ช่วงนี้ยุ่งๆครับ งานไม่ลงตัว"

    "ดูแลสุขภาพด้วยนะพ่อหนุ่ม ยายไปล่ะ"

    เธอตบแขนผมเบาๆเชิงให้กำลังใจก่อนจะกลับห้องไป ผมคิดว่าคุณยายคนนี้จะต้องเป็นนางฟ้าแม่ทูนหัวของผมเป็นแน่

    ท้องฟ้ายามค่ำคืนดูมืดไป ไร้แสงจากดวงดาว ผมเห็นแค่พระจันทร์ครึ่งเสี้ยวที่ลอยเด่นบนนั้น หรือเพราะว่าแสงไปจากตึกรามบ้านช่องมันสว่างจนบังแสงดวงดาวไปหมด

    การมายืนมองท้องฟ้าตอนนี้ทำให้ผมคิดถึงใครบางคนที่จากไปแสนนานขึ้นมา ผมเคยขอพรกับดาวตกให้เขากลับมา แต่ดูเหมือนว่าดาวตกดวงนั้นกลับพาเขาหายไปเลยจากชีวิตผม ช่วงแรกๆผมพยายามหาทางติดต่อกับเขาทุกวิธี แต่ที่ผมทำมันไร้ประโยชน์ที่สุดมีแต่ผมที่เหนื่อยอยู่ฝ่ายเดียว

    ฉันอยู่ข้างนายเสมอนะ สู้ๆ

    เหมือนเสียงกระซิบข้างหู ผมหันไปทั้งๆที่รู้ว่ามันว่างเปล่า คนๆนั้นไม่อยู่ตรงนี้เป็นแน่ ตอนนี้ก็สี่ทุ่มกว่าแล้ว ผมคิดว่าผมไปนอนดีกว่า





    ผมตื่นขึ้นมาในเช้าวันเสาร์ เสียงเม็ดฝนกระทบกับหลังคาบ้านตรงข้ามทำให้ผมรู้ว่าฝนตก ผมแง้มผ้าม่านมองสภาพอากาศด้านนอก

    คุณพระช่วย!

    นอกหน้าต่างเป็นท้องฟ้าทั้งหมด ไม่มีฝนแม้แต่หยดเดียว ผมตบหน้าตัวเองแรงๆหนึ่งที แต่ก็พบว่ามันคือความจริง สายลมพัดเอื่อยๆด้านนอกนั่นทำผมสดชื่นจริงๆ แต่เพราะความสงสัยของผมมันยังไม่หมดแค่นั้น ผมลองเปิดประตูออกมาข้างนอก มีเพียงปุยเมฆจับตัวกันเป็นก้อนๆ ผมลองยื่นขาไปเหยียบเมฆก้อนที่ใกล้ที่สุด อย่างที่คิด เมฆมันคือไอน้ำที่ลอยจับกลุ่มกันแค่นั้น แน่นอนว่าเท้าข้างหนึ่งที่ผมเหยียบลงไปมันไร้การรองรับ ผมจึงกลับเข้าห้องไปตามเดิม

    ติ้งหน่อง~

    ยังไม่ทันที่ผมจะหย่อนก้นลงนั่งบนเก้าอี้ เสียงอออดประตูก็ดังขึ้นอีกครั้ง ผมเดินกลับไปที่ประตูและเปิดต้อนรับผู้มาเยือน

    “จำฉันได้มั้ย?”

    "ซูจองนูน่า นั้นนูน่าใช่มั้ย" ผมขยี้ตาให้แน่ใจ ผู้หญิงผมยาวสีวอลนัทยืนส่งยิ้มให้ผม สุดท้ายก็ได้พบกันเสียที

    "นูน่าหายไปไหนมาครับ ผมติดต่อเพื่อนนูน่าไม่เห็นมีใครบอกอะไรผมเลย"

    "ขอโทษนะที่ทำให้เธอลำบาก อย่าตามหาฉันอีกเลย มันจะทำให้เธอเสียเวลาเปล่าๆ" ซูจองนูน่าบอก เธอหมดรักผมแล้วงั้นหรอ ทำไมกัน

    "ฉันรักเธอเสมอนะเซฮุน แต่ฉันไม่ใช่คนที่เธอจะอยู่ไปด้วยตลอดชีวิตที่เหลือของเธอ ตัดใจจากฉันซะ คนๆนั้นยังรอที่จะเจอเธออยู่นะ" ราวกับอ่านความคิดของผมได้ ประโยคที่เธอพูดออกมาแฝงความหมายลึกๆข้างใน ผมไม่รู้และไม่อยากจะรับรู้อะไรทั้งนั้น

    "คนๆนั้นรักเธอมากกว่าฉันอีกนะเซฮุนน่า"

    นั้นเป็นประโยคสุดท้ายที่ผมได้ยินก่อนจะดับวูบไป





    โรงพยาบาล, 13.00 น.

