[TW: Self-harm]
เขียนที่ เป็น ตา ฮัก เมืองอุบล (12.17 AM)
ขณะนอนฟังเสียงแฟนกรน และเปิดดู The Sum of All Fears ไปพลางๆ
เพิ่งกินยาหลายขนานเข้าไป สองในนั้นจะทำให้ง่วงและหลับภายในหนึ่งชั่วโมงตามที่แพทย์บอก
นั่นหมายความว่าเราน่าจะต้องรีบพิมพ์ให้จบก่อนหนังตาจะปิด .
สัปดาห์ที่ผ่านมา เรากรีดข้อมือสองข้างด้วยใบมีดโกนไปทั้งหมดประมาณ 50 รอย
ไม่มีรอยแผลไหนลึกพอจะทำให้ตายหรือกระทั่งบาดเจ็บสาหัสด้วยซ้ำ
แต่ก็นั่นล่ะ ,, พอจะฝากแผลเป็นจางๆ ไว้บนข้อมือสองข้างไปอีกนาน (หลังจากนี้ขอฝากความหวังไว้ที่ฮีรูดอยด์)
ตอนก่อนวันเกิดอายุ 27 เราไปพบจิตแพทย์ โดยที่พอจะรู้ตัวอยู่แล้วว่าน่าจะมีอาการบางอย่างที่เสิร์ชกูเกิลเจอว่า PMDD (รายละเอียดไปหาอ่านเอาเอง แบร่ .) ก็นั่นแหละ ก็จริง ก็เป็นไปตามที่คนใกล้ชิดสงสัย และก็เลยกลายเป็นมนุษย์ที่ต้องกินยาต้านเศร้าโดสเบาๆ เพื่อไม่ให้อารมณ์เหวี่ยงกระชากตามฮอร์โมนขึ้นลงมากจนเกินไป
ชีวิตรอบเดือนแรกหลังจากกินยาก็รู้สึกดีอย่างประหลาด (ไม่แน่ใจว่ารู้สึกดีหรือรู้สึกเฉยๆ แต่ไม่ดิ่งดี) ซึ่งส่วนนี้เราก็ไม่รู้ว่ามันเป็นผลทางใจว่า เออ เราไม่ใช่คนนิสัยไม่ดีเว่ย เราแค่งอแง เพราะฉะนั้นเมื่อรู้สึกว่าได้กินยา (=ได้รักษา) ก็เลยรู้สึกว่าอะไรๆ ก็คลี่คลายกระมัง แต่ดูเหมือนว่าไม่ใช่แค่ placebo effect เพราะคนใกล้ตัวก็บอกว่าเราดีขึ้น predictable ขึ้น หลายทีที่เราเองจะงงว่า "เอ๊ะ เรื่องนี้ต้องโกรธไหม ต้องร้องไห้ไหม ต้องงอนหรือเปล่า?" เพราะอยู่ๆ อะไรๆ ก็ไม่กระแทกใจเท่าที่ผ่านมา แฟนเราใช้คำว่า "ชีวิตคนปกติเขาก็เป็นแบบนี้แหละ" ซึ่งนั่นก็เป็นเรื่องน่ายินดีในความสัมพันธ์ที่ตลอดมามันมีปัญหาเพราะอารมณ์ของเราเรื่องเดียว เรื่องอื่นดี๊ดี
อาการของเรานั้น เรียกได้ว่าเป็น vicious cycle ได้เต็มปากเต็มคำ จริงๆ อยากจะเขียนแผนภาพให้ดูเลยว่าชีวิตหนึ่งรอบเดือนของเรานั้นเป็นยังไงบ้าง ประกอบด้วย
- วันที่ 1-7 : ทุกข์ทรมานกายตามสมควรของการเป็นมนุษย์เมนส์ ปวดท้อง ปวดหลังตามประสา
- วันที่ 8-14 : แฮปปี้ดี๊ด๊า ลั๊นล๊า รู้สึกสวย สนุก ใกล้ไข่ตกพร้อมทำศึกตลอดเวลา
- วันที่ 15-21 : พอพ้นไข่ตก ฮอร์โมนเริ่มเหวี่ยงเริ่มไม่ค่อยสนุกละ เริ่มเหนื่อยละ
- วันที่ 22-29 : ผีบ้าเข้า . จิตตก เจ็บนม ปวดหัว นอนไม่หลับ นอนไม่ลุก อยากตาย ตัวบวม หิวอะไรซักอย่าง ท้อแท้ โลกแม่ง .