    ผมสะลึมสะลือตื่นขึ้นมา กลิ่นยาคละคลุ้งทำเอาผมฉุน ผมมองไปรอบๆก็จะพบว่าตัวเองกำลังนอนให้น้ำเกลือในโรงพยาบาล ผมต้องใช้เครื่องช่วยหายใจในการต่อลมหายใจของผม เสื้อผ้าที่ใส่ก็ชุดคนไข้ของโรงพยาบาล...จิตเวช

    เสียงประตูห้องดังขึ้นทำให้ผมแกล้งหลับ การลงน้ำหนักเท้าดังใกล้เข้ามาเรื่อยๆ ยิ่งทำให้ผมใจเต้นแรง

    "อาการปกติดีทุกอย่าง แต่สงสัยยานอนหลับอาจแรงไป คุณพยาบาลกลับไปทำงานต่อเถอะครับ ผมขออยู่ดูอาการคนไข้สักพัก"

    น้ำเสียงแสนอบอุ่นที่ผมได้ยินคงจะหน้าตาดีใช่ย่อย แต่อยู่ๆ มือนุ่มๆของหมอคนนั้นก็ลูบผมของผมเบาๆ และไม่นานนัก มือนุ่มนั้นก็ผละออก ก่อนจะได้ยินเสียงฝีเท้าเดินออกไป

    ผมลืมตาขึ้นมาอีกครั้ง ที่นี่เงียบสงบ สงบมากเหมือนผมกำลังอยู่ตัวคนเดียว แต่ก็ดูสงบได้ไม่นาน เสียงครึกโครมด้านนอกก็ดังขึ้น

    ผมถอดเครื่องช่วยหายใจที่ไร้ประโยชน์สำหรับผมออก บรรยากาศด้านนอกก็คงน่าเดินเล่น ผมพยุงตัวลุกจากการนอนแสนน่าเบื่อออกไปที่ระเบียงเพื่อรับแดดยามบ่าย ไม่พ้นที่จะต้องลากสายน้ำเกลือมาด้วย

    แต่ยังไม่ทันที่จะได้ก้าวเดิน เสียงประตูก็ดังขึ้นอีกครั้ง ชายหนุ่มที่ตัวเล็กกว่าผมเล็กน้อยในชุดกาวน์รีบเข้ามาประคองผมทันที

    “ร่างกายคุณยังไม่แข็งแรงพอที่จะลุกเดินเหินได้ขนาดนั้นนะคุณโอเซฮุน ผมไม่อยากจะเย็บแผลที่หัวคุณเป็นรอบที่สองหรอกนะ” คุณหมอคนนั้นพูดออกจะไปทางดุเสียมากกว่า พยุงผมกลับไปนอนที่เตียงตามเดิมอีกต่างหาก

    ใบหน้าที่ออกไปทางสวยตีหน้าดุใส่ผม ผมเหลือบมองป้ายชื่อที่ติดอยู่อกข้างซ้ายแต่ก็พบว่ามันเป็นภาษาจีนที่ผมอ่านไม่ออก

    ‘鹿晗’

    “ผมลู่หาน ผมเป็นหมอเจ้าของไข้ของคุณ มีอะไรก็ปรึกษาผมได้ ผมจะมาตรวจคุณตอนเจ็ดโมงเช้า บ่ายโมง และสองทุ่มของทุกวัน ถ้าอยากไปเดินเล่นด้านนอก คุณควรให้ร่างกายฟื้นสภาพให้ดีกว่านี้ก่อน”

    หมอลู่หานร่ายยาวใส่ผม ปากเล็กๆขยับหมุบหมิบ ตามองสิ่งที่ตนกำลังทำอย่างตั้งใจก่อนที่จะกลับมามองผมเป็นระยะ

    “เข้าใจที่ผมพูดใช่มั้ย?”

    ผมพยักหน้าเออออไปด้วยแม้จะฟังไม่ทันก็ตามเถอะนะ หน้าดุเมื่อครู่ก่อนกลายเป็นรอยยิ้มส่งให้ผมแทน หมอลู่หานทำเหมือนผมเป็นเด็ก มือเล็กๆยื่นอมยิ้มให้และเดินหายออกไปเลยทันที






    คนไข้รายล่าสุดของผมเป็นโรคประสาทซึมเศร้าพ่วงด้วยโรคจิตเภทชนิดธรรมดาและอาการอื่นๆที่ผมไม่สามารถวินิจฉัยเขาได้ เขาไม่รู้ตัวด้วยซ้ำว่ากำลังเป็น คนรอบข้างเขาทั้งที่ทำงาน เพื่อนข้างห้องที่ผมลองไปถามมา ส่วนใหญ่พูดทำนองเดียวกันว่าโอเซฮุนชอบมองท้องฟ้าและเหม่อลอยเสมอ

    เหตุการณ์สุดระทึกก็คงไม่พ้นที่เขาพลัดตกลงมาจากตึก คนไข้ของผมโชคดีมากที่สมองไม่ได้รับความกระทบกระเทือน แค่ศีรษะแตกเท่านั้น ผู้ที่เห็นเหตุการณ์เล่าว่าเขายื่นขาออกมาจากหน้าต่างและคงจะลื่นเลยพลัดตกลงมาและดีที่เขาตกลงมาจากชั้นสองและมีพื้นหญ้าลดแรงกระแทก

    นาฬิกาข้อมือบอกเวลาว่าผมควรจะไปตรวจคนไข้ได้แล้ว เวลาสองทุ่มที่ควรเงียบแต่มันกลับตรงกันข้าม เสียงโหวกเหวกโวยวายจากผู้ป่วยบ้างห้องยังดังเป็นระยะ ผมชินกับมันไปแล้วล่ะ

    แสงไฟในห้อง094ยังสว่างอยู่ ผมเดินเข้าไปพร้อมกับกาแฟหนึ่งถ้วย คนไข้ของผมยังนั่งมองออกไปนอกหน้าต่าง มองท้องฟ้ายามค่ำคืนอย่างใจจดใจจ่อ

    “ผมมาตรวจคุณครับ คุณเซฮุน แผลของคุณ หายปวดหรือยัง”

    ผมเปิดฉากสนทนา ถ้ารออีกฝ่ายทักขึ้นก่อนผมคงไม่ได้กลับไปพักแน่

    “ครับ ผมไม่ปวดแล้ว หมอมาดูท้องฟ้าด้วยกันสิครับ” คนไข้ของผมเอ่ยชวนซึ่งผมเองก็คงขัดไม่ได้ ผมไปยืนอยู่ปลายเตียงพร้อมจิบกาแฟในมือไปพลางๆ

    "ท้องฟ้าสวยนะครับ ผมอยากไปอยู่บนนั้นกับคนที่ผมรัก เขารอผมอยู่" คนไข้เซฮุนยิ้ม ดวงตาของเขาสุกใสทุกครั้งเมื่อมองท้องฟ้า อาจเป็นเพราะว่าสิ่งที่เขารักอยู่บนนั้น

    ผมอยากจะขอผู้อำนวยการพาเขาไปรักษาที่เชจูเป็นการส่วนตัว ไม่รู้สิ ผมแค่รู้สึกถูกชะตากับเขาและเป็นเอามากเสียด้วยนะสิ และผมมั่นใจว่าเขาจะต้องหายจากการอาการทั้งหมดนั้น

    "ผมว่าคุณควรพักได้แล้วนะครับคุณเซฮุน ผมนั่งเฝ้าคุณมาเป็นชั่วโมงแล้ว"

    "ผมยังอยากมองมันอยู่"

    "ผมสัญญาว่าพรุ่งนี้เช้าจะพาคุณไปเดินเล่นข้างนอก ถ้าคุณนอน แต่ถ้าคุณยังอยากจะมองอยู่ก็ตามใจนะครับแต่ถ้าคุณยังอยากจะมองอยู่ก็ตามใจนะครับ"

    เขามีสีหน้าครุ่นคิดเล็กน้อยแต่ก็ยอมนอน ผมห่มผ้าให้เขา โดยที่เขามองผมตาแป๋ว อยากจะให้ผมทำอะไรอีกล่ะ

    "มองผมทำไมครับ มีอะไรติดหน้าผมหรือ"

    "ปะ..เปล่าครับ"

    เขารีบปฏิเสธเป็นพันวัล ผมอมยิ้มน้อยๆกับความเงอะงะของเขา ผมวางมือลงบนหน้าผากคนไข้เพื่อวัดความร้อนของร่างกายของร่างกาย ดีที่เขาไม่เป็นไข้ ขอบคุณพระเจ้า

    "ราตรีสวัสดิ์ครับหมอลู่"

    "ราตรีสวัสดิ์คนไข้โอ"

  • วันนี้ผมตื่นเช้ากว่าปกติ ผมตื่นขึ้นมาตอนหกโมงกว่าและมองดูที่ประตูบ่อยๆเพราะรอหมอลู่หานมาตรวจและพาผมออกไปด้านนอก มองท้องฟ้าสีฟ้ากับเมฆสีขาว

    เสียงเปิดประตูทำให้ผมละความสนใจจากท้องฟ้ามามองที่ประตูแทน แต่ไม่ใช่คนที่ผมคาดหวัง พยาบาลเข้ามาเช็ดตัวและพาผมไปทำธุระส่วนตัวเพียงเท่านั้น และเธอก็ออกไป

    ไม่นานเสียงประตูก็ดังขึ้นอีกแต่เป็นพยาบาลคนละคนเดินเข้ามาพร้อมรอยยิ้ม แต่ไม่เพียงเท่านั้น เธอเข็นวิวแชร์มาด้วย

    "อรุณสวัสดิ์ค่ะ คุณโอ หมอลู่หานให้ดิฉันพาคุณไปเดินเล่นข้างนอกค่ะ เดี๋ยวสายๆเขาจะเข้ามาตรวจนะคะ"

    พยาบาลคนนั้นเดินมาเอาสายน้ำเกลือและพยุงผมไปนั่งบนวิวแชร์ อาการตื่นเต้นดีใจหายวับไปในทันที ผมไม่อยากออกไปแล้วถ้าหมอลู่หานไม่เป็นคนพาออกไป

    สุดท้ายแล้วผมก็ได้มานั่งชมนกชมไม้อยู่ในสวนของโรงพยาบาล มีผู้ป่วยอีกหลายรายก็มารวมกันอยู่ที่นี่

    คนตัวเล็กหางตาตกคนนั้นกำลังอาละวาดใส่บุรุษพยาบาลหูกางที่ยืนอยู่ด้วยกัน

    ชายผิวออกไปทางคล้ำนั่งเล่นหุ่นยนต์อยู่กับคนที่ถุงใต้ตายเยอะอย่างเอาเป็นเอาตาย

    ผู้ชายผมทองหน้าตาลูกครึ่งกำลังจูบกับหมอ

    ให้ตายสิ! ผมดูปกติที่สุดในบรรดาพวกเขาแล้วล่ะ

    ผมใช้เวลาในการนั่งมองท้องฟ้าเป็นชั่วโมง พยาบาลคนที่พาผมออกมาข้างนอกหายไปไหนแล้ว ผมก็ไม่ทราบ แต่อยู่ๆก็มีคนมาเข็นรถของผม

    "สวัสดีเพื่อนใหม่ ฉันชื่อเฉินนะ มาเล่นกับฉันดีกว่า น่าสนุกกว่าที่นายนั่งมองท้องฟ้าแบบนั้นแน่นอน"

    รถเข็นของผมถูกเข็นเข้าไปในมุมอับสายตาโดยคนที่ชื่อเฉิน เขาจับผมมัดมือติดกับที่วางแขน เท้าของผมก็ด้วย และใช้เข็มฉีดยาแกะใหม่ที่ผมคาดว่าเขาไปขโมยมันมาจากพยาบาล จิ้มลงบนแขนผมโดยไร้การทาแอลกอฮอล์