แล้วทุกอย่างก็วนลูปอย่างนี้ไปทุกเดือน
นอกจากสงสารตัวเองแล้ว ก็ยังสงสารคนใกล้ตัวที่ต้องคอยปรับตัวตามให้ทันยิ่งกว่ากับความผวนผันเหล่านี้
แต่พอกินยาไปซักเดือนสองเดือนอะไรๆ มันก็ดูจะดีขึ้น นอกเหนือจากอาการง่วงๆ ซึมๆ เพราะฤทธิ์ยานิดหน่อย แต่ก็แก้ไขกันไปได้
อยู่ๆ ปัญหาการนอนก็ผุดขึ้นมา .
เราไม่สามารถนอนได้เกินสามชั่วโมงรวดต่อคืนได้เลย เดี๋ยวก็ตื่น เดี๋ยวก็ตื่น ยิ่งพยายามหลับช่วงใกล้เช้ายิ่งฝันร้าย ยิ่งทำให้ช่วงเวลาเช้ามันยากเย็นและงอแงกับเรามากกว่าจะลุกจากเตียงได้
ไม่เคยรู้สึกว่านอนพอเลย และยิ่งรู้สึกกลัวการนอนเพราะไม่อยากฝันร้าย ยิ่งอยากนอนให้คุณภาพดียิ่งเหมือนกดดันตัวเอง ซึ่งนั่นก็ยิ่งทำให้นอนไม่ได้ และฝันร้ายน่ากลัวมากๆ
กลายเป็นว่าความแปรปรวนจากอารมณ์นั้นกลับเป็นปัญหารองไป พร้อมๆ กับที่เราจัดการ stressor ในชีวิตได้พอสมควร ปัญหาการนอนหลับให้ได้ดีกลายเป็นปัญหาใหญ่ขึ้นมา
นอนไม่ดี > อารมณ์ไม่ดี > เซกส์ไม่ดี > ทำงานไม่ดี > อารมณ์ไม่ดี > นอนไม่ดี (แต่ยังกินดีอยู่เสมอ อีห่า น้ำหนักแม่ง)
สุดท้ายหลังจากทำ sleep log ตามคุณหมอสั่งเพื่อดูแพทเทิร์นการนอนไปหนึ่งเดือนเต็ม เราก็ขอกินยานอนหลับดีกว่า เพราะว่าขี้เกียจจะใช้วิธีปรับพฤติกรรม แต่แลกกับว่าต้องงดแอลกอฮอล์พร้อมยาอย่างเด็ดขาด เดี๋ยวจะกดระบบหายใจจนตายเอาได้
คืนแรกที่กินยานอนหลับแล้วตื่นเช้าขึ้นมา
เรารู้สึกว่าผู้ค้นคิดควรจะได้รางวัลโนเบล แม่งดีมากๆ ดีมากจริงๆ ในรอบหลายเดือน
คุณหมอบอกไว้ล่วงหน้าก่อนแล้วว่า สำหรับร่างกายคนที่เคยดื่มหนักๆ มันจะมีความ tolerance ต่อยาอยู่ เราจึงสามารถปรับยาเองได้ตามความเหมาะสมของตัวเอง เคยทดลองกินยานอนหลับโดสต่ำสุดตอนเช้าทำงาน ก็ยังทำได้ปกติดี มี drownsy นิดๆ แต่นิดเดียวเท่านั้น หลังจากนั้นก็เลยกินโดสสูงขึ้นมาหน่อยด้วยตัวเอง แต่ก็กลายเป็นว่า เหมือนตอนกินเบียร์เลย สมัยวัยใสเบียร์แก้วแรกก็เมา ซักพักต้องสองแก้ว ต้องมากขึ้นถึงจะรู้ฤทธิ์ แย่เหมือนกัน ในบางวันทีกินยานอนหลับมากๆ ตื่นมาก็จะสะโหลสะเหลโซเซไปพอสมควร
เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น
Log in