    เขาสูบเลือดของผมไปและเก็บใส่หลอดทดลอง ผมเจ็บแทบบ้า แต่ผมเหมือนได้ยินเสียงเหล่าพยาบาลกำลังตะโกนเรียกชื่อผมและเฉิน

    "อยู่ตรงนั้นค่ะหมอลู่!" พยาบาลคนมองมาที่พวกผม ทำให้พยาบาลและบุรุษพยาบาลกรูกันมาทางนี้ หนึ่งในนั้นคือคนที่ผมอยากเจอ

    "คุณเฉิน ไปเอาเลือดใครมาครับ" หมอลู่หานถามขึ้น ผมคิดว่าเขารู้อยู่แล้วแต่คงอยากจะได้คำตอบจากปากคนทำเสียมากกว่า

    "เพื่อนใหม่ไง ผมไม่ได้บังคับเขา"

    "ถึงเขาจะไม่ว่า คุณก็ทำไม่ได้ ถ้ามีครั้งต่อไปผมจะให้คุณมินซอกมัดคุณติดกับเตียงนะ"

    "ไม่เอา ผมไม่ชอบ ผมไม่ทำแล้ว"

    กระเป๋าคู่ใจของเฉินถูกเหวี่ยงลงพื้นโดยคนเป็นเจ้าของ เฉินวิ่งไปหาบุรุษพยาบาลหน้ากลมที่ยืนถัดจากหมอลู่หานไปไม่กี่ก้าวด้วยอารามกลัวการมัดติดเตียง

    หมอลู่หานแอบยิ้มขำเล็กๆ ก่อนจะเข้ามาดูผมและแก้มัดให้ ใบหน้าหวานชื้นเหงื่อคงเป็นเพราะวิ่งวุ่นหาผมเป็นแน่

    "ผมต้องขอโทษแทนเฉินด้วยนะ แล้วก็ขอโทษที่ไม่ได้ทำตามสัญญา พอดีผมติดประชุมด่วนตอนเช้า แต่ผมให้พยาบาลมาดูแลคุณแทนผม"

    หมอลู่หานเอ่ยขอโทษ ลึกๆผมก็แอบเสียใจที่เขาไม่ยอมทำตามสัญญาที่ให้ไว้กับผม เหมือนกับที่ซูจองนูน่าเคยบอกกับผม สุดท้ายเธอก็ผิดสัญญา

    นั้นเป็นเหตุผลที่ผมคิดว่าตัวเองไม่มีอะไรดีพอหรือสำคัญพอในสายตาคนอื่น ผมมองคำสัญญาในด้านลบมาตลอดจนถึงตอนนี้ ไม่เคยมีใครรักษาสัญญาที่ให้ไว้กับผมได้สักคนเดียว คำสัญญาสำหรับผมคือการให้ความหวังลมๆแล้งๆ

    ผมคิดจะเปิดใจยอมรับหมอลู่หานถ้าเขามาและทำตามสัญญาที่ให้ไว้ และเขาเองเป็นคนทำมันพังตั้งแต่เริ่ม แต่เพราะเหตุผลและคำขอโทษที่อาจจะดูจริงใจของเขาทำให้ผมโกรธไม่ลง

    "อยากให้ผมทำอะไรชดใช้ที่ผมผิดสัญญารึเปล่า ผมจะทำมันนะ ถ้าผมทำได้"

    หมอลู่หานถามผมขณะที่เรากำลังเดินเล่นในสวน เขายิ้มและรอฟังคำตอบจากผม ผมเองไม่นึกมาก่อนว่าเขาเป็นคนที่เคร่งในคำสัญญาเหมือนกับผม

    "รักษาคำสัญญาที่ให้กับผม ผมไม่ได้ขอมากเกินไปใช่มั้ย?”

    "นั้นถือว่าน้อยมาสำหรับผมนะ ผมนึกว่าคุณจะขออะไรที่ผมทำมันไม่ได้ซะอีกคุณคนไข้"

    เขาหัวเราะ หมอลู่หานคิดว่าผมใช้เวลานานเกินไปแล้วสำหรับการนั่งเล่นในสวน เขาเป็นคนพาผมกลับมาที่ห้องพัก ไล่เลี่ยกับเวลาอาหาร

    อาหารสุดคลาสสิกของโรงพยาบาลคงไม่พ้นข้าวต้มหรือไม่ก็กับข้าวรสชาติจืดชืด คุณหมอคนเก่งอาสาทานมื้อเที่ยงกับผมโดยสั่งให้นำอาหารของเขามาส่งที่นี่

    อาหารเที่ยงของหมอและคนไข้สภาพไม่ต่างกันมากมัก แค่เพิ่มผัดเปรี้ยวหวานมาเรียกรสชาติก็เท่านั้น อย่างน้อยมันก็สามารถกระตุ้นน้ำย่อยในกระเพาะผมได้ไม่มากก็น้อย

    ผมนอนหลับไปงีบใหญ่ ตื่นมาอีกครั้งตอมสองทุ่มกว่าๆเกือบสามทุ่ม โต๊ะข้างเตียงมีวิทยุเครื่องเล็กกับหนังสือเล่มหนาอีกห้าเล่มวางทับกับ คงจะเป็นของหมอลู่หานเอามาให้ผมอ่านแก้เบื่อ






    ตอนสองทุ่มผมเข้าไปตรวจคนไข้เซฮุนอีกครั้งพร้อมหนังสือวรรณกรรมห้าเล่มในอ้อมแขนและวิทยุเครื่องเล็กที่ผมเองซื้อมาแต่ไม่ได้ใช้มาให้เขา

    หลังจากเสร็จมื้อเที่ยงกับคนไข้ในการดูแล ผมรีบดิ่งไปที่ห้องผู้อำนวยการทันทีเพื่อส่งคำร้องขอคนไข้ชายนามโอเซฮุนเป็นคนไข้ในการดูแล ซึ่งท่านเองก็ไม่ขัดอะไร เพียงแค่เซ็นเอกสารอนุมัติให้ผมเป็นการอนุญาต

    ไฟในห้อง094ไม่ได้เปิดไว้ เขากำลังหลับสนิทบนเตียง ผมจะทำอะไรได้นอกจากเอาของที่หอบหิ้วมาให้วางไว้ที่โต๊ะข้างเตียงและเดินออกมา

    ผมกลับมานั่งทำงานในห้องสี่เหลี่ยมอีกครั้ง บนโต๊ะมีเพียงประวัติคนไข้โอเซฮุนวางไว้อยู่ นั่งอ่านมันซ้ำๆ แต่ประวัติของเขามันเข้าใจยากเหมือนกับเจ้าของเอกสารนี่แหละ

    ในเอกสารระบุว่า โอเซฮุนมีอาการซึมเศร้าตั้งแต่ตอนมัธยมต้นและเป็นโรคจิตเภทธรรมดาตอนทำงาน ผมคิดว่าเขามีอะไรดีกว่านั้นมากแน่นอน แต่เขาปิดกั้นตัวเองจากคนอีก แม้กระทั่งผม เขายังไม่ค่อยจะเปิดรับเสียเท่าไหร่เลย

    ผมนั่งอยู่ที่นี่นานพอควรแล้วและคิดว่าควรจะกลับบ้านพักได้เสียที ร่างกายของผมเหนื่อยล้ามากจากการวิ่งเมื่อตอนสายๆ ผมคิดว่าสถานการณ์แบบนี้มันคงไม่เกิดขึ้นอีกกับผมนะ

    ระหว่างทางไปหอพัก ผมต้องเดินผ่านห้องผู้ป่วยนามว่า บยอนแบคฮยอน และเขาก็มักจะแหกปากร้องเพลงตอนดึกๆ และไม่พ้นบุรุษพยาบาลชานยอล ที่ต้องเขามาฉีดยานอนหลับให้

    หมออี้ชิงที่หายไปตั้งแต่หัวค่ำคงจะมานั่งสวีทอยู่กับคริส ดาราคนดังที่เสพติดการจูบ แต่แฟนคลับหรือนักข่าวไม่มีใครรู้เกี่ยวกับอาการของคริส และเขาเองก็ถอยออกมาจากวงการมายาทีละก้าว ตอนแรกท่านผู้อำนวยการบอกให้เขามาเป็นคนไข้ในการดูแลของผม ผมปฏิเสธออกไปทันทีและโบยให้อี้ชิงดูแล นั้นทำให้จูบแรกของผมยังไม่โดนพราก

    และผมก็ผ่านห้อง094 ไฟสีส้มสว่างลอดออกมาด้านนอก ด้วยความอยากรู้ผมจึงหยุดเดินและมองลอดผ่านช่องประตู หนังสือที่ผมเอาไปให้เขาอ่าน เขากำลังจะอ่านเล่มแรกจบในเวลาสามชั่วโมง! ถึงแม้ผมจะชอบอ่านหนังสือมากๆแต่ผมไม่เคยสามารถอ่านจบได้ในเวลาสามชั่วโมง อย่างต่ำก็วันหนึ่งเป็นอย่างน้อย

    ผมแอบมองเขาได้พักใหญ่ก่อนจะเดินจากออกมา อย่างน้อยผมก็ดีใจที่เขาชอบหนังสือที่ผมเอามาให้

  • หมอลู่หานรักษาสัญญาอย่างที่เขาบอก เขาพาผมเดินไปที่สวนในตอนเช้า แต่เพราะหนังสือเรื่องในสวนศรี (The Secret Garden) ของฟรานเซส ฮอดจ์สัน เบอร์เน็ตต์ ทำให้ผมวางไม่ลงและเอามันไปด้วย หมอลู่หานเองก็ดูพอใจอยู่มากที่หนังสือของเขาสามารถทำให้ผมมีความสุขในการอ่าน

    สมัยตอนที่ผมเรียนมัธยมปลาย วิชาหนึ่งที่ผมเกลียดที่สุดคือวิชาภาษาต่างประเทศ ผมจะต้องแปลหนังสือวรรณกรรมอะไรก็ได้สักเรื่องไปส่งอาจารย์ การแปลของผมเรียกว่าห่วยที่สุดของห้องเลยก็ว่าได้ จะทำอะไรได้ล่ะ ก็ผมไม่ได้เก่งการเรียบเรียงอักษรให้ออกมาสวยงามเหมือนเพื่อนผู้หญิงในห้อง แต่มาวันนี้ผมกลับหลงใหลมัน ผมคิดว่าผมชอบมันเข้าแล้ว

    “ถ้าคุณอ่านจบทั้งห้าเล่มแล้วก็บอกผมได้นะ ผมจะไปเอาเรื่องอื่นมาให้อีก”

    “ครับ หนังสือของคุณหมอทำเอาผมวางไว้ลง”

    “ผมก็เหมือนกัน ช่วงมัธยมผมเห่อหนังสือวรรณกรรมมากเลยนะ บางเล่มซื้อมายังไม่ได้อ่านด้วยซ้ำ คุณอาจจะได้อ่านก่อนเจ้าของอย่างผมด้วยซ้ำ”

    เขายิ้มให้ผมอีกแล้ว บางทีผมอาจจะไม่ได้หลงใหลแค่หนังสืออย่างเดียว เจ้าของหนังสือกำลังจะทำให้ผมหลงใหลเขาไปด้วยเช่นกัน

    “ลืมบอกคุณไปเลยคนไข้โอ ผมคิดว่าจะพาคุณไปบำบัดที่เชจู บางทีท้องฟ้าในเมืองคุณอาจจะเบื่อแล้ว ลองไปมองท้องฟ้าที่ต่างจังหวัดพร้อมกับฟังเสียงเกรียวคลื่นของทะเลดูบ้างมั้ยล่ะ”

    “เราไปที่นั่นได้หรอ?”

    ผมถาม คนที่มีอาการทางจิตแบบผมออกไปจากที่นี่ได้ด้วยหรือ ตามที่ผมเคยได้ยินมา คนที่มีการอาการทางจิตจะต้องรักษาจนหายก่อนจึงจะได้รับอนุญาตให้ออกไม่ใช่หรือ

    “คนมีอาการทางจิตก็ไม่ต่างอะไรกับคนธรรมดาหนิ คุณก็เป็นคนเหมือนกับเขา ไม่ใช่สัตว์ประหลาดเสียหน่อย อีกอย่าง ไปกับผม ผมจะดูแลคุณเองคุณคนไข้ เชื่อใจผมสิ”

    “ครับ ผมเชื่อใจคุณ คุณหมอลู่หาน”

    มือเล็กๆของหมอลู่หานลูบผมสีบลอนด์ของผมอย่างอ่อนโยน ผมไม่รู้หรอกนะว่าเขาจะอายุมากหรือน้อยกว่าผม แต่ผมชอบสิ่งที่เขากำลังทำ

    นัยน์ตาสีน้ำตาลอ่อนน่าหลงใหลมากสำหรับผม มันคล้ายกับของซูจองนูน่า แต่ของเขามันหวานกว่ามาก ผมเผลอจ้องสบตาคู่นั้นอย่างห้ามไม่ได้ ทำไมผมใจง่ายแบบนี้นะ

    "คุณเนี่ย ชอบมองหน้าผมเสียจริง"

    คุณหมอลู่หานเป็นฝ่ายหลบสายตาผมก่อน ใบหน้าของเขามีเลือดฝาดตามพวงแก้มและใบหู ผมเห็น ซูจองนูน่าไม่เคยมีอาการแบบนี้เวลาผมเธอ เธอไม่มีกิริยาโต้ตอบแบบคนรักกับผม นี้คืออีกข้อที่ผมควรจะยอมรับมันได้แล้ว

    แต่เพราะผมไม่กล้าพอที่จะยอมรับความจริง ผมหลอกตัวเองมาเสมอเรื่องซูจองนูน่า เธอหายไปจากผมตลอดกาลแล้วแต่ผมกลับหลอกตัวเองว่าเธอยังอยู่ สมองสั่งให้เกิดภาพหลอนและผมก็เข้าสู่โรคประสาทในที่สุด

    ผมอยากจะเริ่มต้นใหม่กับใครสักคน คนที่ยอมรับในตัวผมและรักษาสัญญา ผมไม่รู้หรอกนะว่ามันจะเกิดตามที่ผมขอได้รึเปล่า ผมกำลังรอคนๆนั้นอยู่นะ รีบมาหาผมเสียทีสิ

    "ผมไปตรวจคนไข้คนอื่นต่อก่อนนะ แล้วเจอกัน"

    หมอลู่หานโบกมือลา ผมมองตาเขาตาละห้อยเพราะตอนนี้ผมต้องนั่งอยู่คนเดียว ไม่สิ มีคนอื่นอยู่อีกแต่ผมไม่รู้จักพวกเขาและไม่กล้าพอที่จะเป็นฝ่ายเริ่มก่อน แต่มีหนึ่งในนั้นที่ผมรู้จักเขาแล้ว

    คุณเฉิน

    คุณเฉินกำลังนั่งเล่นกับกล่องของเล่นหมอสีชมพู มีตุ๊กตาสัตว์หลายชนิดนั่งรายล้อมเขาอยู่ ในมือเขามีอีกตัวและมันกำลังถูกเขาจับฉีดยา ผมหอบหนังสือเล่มหนาไปหาคุณเฉินที่นั่งอยู่อีกฟากของสนามหญ้า

    "คุณเฉิน"

    "โอ๊ะ! นายคนเมื่อวานหนิ มานั่งก่อนสิ" เขาตบพื้นหญ้าข้างๆตัวเรียกให้ผมไปนั่ง ผมนั่งลงตามที่บอกและมองดูเขาเล่นกับตุ๊กตาพวกนั้น

    "คุณเฉินอยากเป็นหมอหรือครับ"

    "ใช่" เขาพยักหน้า "หนังสือนั้น ฉันก็ตรวจให้ได้นะ"

    เขาชี้มาที่หนังสือปกเขียวที่ผมกำลังถืออยู่ ผมไม่ให้เขาแตะมันหรอก นี่ของหมอลู่หานเชียวนะ ถ้าเกิดมันพังขึ้นมา หมอลู่หานต้องไม่ให้ผมยืมหนังสือของเขาอีกแน่

    "ไม่ได้หรอก นี่ของหมอลู่หาน"

    ผมรีบเอาหนังสือไปกอดแน่นๆเหมือนเด็กหวงของ เฉินเองก็ไมได้อะไรกับผมมาก เขากลับไปสนใจเหล่าคนไข้ของตัวเองแทนที่จะพยายามแย่งหนังสือไป ผมกับเขาไม่พูดอะไรกันอีกเลย ต่างคนต่างทำในสิ่งที่ตัวเองกำลังชอบ บางทีผมควรลาออกจากบริษัทนั้นเองโดยไม่ต้องมีคนไล่แล้วไปเช่าที่เปิดร้านหนังสือเล็กๆแถวบ้านจะดีกว่าเป็นไหนๆ

    อาการตอนนี้เริ่มจะร้อนแล้ว ผมปลีกตัวออกมาเดินกลับไปนั่งตากแอร์ในห้องจะดีกว่า วิทยุที่วางอยู่อย่างเดิมถูกเปิดขึ้นและผมก็เริ่มฮัมเพลง...

    ...ผมเดินพร้อมคุณไปทีละก้าว
    เดินซ้ำบนรอยเท้าของคุณโดยที่คุณไม่รู้
    โอ้ กลิ่นหอมของคุณชัดเจนเหลือเกิน
    แค่ได้เดินผ่านก็รู้สึกหอมหวานอะไรอย่างนี้...


    เพลงฟังสบายจากสถานีวิทยุทำให้ผมผ่อนคลายมากเป็นพิเศษ อาหารกลางวันมาส่งตามปกติแต่ไร้เงาของคุณหมอหน้าหวานที่ผมกำลังรอ ข้าวในถ้วยแหว่งไปเพียงนิดเดียวเพราะผมไม่หิว

    ผมผลักโต๊ะออกไป คว้าหนังสือที่อ่านค้างไว้มาเปิดอ่านต่อ ผมไม่สนใจหรอกนะว่าผมจะโดนดุจากพยาบาลรึเปล่า ผมสนใจแค่ว่าคุณหมอลู่หานจะมาหาผมแค่นั้น ผมกำลังเสพติดเขาอย่างถอนตัวไม่ขึ้น






    ผมออกมาทำธุระนอกโรงพยาบาลพร้อมกับหมอซูโฮ รุ่นพี่ของผม เรานัดกันออกมาจิบกาแฟและคุยเรื่องหมอๆกันเป็นส่วนใหญ่ พี่ซูโฮเป็นหมอศัลยกรรม อยู่ในโรงพยาบาลเอกชนแห่งหนึ่งในโซล ผมกับเขาสนิทกันเป็นพิเศษเพราะเราเคยลองคบกันแต่ผลที่ออกมา มันไปไม่รอด เราจึงลดสถานะมาเป็นแค่รุ่นพี่รุ่นน้องกันตามเดิม

    "เป็นไงบ้างเราน่ะ งานโรงพยาบาลจิตเวช" พี่ซูโฮเอ่ยถามผมพร้อมรอยยิ้ม

    "ก็โอเคครับ ไม่ได้แย่อย่างที่คิดไว้"

    "แล้ว...คบใครรึยังล่ะ"

    คำถามสุดเบสิกของใครหลายๆคนที่บางคนยากที่จะพูด ใครบางคนพูดออกมาตรงๆ ผมไม่รู้จะตอบพี่เค้าว่ายังไง ผมแอบชอบคนไข้ ฟังดูผิดจรรยาบรรณมากใช่มั้ยล่ะ นั้นแหละที่ผมไม่กล้าที่จะบอกไป

    "ก็.. ตามเดิมแหละครับ"

    "โกหกไม่เนียนเลยนะครับน้องลู่หาน"

    "โห่ พี่ซูโฮรู้อยู่แล้วๆจะถามทำไมครับ ผมไปไม่ถูกเลยนะ"

    "ฮ่าๆๆ เพราะเราเป็นแบบนี้ไง ความลับเยอะแบบนี้"

    พี่ซูโฮหัวเราะ มันก็จริงอย่างที่เขาพูด ผมมีอะไรไม่เคยปริปากบอกใคร ผมมักจะเก็บงำไว้คนเดียวและผมรู้อยู่แค่คนเดียว

    เราคุยกันนานพอสมควร เวลาบอกว่าอีกสิบห้านาทีจะเที่ยง เราต่างคนต่างร่ำลากัน พี่ซูโฮเดินไปก่อนโดยที่ผมกำลังยืนคิดอะไรบางอย่าง

    รถบรรทุกสิบล้อวิ่งมาทางที่พี่ซูโฮอย่างเร็ว ผมรีบวิ่งไปดันตัวพี่เค้าออกโดยไม่ได้คิดเลยว่าตัวเองจะเป็นอย่างไร

    เอี๊ยดดดดดด

    โครม!

    "ลู่หาน!!!"






    หมอลู่หานผิดสัญญาที่ให้กับผมอีกแล้ว ผมรอเขาตอนเที่ยง รอแล้วรอเล่าแต่เขาก็ยังไม่มาเสียที ผมก็เบื่อที่จะอุดอู้อยู่ในห้องเหมือนกัน ผมเดินทอดน่องออกมาตามทาง ผมเลือกที่จะไปนั่งเล่นที่บนดาดฟ้า พอเงยหน้ามองแล้วก็อดคิดถึงซูจองนูน่าขึ้นมาดื้อๆ แต่ก็มีภาพฉายซ้อนขึ้นมาเป็นหน้าหมอลู่หาน

    ผมสะบัดหัวสองสามครั้งไล่ความคิดบ้าๆออกจากหัวและลงมาเล่นอยู่ที่สวนแทน

    "เกิดเรื่องใหญ่แล้วพวกเธอ หมอลู่หานถูกรถชน"

    "ตายจริง! แล้วเป็นไงบ้าง"

    "ยังไม่ออกจากห้องฉุกเฉินเลยเธอ"

    เสียงพูดคุยของพยาบาลสาวคุยกัน ใครถูกรถชน? ผมได้ยินแว่วๆมาเท่านั้นแต่ก็ไม่ได้เอะใจอะไร ว่าแต่หมอลู่หานหายไปไหนของเขานะ

    "คุณเฉินครับ เห็นหมอลู่หานบ้างมั้ย"

    "ฉันยังไม่เห็นเค้าเลยนะ ลองถามมินซอกดูซิ" เฉินโบยไปทางบุรุษพยาบาลหน้ากลมที่กำลังเดินมาทางพวกเรา หน้าของคุณมินซอกดูเศร้าๆชอบกล

    "คุณมินซอกครับ เห็นหมอลู่หานมั้ย"

    "เอ่อ.. หมอลู่ไปทำธุระน่ะ"

    "คุณมินซอกโกหก เขายังบอกผมอยู่เลยว่าจะมาหาผม"

    "คนไข้โอตั้งสติแล้วฟังที่ผมพูดนะ หมอลู่หานถูกรถชน อาการโคม่าอยู่ไอซียู"

    ประโยคสุดท้ายที่คุณมินซอกบอกกับผม ทำให้ผมเหมือนคนล้มทั้งยืน หมอลู่หานถูกรถชน ไม่ มันต้องไม่เป็นแบบนั้นสิ คุณมินซอกอำผมเลยใช่มั้ย ฮึก อำผมเล่นใช่มั้ย!!

    "ผมกำลังจะไปเยี่ยมหมอลู่ คุณจะไปด้วยมั้ยคนไข้โอ"

    "ไป ผมจะไปหาเค้า"






    ผมเจ็บที่หัวหลังจากฟื้นมาได้ไม่นาน ร่างกายของผมยังขยับไม่ได้มากเพราะความบ้าบิ่นที่เอาตัวเองไปรับแรงกระแทกแทนพี่ซูโฮ ผมได้ยินเสียงร้องไห้ข้างๆตัว แต่ผมไม่สามารถลืมตาที่หนักอึ้งได้ในตอนนี้

    ตอนนี้คนไข้โอของผมคงโกรธผมอยู่เป็นแน่ที่ผมทำตามที่บอกกับเขาไม่ได้ ผมผิดสัญญากับเขาอีกแล้ว ผมรักษาสัญญาที่ให้ไว้กับเขาไม่ได้เลยสักนิด เซฮุนน่า ผมขอโทษนะ

    "หมอฟื้นขึ้นมาสิครับ ฮึก รีบฟื้นขึ้นมาสิ"

    นั้นเสียงคนไข้ของผมรึเปล่า เค้ากำลังพูดกับผม ผมอยากตอบเขาไปดังๆว่า ผมก็อยากจะลืมตาไปเจอเขาเหมือนกัน แต่ผมทำไม่ได้

    "ผมจะไม่ยอมปล่อยหมอไปเหมือนกับซูจองนูน่าเด็ดขาด ฮือ หมอฟื้นขึ้นมาหาผมสิครับ"

    เขาจับมือผมไปแนบกับแก้มเนียน น้ำอุ่นๆที่หลั่งมาจากตาทำให้ผมรู้สึกผิด ผมอยากจะซับน้ำตาให้เขา อยากจะรักษาเขาให้หายจากอาการที่เขากำลังเผชิญ ผมพยายามจะลืมตามองเขา ถึงแม้มันจะยากเย็น ผมก็จะพยายาม ผมไม่อยากให้เขาผิดหวังอีก

    "หมอฟื้นแล้ว ฮึก คุณฟื้นแล้ว"

    ก้านนิ้วยาวของเขาเกลี่ยน้ำตาจนหมดและเข้าสวมกอดผมแน่น ผมเห็นเขายิ้มออกมาด้วยความดีใจ รอยยิ้มแรกที่เขายิ้มให้ผม

    คนไข้ของผมกดกริ่งเรียกหมอและกลับมานั่งที่ข้างเตียงของผม ผมยังพูดอะไรไม่ได้มาก ลำคอแห้งผากไปหมด ไหนจะเครื่องช่วยหายใจนี่อีก

    สายตาของความห่วงใยถูกส่งมาให้ผมเรื่อยๆ เราสองคนสบตากัน ไม่มีใครละสายตาจากใคร และเซฮุนก็เป็นคนทำลายความเงียบขึ้นมา

    "ตอนแรกผมโกรธหมอมากที่หมอไม่รักษาสัญญากับผม แต่พอรู้ว่าหมอถูกรถชน ความโกรธทั้งหมดก็หายไป ผมเป็นห่วงหมอ ผมอยากดูแลหมอ ให้ผมเป็นคนดูแลหมอได้มั้ยครับ"

    ผมตอบอะไรเขาไม่ได้ ผมได้แต่มองเขาอยู่แบบนั้น การมองของผมพล่าเลือนลงไปเพราะของเหลวใสที่กลิ้งไปมาในแก้วตาสวย เขาเอื้อมมือมาเกลี่ยน้ำตาให้ผมและจูบลงที่หน้าผากของผม

    ผมชอบคนไข้โออย่างถอนตัวไม่ขึ้นแล้วหล่ะ

Views

เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น

Log in